• ปาริธ พระเอกหนุ่มน้องใหม่ หล่อ เก่ง ครบสูตร
  • ได้ทำตามฝัน เข้าวงการเป็นนักแสดงเต็มตัว
  • พระเอกผู้ชายมาดเข้ม แต่กลับชื่นชอบสีชมพู  

ปาริธ ทิมทอง พระเอกน้องใหม่มาดเข้มของช่อง 3 ที่มีผลงานละครเรื่อง Help Me คุณผีช่วยด้วย ที่เพิ่งลาจอไปหมาดๆ ที่ละครเรื่องนี้ปาริธก็ขโมยหัวใจสาวๆ ไปไม่แพ้ตอนที่เล่นเรื่องเขาวานให้หนูเป็นสายลับ

ซึ่งต้องบอกเลยว่า โปรไฟล์พระเอกคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะเขาคนนี้มีดีกรีเรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ปาริธเล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่เลือกเรียนวิศวะไฟฟ้าว่า เพราะเขาชอบเรียนวิชาฟิสิกส์ที่สุด เป็นวิชาที่ถนัดที่สุด รู้สึกว่าฟิสิกส์เป็นอะไรที่เข้าใจง่าย 

และนอกจากจะเรียนเก่งแล้ว ปาริธ ทิมทอง ยังเป็นลูกที่ดีอยู่ในกรอบ เพราะไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วง และผลของการเป็นเด็กในกรอบเลยทำให้พ่อแม่ไว้ใจ และปล่อยให้ตัดสินใจอะไรๆ ด้วยตัวเอง เพราะท่านไว้ใจเวลาจะทำอะไร ไปไหน ครอบครัวพร้อมที่จะซัพพอร์ตเสมอ

วันนี้บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ได้คว้าตัวพระเอกน้องใหม่มาดเข้มแต่น่ารักคนนี้ มานั่งพูดคุยเพื่อล้วงลึกถึงเรื่องราวส่วนตัวของเขาให้ได้มากที่สุด แม้จะเป็นการสัมภาษณ์ผ่านทางวิดีโอคอล แต่ความหล่อของปาริธก็ทะลุจอกระแทกตากระแทกใจเราจังๆ 

"ผมอยากจะเป็นนักแสดง"

เราเริ่มคำถามแรกกับ ปาริธ ด้วยคำถามง่ายๆ ว่าเพราะได้เล่นละครแค่ 2 เรื่องเท่านั้น ปาริธ ทิมทอง ก็ได้ขึ้นแท่นเป็นพระเอกละครเรื่องแรกอย่างเต็มตัว งานนี้เราเลยถามพระเอกหนุ่มมาดเข้มคนนี้ว่า แอบมีความกดดันหรือตื่นเต้นหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวตอบคำถามนี้ด้วยรอยยิ้มที่ขยี้หัวใจว่า 

...

"จริงๆ ผมอยากเป็นนักแสดงอยู่แล้ว สมัยตอนที่เรียน มีเพื่อนที่เป็นนักแสดง ผมเห็นแล้วรู้สึกว่าอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพที่ท้าทายตัวผมมาก เป็นอาชีพที่ผมอยากจะทำตั้งแต่เด็ก ความที่เป็นเด็กชอบแสดงออกด้วย ชอบร้องเพลง เลยกลายเป็นทำให้ผมอยากทำงานตรงนี้ 

แต่ผมก็ไม่เคยไปแคสต์งาน แม้ผมจะชอบ จนผมได้เจอพี่เอ ศุภชัย และพี่เอก็ได้ให้โอกาส ผมก็อยากทำด้วย เลยทำให้ผมยิ่งรู้สึกแฮปปี้กับการทำงานในวงการบันเทิงมากๆ เหมือนมันเป็นโชคชะตาที่วางเอาไว้แล้ว (ยิ้ม) 

ความรู้สึกมันมีครบหมดเลยเมื่อรู้ว่าจะได้เป็นพระเอกละคร (ยิ้ม) มันตื่นเต้น ดีใจ และผมเป็นนักแสดงใหม่ ยิ่งต้องรีบพัฒนาตัวเองให้ไวและหนักมากกว่าคนอื่น มันเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่และเป็นสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น มันเป็นโอกาสที่ผู้ใหญ่ให้มา

ผมก็อยากจะทำให้เต็มที่และดีที่สุดเท่าที่ผมสามารถจะทำได้ ทำงานให้เต็มที่ อยากให้งานออกมาดีทุกงาน ผมไปเรียนการแสดงเพิ่มเพราะอยากทำงานให้ออกมาดี เลยทุ่มเทเวลาให้กับมัน

และยิ่งละครออนแอร์ แฟนๆ ก็ให้การตอบรับดี ฟีดแบ็กตอบกลับมาดีก็ทำให้ผมรู้สึกชื่นใจในสิ่งที่ผมตั้งใจทำงานมา หายเหนื่อยเลย แฮปปี้มาก

ผมอยากจะขอบคุณผู้ใหญ่มากนะครับที่ให้โอกาส ผมจะทำให้เต็มที่ที่สุด ขอบคุณจากใจจริงๆ ครับที่ให้โอกาสผม"

หลังจากที่ปาริธได้เข้ามาโลดแล่นในวงการบันเทิง งานนี้เราเลยถามพระเอกหนุ่มทันทีว่า พอได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงแล้วความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเจ้าตัวยิ้มหวานและตอบว่า 

"การทำงานวงการบันเทิงมันสนุกมากครับ ก่อนที่จะได้เข้ามาทำงานในวงการ ผมรู้สึกว่าวงการบันเทิงมันเป็นอะไรที่ดูท้าทายความสามารถมากๆ และยังทำให้เราได้พัฒนาตัวเองในทางที่ดีขึ้น แต่พอได้มาทำงานในวงการบันเทิง มันกลับสนุกกว่าที่ผมคิดไว้เยอะมาก

คือวงการบันเทิงทำให้ผมได้เจออะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เจอคนใหม่ๆ ร่วมงานกับนักแสดงที่เราไม่เคยร่วมงาน ได้รับบทบาทที่ในชีวิตจริงไม่สามารถเป็นได้ พอได้มาทำงานตรงนี้ ผมรู้สึกว้าว แปลกใหม่ และตื่นเต้นสำหรับผมตลอดเลยครับ

ความท้อในการทำงานไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวผมเลย เพราะผมอยากจะทำงานในวงการบันเทิงอยู่แล้ว และผมก็เป็นคนที่สู้ อะไรที่อยากทำผมจะสู้ให้เต็มที่ ผมไม่รู้สึกท้อเลยเวลาที่ได้เจอหรือทำอะไรที่ไม่เคยทำ แต่กลับรู้สึกว่ามันยิ่งท้าทายความสามารถของตัวเอง ผมสนุกที่ได้ทำมัน" 

ไม่แบกความกดดัน

เพราะเป็นหนึ่งในเด็กที่ เอ ศุภชัย นักปั้นมือทองชักชวนให้เข้ามาทำงานในวงการ และเป็นที่รู้กันว่าพระเอกของพี่เอจะดังเปรี้ยงเป็นพระเอกแถวหน้าแทบจะทุกคน งานนี้ปาริธแอบกดดันจากความคาดหวังตรงนี้หรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวได้ตอบทันทีว่า

"ผมรู้สึกว่าการที่ผมได้เข้ามาทำงานในวงการและวันนึงได้เป็นพระเอก มันเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ เมื่อได้โอาสนั้นมาผมก็จะทำให้เต็มที่เท่าที่ผมสามารถทำได้ เลยไม่ได้กดดันกับการเป็นพระเอกที่ถูกพี่เอชักชวนเข้ามาแล้วจะต้องถูกจับตาหรือเปรียบเทียบกับใคร แค่อยากทำงานให้เต็มที่ก็พอ

ส่วนคำแนะนำในการทำงานในวงการบันเทิง ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกับพี่เอ พี่เอให้กำลังใจและคอยซัพพอร์ตผมมาตลอด พี่เอจะสอนตลอดว่า ทำให้เต็มที่และดีที่สุด ซึ่งสำหรับผม มันคือคำที่ทำให้ผมสู้และเป็นคำที่คอยสอนผม (ยิ้ม)"

...

เราถาม ปาริธ ต่อทันทีว่า ละครจะดังหรือไม่ ถูกวัดด้วยเรตติ้ง และปาริธได้เป็นนักแสดงนำในเรื่อง แอบกดดันหรือกังวลใจในเรื่องนี้หรือไม่ ปาริธยิ้มหวานและบอกกับเราว่า 

"ไม่เลยครับ ผมรู้สึกว่าหลายคนอาจจะไม่ได้ดูละครสด มาดูย้อนหลังกัน แค่คนชื่นชอบในละคร ประทับใจในละครที่ผมมีส่วนร่วมในการแสดง แค่นี้ผมก็รู้สึกแฮปปี้แล้ว มีความสุขมากแล้วสำหรับผม เรื่องเรตติ้งผมไม่ค่อยได้ซีเรียสเท่าไหร่

ผมก็คือนักแสดงคนนึงที่จะต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จะหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องเรียนรู้ให้ได้เร็ว เข้าใจอะไรง่ายๆ และสามารถเล่นให้ได้หลายบทบาท ต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ต้องพัฒนาเรียนการแสดงเพิ่ม เพราะจะได้พร้อมรับโอกาสจากผู้ใหญ่ที่จะให้บทที่ท้าทายความสามารถให้ผมได้ทำ"

"วงการบันเทิงไม่เปลี่ยนผม"

หลังจากที่ได้เข้ามาโลดแล่นในวงการตามความฝันแล้ว ปาริธมองว่าวงการบันเทิงได้เปลี่ยนแปลงตัวเขาไปมากน้อยแค่ไหน งานนี้พระเอกหนุ่มตอบคำถามนี้ว่า 

"วงการบันเทิงมันก็เป็นการทำงาน ออกไปทำงานเราก็คือนักแสดง ทำงานเสร็จกลับบ้านก็เป็นเหมือนคนทั่วไป ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตมันเปลี่ยนไปเลย ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร ตอนนี้ผมก็เป็นอย่างนั้นอยู่

...

การทำงานในวงการบันเทิงไม่ได้ทำผมเปลี่ยนไปขนาดนั้น เพราะตัวผมก็ทำทุกอย่างให้เหมือนปกติ ก็เลยไม่รู้สึกเปลี่ยน ชื่อเสียงที่เข้ามาก็ไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยนไป 

ผมเป็นผู้ชายติดบ้าน เวลาไม่ได้ไปทำงานก็อยู่บ้าน อยู่กับครอบครัว หากิจกรรมทำกับที่บ้าน และยิ่งตอนนี้ยิ่งอยู่ติดบ้านเพราะผมมีงานอดิเรกคือการปลูกกระบองเพชร ว่างจากการทำงานก็อยู่บ้านปลูกกระบองเพชรครับ (ยิ้ม)

ด้วยความที่ผมรู้สึกว่าบ้านคือสถานที่ที่มีความสุขของผม ได้ทำกิจกรรม กินข้าว ดูหนัง พูดคุยกัน มันคือความสุขที่แท้จริงสำหรับผมแล้ว ผมไม่รู้ตัวว่าเป็นคนติดบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้ว่าตัวเองเป็นคนติดบ้าน ให้ความสำคัญกับครอบครัว"

จากนั้น ปาริธ เล่าให้เราฟังถึงงานอดิเรกของเขากับการปลูกต้นกระบองเพชรให้ฟังด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขสุดๆ ว่า 

"เอาจริงๆ ผมไม่ได้คิดว่าการปลูกกระบองเพชรของผมจะกลายเป็นงานอดิเรก จากที่เริ่มซื้อมาแค่ 6 ต้น ตอนนี้ผมมี 300 กว่าต้นแล้ว เริ่มปลูกตั้งแต่กลางปี 63 มารู้ตัวอีกทีต้นกระบองเพชรเต็มบ้านแล้ว (ยิ้ม)

ต้นที่แพงที่สุด ไม่กล้าบอกราคาเลย (หัวเราะ) บอกเพื่อน 4 พันบาท แต่ราคาจริงไม่กล้าบอก ไม่ใช่เพราะกลัวโดนว่านะ ที่บ้านเขาไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว อะไรที่เป็นความสุขที่บ้านก็ปล่อยให้ทำ แต่ตัวผมเองรู้สึกไม่อยากบอกเพราะกลัวเขาจะไม่สบายใจ อะไรที่ผมชอบ ผมก็จะจ่าย"

...

ความลับของปาริธ 

เห็นเป็นหนุ่มมาดเข้ม ใครจะรู้ว่า ปาริธ ทิมทอง พระเอกหน้าหล่อของสาวๆ คนนี้จะชื่นชอบและหลงรักในสีชมพูสุดๆ ขนาดที่ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันยังต้องเป็นสีชมพู

"ผมเป็นคนที่ชอบสีชมพูครับ เพราะเป็นสีที่มองแล้วสบายตา ผมชอบสีชมพูพาสเทลนะ มองแล้วน่ารัก มารู้ตัวอีกทีผมก็ชอบสีนี้ไปแล้ว สายเบลต์รถของผมเป็นสีชมพู ลายคิตตี้ (หัวเราะ) คือผมบอกให้ที่บ้านซื้อให้ขอเป็นสีชมพู แล้วก็ได้เป็นลายนี้มาจริงๆ (หัวเราะ)

นอกจากนี้ก็ยังมีปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน เป็นสีชมพูหมดเลย แม้แต่ผนังห้องนอนก็เป็นสีเกือบชมพูเหมือนกัน (ยิ้ม) ถามว่าโดนแซวมั้ย เพราะว่าผมเรียนชายล้วนมา แต่จริงๆ พวกเราไม่ก้าวก่ายกันนะ จะชอบสีอะไรก็เรื่องของนาย แต่เพื่อนๆ ก็รู้ว่าผมชอบสีชมพู ไม่มีถูกเพื่อนๆ ล้อเลยครับ"

นอกจากจะเป็นผู้ชายสายหวานแล้ว ปาริธ ยังเปิดเผยเรื่องลับๆ อีกเรื่องของตัวเองว่า เห็นหุ่นดีๆ แบบนี้ ใครจะรู้ว่าเขานั้นเป็นสายกินสุดๆ อีกด้วย 

“ผมเป็นคนที่กินเก่ง เป็นสายกินเลยครับ คือเราชอบลองกินอะไรใหม่ๆ คือแบบเวลาเขาฮิตกินอะไรกัน ผมก็จะอยากลองกินบ้าง ไปตระเวนกินบ้าง ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่กินเก่งครับ และอาหารที่ชอบที่สุดคือ อาหารอีสาน ข้าวเหนียว ส้มตำ ลาบ น้ำตก รู้สึกว่ามันเป็นอาหารที่กินง่ายและกินแล้วไม่รู้สึกว่าเบื่อเลย”

หัวใจยังว่าง 

พูดคุยเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวมามากแล้ว จะไม่พูดถึงเรื่องหัวใจของพระเอกน้องใหม่คนนี้ สาวๆ คนจะขัดใจน่าดู เราเลยอาสาของเป็นตัวแทนถามถึงเรื่องความรักว่าตอนนี้หัวใจยังว่างหรือมีสาวๆ จับจองเป็นเจ้าของแล้ว งานนี้เราได้รับคำตอบที่ทำให้หลายๆ คนเตรียมยื่นใบสมัคร แขนเป็นฟอ ขอเป็นแฟน หนุ่มปาริธกันเป็นแถว

"ความรักตอนนี้นิ่งสนิท ไม่มีมาเลย เงียบกริบมาก (หัวเราะ) คือตอนนี้ผมเป็นนักแสดงใหม่ ยังมีประสบการณ์ทางการทำงานน้อยอยู่ และรู้สึกว่ายังสนุกกับการทำงาน มีอะไรที่ทำให้ผมตื่นเต้น มีความสุขและแฮปปี้ ก็เลยยังไม่ได้มองเรื่องความรัก

แต่ถ้าวันหนึ่งผมพร้อมและรู้สึกว่าตัวเองมีประสบการณ์ในการทำงานมากขึ้นกว่านี้แล้ว ผมอาจจะเปิดใจ แต่ตอนนี้ขอสนุกกับงาน ขอโฟกัสที่งานก่อน

ผมโสดมาหลายปีแล้วครับ ตั้งแต่เรียนมหา'ลัยแล้ว โสดตั้งแต่ก่อนเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงแล้ว ผมไม่รู้สึกเหงาเลย ยิ่งพอได้มาทำงานในวงการยิ่งไม่รู้สึก อาจจะเพราะผมชอบหาอะไรทำตลอด และในช่วงนี้ผมกำลังชอบการเลี้ยงกระบองเพชร เลยไม่รู้สึกว่าเหงา แต่กลับรู้สึกสนุกและแฮปปี้กับชีวิตช่วงนี้มากกว่าด้วย"

จากนั้นปาริธได้เล่าให้เราฟังถึงความรักครั้งล่าสุดที่ได้จบไปแบบงงๆ ของตัวเขาเองให้เราฟังว่า "ตอนนั้นมันไม่เรียกว่าอกหัก ผมเคยมีแฟนแล้วเลิกกันแบบงงๆ ตอนนั้นเรียนมหา'ลัย ก่อนจะเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง

ซึ่งผมเรียนวิศวะไฟฟ้า เรียนหนัก ผมก็ทำงานโปรเจกต์เยอะ มึน และโฟกัสกับการเรียน ทางแฟนก็อยู่อีกมหา'ลัย และไกลกัน เราก็ไม่มีเวลาให้กันก็เลยเลิกกันไปแบบงงๆ ค่อยๆ ห่างกันไป มันเลยไม่ใช่การอกหัก เหมือนเป็นการเลิกกันแบบงงๆ และห่างๆ กัน เป็นโมเมนต์แบบเลิกแล้วเหรอ อะไรแบบนี้ (ยิ้ม)"

เราถามต่อทันทีว่า ผู้หญิงแบบไหนที่จะเอาชนะใจปาริธได้ และทำให้เปิดใจเริ่มต้นมีความรักใหม่อีกครั้ง งานนี้พระเอกหนุ่มเผยสเปกผู้หญิงในฝันให้ฟังว่า 

"ผมชอบผู้หญิงตลก เวลาที่อยู่ด้วยทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น และรับฟังทุกเรื่องของผมได้ เขาเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่และเข้ากับครอบครัวของผมได้ หน้าตารูปร่างอายุไม่เกี่ยง ขอแค่ตลก เข้ากับที่บ้าน และมีความเป็นผู้ใหญ่สำหรับผม คือพอแล้ว" 

ผลงานละครเรื่องล่าสุด 

และผลงานละครเรื่องล่าสุดของ ปาริธ ทิมทอง อย่างเรื่อง Help Me คุณผีช่วยด้วย ที่ปาริธได้รับบทเป็นพระเอกเต็มตัวครั้งแรก คงจะต้องโดนหนุ่มหล่อคมเข้มแต่น่ารักคนนี้ทำให้ใจบางกันไม่น้อย

และละครเรื่องนี้เจ้าตัวนั้นได้ทุ่มเทเต็มที่กับการแสดงเป็นอย่างมาก ดูเหมือนฝีมือทางการแสดงของปาริธจะพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น หลังจากที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นพี่อย่าง เต๋อ ฉันทวิชช์, เดียร์น่า ฟลีโป และนักแสดงคนอื่นๆ อีกมากมาย

รวมไปถึงทำได้ทำงานกับผู้กำกับฝีมือเนี้ยบอย่าง ฟิวส์ กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล ที่ปาริธยกให้เป็นอาจารย์ทางการแสดงของเขาไปเรียบร้อยแล้ว

ซึ่ง ปาริธ ได้ปิดท้ายถึงบทบาทที่เขาอยากจะลองเล่นมากที่สุด ก็คือบทนักรบที่อยู่ในละครพีเรียด ที่ต้องถือดาบต่อสู้ ซึ่งเป็นบทที่อยากจะมีโอกาสลองเล่น และรู้สึกว่าน่าจะเป็นบทที่ท้าทาย และมีเสน่ห็มากๆ อีกบทบาทหนึ่ง

หลังจากที่ได้พูดคุยกับพระเอกน้องใหม่คนนี้ก็ทำให้เราได้เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความพยายามที่จะทำงานที่รักให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกไม่นาน วงการบันเทิงก็คงจะมีนักแสดงฝีมือดีมาประดับวงการบันเทิงอีกดวงอย่างแน่นอน

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Varanya Phae-araya