หลังจากที่ซุ่มถ่ายทำมาเป็นเวลานาน สำหรับละครเรื่อง ดวงตาที่สาม ของผู้จัดสาว หน่อย บุษกร วงศ์พัวพันธ์ ที่ได้พระเอก เจมส์ มาร์ และนางเอก มิว นิษฐา มารับบทนำในเรื่องนี้ และนอกจากนี้ยังมีเหล่านักแสดงตัวแม่ตัวพ่อร่วมเล่นในเรื่องนี้อีกเพียบ
และตอนนี้ละครเรื่องนี้ก็กำลังออกอากาศทางช่อง 3 งานนี้ผู้จัดละคร หน่อย บุษกร ก็ได้เปิดใจถึงความกดดัน ความคาดหวัง และเล่าถึงเบื้องหลังของการทำละครเรื่องนี้ให้บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ได้ฟังว่า
"สำหรับละครเรื่องดวงตาที่สามนี้มีครบรสเลยนะ แต่เส้นหลักคือเรื่องความรักกับตลก เป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ พระเอกเห็นผี แต่นางเอกคอยช่วยเหลือพระเอก แต่มีเรื่องราวที่นางเอกเข้าใจผิดคิดว่าพระเอกทิ้ง
พอมาทำละครแนวนี้ก็ยากอยู่นะ เพราะมันมีเรื่องของเอฟเฟกต์ แต่งหน้าผี และมีความยากของเรื่องคิวนักแสดง เพราะทุกคนคิวฮอตหมด และทุกคนต้องเข้าฉากด้วยกัน จะขาดตัวใดตัวหนึ่งไปไม่ได้ เพราะจะถ่ายไม่ได้ อันนี้คือความยากของการทำงานเรื่องนี้
นักแสดงเรื่องนี้หน่อยคัดเองทุกคน เพราะถ้าพวกเขามารวมตัวกันมันจะมีความบันเทิงแน่ๆ อย่าง แพท ณปภา ที่ในเรื่องเขาจะชอบแอ๊วผู้ชาย พอผู้ชายจะเอาจริงกลับกลัว ซึ่งแพทเป็นอะไรที่เหมาะกับบทนี้มาก และเวลาอยู่ในซีนมันจะมีความคอมเมดี้เลย

...
ทั้ง แพท ณปภา, อั๋น วิทยา, อ้น ศรีพรรณ, ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ และ โมทย์ ปราโมทย์ พอเขาอยู่ด้วยกันมันจะเห็นบรรยากาศของความคอมเมดี้ เป็นละครผีที่ดูไม่น่ากลัว นักแสดงทุกคนที่เราเลือกมา ทำให้ละครเรื่องนี้มีเสน่ห์ ละครน่าดู (ยิ้ม)
ส่วนพระเอกที่ได้ เจมส์ มาร์ คือหน่อยนั่งคุยกันว่าพระเอกคนไหนที่จะเล่นกลัวผีแล้วดูน่ารัก แล้วเจมส์ไม่เคยเล่นคอมเมดี้ ตอนแรกเจมส์ก็กลัวว่าจะเล่นตลกตึงโป๊ะได้ แต่หน่อยก็บอกเขาว่าไม่ได้ต้องการให้เขาเล่นแบบนี้ อยากให้เห็นแบบกลัวจริงๆ พอหลังๆ เล่นไปเล่นมา เจมส์เริ่มตลกตามพวกพี่ๆ ซะงั้น
ส่วนนางเอกของเรื่องอย่าง มิว นิษฐา ที่หลายๆ คนเห็นว่าเขาจะดูเนือยๆ ช้าๆ เนิบๆ แต่จริงๆ เรื่องนี้นางเอกเป็นคนแก่นๆ ไม่กลัว มีความสตรอง และ 2 คนนี้เขามีเคมีที่น่ารักมาก"
เพราะตัวนักแสดงดึงดูดคนดู หลายคนจะต้องคาดหวังว่าละครเรื่องนี้เรตติ้งต้องสูง ในฐานะผู้จัดละครมีความกดดันในเรื่องนี้หรือไม่ หน่อย บุษกร บอกกับเราว่า
"ละครทุกเรื่องถูกคาดหวังอยู่แล้ว หน่อยก็พยายามทำเต็มที่ นำเสนอให้คนดูได้สนุกไปกับละครของเรา แต่หน่อยก็เดาใจคนดูไม่ได้จริงๆ มันมองได้ 2 แง่เลยว่า ในสถานการณ์แบบนี้คนจะดูละครมั้ย หรือจะไม่ดูละคร
สำหรับคนทำละครเรื่องที่หนักใจมากที่สุดคือการเดาใจคนดู เพราะว่าหน่อยทำละครก็อยากให้คนดูละครและชอบละครที่เราทำ ซึ่งเรื่องความนิยมมันนอกเหนือการควบคุมจริงๆ มันเป็นจังหวะ หน่อยเลยไม่เอาเรื่องนี้มากดดันตัวเอง เพราะถ้าเช็กงานแล้วมันโอเคหน่อยก็โอเคกับมัน"

แต่ด้วยความยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ต้องปรับตัวและรับมือกับคนดูอย่างไรบ้าง เพราะมีช่องทางให้คนดูเลือกดูหลายช่องทางมาก ไม่ต้องดูสดผ่านจอทีวีแล้ว งานนี้ผู้จัดคนเก่งตอบเราว่า
"ต้องทำใจยอมรับค่ะ (ยิ้ม) การที่จะเรียกคนให้มาดูละครออนแอร์สดมันเป็นเรื่องที่ยากนะ เพราะคนที่จะตั้งหน้าตั้งตารอชมมีน้อยลง เราก็ต้องทำใจยอมรับในจุดนั้น
ส่วนเนื้อหาเราก็ต้องทำใหม่ สำหรับเรื่องดวงตาที่สาม เป็นพล็อตที่จบในตอนของหนังสือเล่มหนึ่ง ไม่ใช่นวนิยาย หน่อยก็พยายามหาอะไรที่ใหม่ๆ ที่คิดว่าคนน่าจะชอบ เพราะทุกอย่างเป็นการเดา เราไม่มีทางรู้
บางช่วงคนชอบดูละครรีเมค บางช่วงคนชอบดูละครพล็อตใหม่ๆ เรื่องราวใหม่ๆ ถือเป็นโจทย์ที่ใหม่มากและท้าทายผู้จัดละครอย่างเรา"
และนอกจากนี้ เรารู้มาว่าละครเรื่องดวงตาที่สาม ได้ลูกชาย น้องคุณ เป็นผู้ช่วยคุณแม่ในการอ่านบทว่าสนุกหรือไม่สนุกอีกด้วย ซึ่งงานนี้ หน่อย บุษกร เล่าให้เราฟังด้วยรอยยิ้มว่า

"น้องคุณพอรู้ว่าเป็นละครเกี่ยวกับอะไร เขาก็จะขออ่านบท พอเขาอ่านเขาก็หัวเราะ อยากอ่านบทต่อ หน่อยมองว่าถ้าเด็กอ่านแล้วเข้าใจ แสดงว่าเขามีจินตนาการ เขาเข้าใจและมีมุมมอง
...
ถ้าเด็กชอบ ผู้ใหญ่ที่ได้ดูก็น่าจะชอบ บางทีหน่อยไม่แน่ใจ ก็ถามเขาซ้ำว่ามันสนุกใช่มั้ย เขาก็จะตอบว่าสนุก ส่วนคุณเคน เขาช่วยดูเทป เขาก็บอกว่าสนุก ดูได้ไม่รู้สึกเบื่อ"
ทำไมคนต้องดูละครเรื่องดวงตาที่สาม งานนี้ หน่อย บุษกร ผู้จัดละครเรื่องนี้รีบให้คำตอบทันทีว่า "ถ้าอยากดูอะไรที่บันเทิง ไม่ต้องคิดอะไรมาก เป็นละครที่ดูด้วยกันได้ทั้งครอบครัว ไม่มีอะไรรุนแรง ไม่มีอะไรน่ากลัว
และไม่มีอะไรที่ผิดศีลธรรม เป็นละครที่ดูเพื่อความบันเทิง และเล่นกับความเชื่อเรื่องผี ซึ่งจริงๆ แล้ว ผีไม่ได้น่ากลัว แต่คนต่างหากที่น่ากลัว ดูแล้วก็จะได้ความบันเทิงและเสียงหัวเราะ
ส่วนความรักของพระนางก็จะเป็นการเริ่มต้นจากเพื่อนแล้วค่อยๆ พัฒนามาเป็นความรัก ดูแล้วก็จะฟินๆ ยิ้มๆ ไม่มีตัวอิจฉาที่มาพรากความรัก ไม่มีอะไรรุนแรงแบบนั้นเลย เป็นละครที่ดูได้ด้วยกันทั้งบ้าน"
และงานนี้ หน่อย บุษกร ก็ได้สารภาพบอกกับเราว่า ตัวเองนั้นเริ่มติดใจกับการทำละครแนวคอมเมดี้ ละครแนวฟีลกู๊ด แม้ตัวเองจะเล่นละครแนวดราม่า เครียดๆ แต่ลึกๆ ชอบดูละคร ดูหนังแนวฟีลกู๊ด

...

