• นาว ทิสานาฏ ถูกด่าไม่พัฒนาฝีมือทางการแสดง จนขอพลิกบทบาทมาเล่นแม่เบี้ย
  • เมขลา บทพาปัง เตรียมขึ้นแท่นนางเอกซุป'ตาร์ของช่อง 7
  • ไม่อยากแต่งงาน เพราะกลัวการขึ้นเวทีขอบคุณแขก

นาทีนี้ถ้าจะไม่พูดถึงนางเอกสาว นาว ทิสานาฏ ศรศึก ก็คงจะไม่ได้ หลังจากที่เธอนั้นได้พลิกบทบาททางการแสดงของตังเอง จากนางเอกเจ้าน้ำตา ไม่สู้คน มาสวมบทเป็นเมขลา ในละครอีโรติกอย่าง แม่เบี้ย ซึ่งต้องบอกว่าละครเรื่องนี้ถูกพูดถึงตั้งแต่ออกตัวว่าจะนำมารีเมกอีกครั้ง 

ซึ่งหลังจากที่ละครแม่เบี้ยออกอากาศไป งานนี้ทำให้แฟนๆ หลายคนทึ่งและต้องยอมรับในฝีมือทางการแสดงของ นาว ทิสานาฏ มากขึ้น 

และในวันนี้เราได้คิวของนางเอกสาว นาว ทิสานาฏ มานั่งพูดคุยผ่านวิดีโอคอล เพื่ออัปเดตเรื่องราวชีวิตส่วนตัว และผลงานละครเรื่องล่าสุดของเธอ 

แม่เบี้ยผลงานชิ้นโบแดง

จะไม่เริ่มต้นพูดคุยกับกระแสความแรงของละครเรื่องแม่เบี้ยก็คงจะไม่ได้ งานนี้เราเลยเริ่มคำถามเบาๆ กับนางเอกสาวก่อน ถึงความรู้สึกหลังรู้ว่าจะต้องมาเล่นละครรีเมกเรื่องแม่เบี้ย และต้องรับบทเป็นเมขลา รู้สึกอย่างไรบ้าง ซึ่งงานนี้ นาว ทิสานาฏ ตอบคำถามเราด้วยรอยยิ้มว่า 

"มันเป็นบทที่ไกลตัวนาวมากค่ะ นาวไม่เคยเล่นละครแนวนี้มาก่อน ที่มีทั้งความอีโรติกและเลิฟซีนเยอะขนาดนี้ และพอพูดถึงคำว่าแม่เบี้ย คนก็จะคิดถึงความอีโรติกและการขูดมะพร้าว

ฉากเลิฟซีนต่างๆ คนก็จะเพ่งเล็งว่านาวเหมาะสมกับบทนี้เหรอ ด้วยไลฟ์สไตล์นาวที่ไม่ใช่คนเซ็กซี่ ก็เลยอาจจะมีคำติมาบ้าง แต่นาวไม่ซีเรียส รู้แค่ว่าเมื่อนาวรับเล่นแล้ว ก็จะเล่นให้เต็มที่ที่สุดอยู่แล้ว (ยิ้ม)

...

นาวไม่ได้รู้สึกหนักใจที่จะต้องมาเล่นละครเรื่องนี้เลย อาจจะเป็นเพราะด้วยทีมงาน บท ผู้กำกับ ทุกอย่างที่แวดล้อม มันเอื้ออำนวย นักแสดงที่เข้าฉากด้วยกันทำให้นาวเล่นซีนนั้นๆ ออกมาได้อย่างเต็มที่"

จากนั้น เราถามนางเอกสาว นาว ทิสานาฏ ต่อว่า ตอนนี้กระแสตอบรับละครเรื่องแม่เบี้ยแรงมาก หลายๆ คนชม แทบจะไม่มีคำติจากคนดูเลย รู้สึกอย่างไรบ้าง ซึ่งสาวนาวบอกกับเราว่า 

"ดีใจมากค่ะ (ยิ้ม) ขนาดสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่คิดว่ามันจะดีขนาดนี้ กระแสตอบรับทำให้นาวรู้สึกว่าสิ่งที่เราทุ่มเทและถ่ายทำกันมาเป็นปี มันเห็นผลว่าคนดูชอบ

เพราะก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่า พอบอกว่าจะมีละครเรื่องแม่เบี้ย คนก็จะบ่นว่ารีเมกอีกแล้ว รีเมกบ่อยมาก ดูบ่อยแล้ว เบื่อมากละครแนวนี้ ไม่อยากดู แต่พอละครออนแอร์แล้วมันสนุก คนก็ดูต่อ (ยิ้ม)"

ถูกคนด่าการแสดงไม่พัฒนา

จากนั้น เราคุยกับนางเอกสาวต่อว่า เพราะอะไรถึงตัดสินใจรับเล่นละครเรื่องนี้ เนื่องจากแม่เบี้ยเป็นละครอีโรติก มีฉากเลิฟซีนเยอะ ซึ่งเราได้รับคำตอบจาก นาว ทิสานาฏ ว่าเพราะละครเรื่องนี้จะเป็นการพลิกบทบาทการแสดงของเธอ จึงทำให้ตัดสินใจรับเล่นละครเรื่องนี้นั่นเอง 

"จริงๆ ก็คิดถึงเรื่องความเซ็กซี่เป็นอันดับแรกเหมือนกัน เพราะนาวไม่เคยเล่นเลิฟซีนเยอะขนาดนี้ ไม่เคยเล่นเยอะแบบนี้มาก่อน แต่นาวอยากลองเปลี่ยนบทบาทดูบ้าง อยากลองให้คนเห็นถึงการแสดงที่พัฒนาขึ้น

จากที่คนเคยเห็นแต่นาวได้บทเจ้าน้ำตา ร้องไห้ ดราม่า เป็นนางเอกโดนรังแก มันทำให้มีกระแสตอบกลับมาถึงตัวนาวว่า ทำไมนาวเล่นละครแล้วไม่พัฒนาซะที ทำไมเล่นอยู่แต่แบบเดิมๆ

มันทำให้นาวรู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะต้องลองเปลี่ยนบทบาทใหม่ดูบ้าง และทางช่องก็น่าจะสื่อภาพออกมาไม่ได้หวือหวาขนาดนั้น มีลิมิตของช่อง ทุกอย่างก็คงออกมาไม่ได้ดูเซ็กซี่เกิน ก็เลยตัดสินใจว่าจะลองดู"

ซึ่งนางเอกสาว นาว ทิสานาฏ บอกกับเราว่า ละครเรื่องนี้เป็นละครที่เธอนั้นจะได้ก้าวออกจากบทบาทเดิมๆ กรอบเดิมๆ ที่แฟนละครได้ดูมา 

"ละครเรื่องนี้กลายเป็นละครที่ท้าทายความสามารถของนาว ทำให้นาวได้โชว์ฝีมือทางการแสดงให้ทุกคนได้เห็น และทุกครั้งที่ได้เล่น นาวรู้สึกมีความสุขที่ได้เป็นเมขลา นาวรักในทุกบทที่นาวเล่น

แต่ถ้าจะให้เล่นบทแนวนี้อีก ก็ขอพักก่อน จะให้เล่นเซ็กซี่ตลอดก็คงไม่ได้ เดี๋ยวจะกลับมาไม่ได้ เอาแค่ให้ได้เป็นนักแสดงที่สามารถเล่นได้หลายบทดีกว่า ไม่ได้อยากให้คนติดภาพว่าเป็นคนเซ็กซี่

เพราะเอาจริงๆ แฟนละครบางคนก็ติดภาพว่านาวเป็นคนเรียบร้อย ไม่สามารถเล่นละครแม่เบี้ยได้ แต่ว่านาวก็พยายามที่จะพัฒนาตัวเอง ก็อยากรู้ว่าตัวเองจะเล่นได้หรือเปล่า และอยากให้ทุกคนได้เห็นว่านาวพร้อมที่จะพัฒนาตัวเอง"

...

นิว วงศกร ไฟเขียวเล่นเลิฟซีนดุเดือด

เพราะเป็นละครอีโรติก มีฉากเลิฟซีนของพระเอก นางเอกรัวๆ งานนี้เราเลยถามนางเอกสาวแบบตรงๆ ว่า เวลาที่ต้องเล่นฉากเลิฟซีนต้องบอกแฟนหนุ่ม นิว วงศกร ก่อนมั้ย งานนี้เราได้รับคำตอบมาว่า

"บอกค่ะ (หัวเราะ) อ่านบทแล้วเจอก็จะถ่ายรูปส่งให้พี่นิวดูว่าบทเป็นอย่างนี้นะ ถ้าวันไหนมีฉากเลิฟซีนก็จะบอกพี่นิว และนาวเป็นคนที่ชอบเช็กมอนิเตอร์เพื่อดูซีนอารมณ์ของตัวเอง ก็จะถ่ายคลิปให้พี่นิวดูก่อน

พี่นิวก็ไม่ว่าอย่างไร เพราะเข้าใจในการทำงาน เพราะเขาก็อยู่ในวงการบันเทิงมานานแล้ว และอีกอย่างตัวพี่นิวก็เล่นแซ่บเหมือนกัน แค่ส่งให้พี่เขาเห็นจากเราดีกว่าให้พี่เขาเห็นจากคนอื่น (ยิ้ม)"

จากนั้น นาว ทิสานาฏ ก็ได้ชมความเป็นลูกผู้ชายของพระเอกหนุ่ม เอส กันตพงศ์ ว่าตอนที่ต้องเข้าฉากเลิฟซีนนั้น พระเอกรุ่นพี่มีความเป็นสุภาพบุรุษและน่ารักมากๆ ว่า

"พี่เอสน่ารักและสุภาพมาก เขาเกรงใจนาวมากๆ แต่นาวก็จะบอกพี่เอสว่าเต็มที่เลยนะ ถ้าไม่เต็มที่ตั้งแต่เทคแรกมันก็จะมีอีกหลายๆ เทค ก็จะเยอะเกินไป ไม่ต้องเกรงใจนะ จะได้เสร็จเร็วๆ ซึ่งก็โอเคมากๆ ไม่มีปัญหาอะไรกับการเล่นเลิฟซีนเลย ทุกอย่างสมบูรณ์หมด (ยิ้ม)"

นอกจากจะต้องเล่นเซ็กซี่และเลิฟซีนที่ร้อนแรงแล้ว งานนี้ นาว ทิสานาฏ ยังต้องเจองานหินด้วยการเล่นกับซีจีที่ตอนนี้ใครๆ ก็ชมว่าเป็นละครที่ทำซีจีออกมาได้ดีเยี่ยม ซึ่งเจ้าตัวบอกเล่าความรู้สึกตอนที่เล่นว่า

"ในเรื่องนาวไม่ได้เข้ากับงูจริงเลย แต่การเล่นกับงูเป็นฉากที่ยากทุกฉาก เพราะว่ามันเป็นการเล่นกับซีจี ต้องคำนวณดูว่าเขาจะเลื้อยไปทางไหน ไม่มีคนตอบโต้กับเรา ต้องจำบทยาวและเยอะมาก มันมีหลายอย่างมากเลยค่อนข้างยาก" 

...

แม้จะเป็นละครรีเมก ถูกเอามาทำเป็นละครมาบ้าง เป็นหนังมาบ้าง แต่ทำไมคนดูจะต้องดูละครเรื่องแม่เบี้ยเวอร์ชันนี้ งานนี้นางเอกสาวยิ้มกว้างก่อนจะอ้อนแฟนๆ ว่า

"จากที่เห็นนะคะ ทุกคนยังไม่รู้ว่าคุณคือใคร ทุกคนยังสับสนว่าคุณเป็นแฟนเมขลาหรือเปล่า เป็นชู้กับเมขลาหรือเปล่า และในเรื่องนี้พี่เอขยายความในความเป็นคุณเข้ามาในละคร

ซึ่งละครสามารถเล่ารายละเอียดได้เยอะมากขึ้น เรื่องนี้ก็จะทำให้ทุกคนรู้ว่า คุณคือใคร และทำให้เห็นความผิดศีลธรรมของมนุษย์ ทุกคนมีด้านมืดเหมือนกันหมด"

ไม่สตรองพอที่จะทำตัวให้เป็นข่าวฉาว

หลังจากที่พูดคุยเรื่องการทำงานไปแล้ว เราก็มาพูดคุยกับชีวิตเรื่องราวของนางเอกสาว นาว ทิสานาฏ กันบ้าง เพราะทำงานในวงการบันเทิงมานานถึง 13 ปีแล้ว

แต่ดูเหมือนชีวิตของเธอแทบจะไม่มีข่าวฉาวใดๆ ออกมาเท่าไร ซึ่งงานนี้สาวนาวอธิบายให้เรารู้ถึงสาเหตุที่เจ้าตัวขออยู่ในวงการบันเทิงแบบไม่ต้องมีใครสนใจก็ได้ว่า 

"นาวทำงานตั้งแต่อายุ 15 ปี จนตอนนี้อายุ 28 ปีแล้ว ก็ 13 ปีแล้วในวงการบันเทิง ยอมรับว่าวงการนี้เปลี่ยนตัวนาวไปเยอะเหมือนกัน ทั้งเรื่องความคิด การวางตัว

...

คือนาวไม่ใช่คนเรียบร้อย เป็นคนค่อนข้างห้าว พูดไว สีหน้าไปก่อนถ้าไม่ชอบหรือไม่พอใจ แต่พอมาอยู่ในวงการบันเทิง มันทำให้นาวต้องปรับตัว

จะพูดอะไรต้องคิดเยอะๆ ต้องไตร่ตรองก่อน คิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราพูดแบบนี้หรือโพสต์แบบนี้ไป เมื่อก่อนนาวทำอะไรก็จะมีแค่เพื่อนที่เห็น แต่ตอนนี้เวลาจะทำอะไรคนเห็นเยอะ เพราะฉะนั้นเลยต้องคิดเยอะ 

ต้องยอมรับว่าแรกๆ นาวไม่ได้อยากอยู่ในวงการบันเทิงตั้งแต่ต้น ไม่ชอบเวลาที่ไปยืนแล้วมีคนมองเยอะๆ ไม่ชอบให้ใครมามอง พออยู่ในวงการบันเทิงก็เข้าใจว่าจะต้องมีคนให้ความสนใจ แต่เพราะไม่ชอบให้คนสนใจ เลยพยายามไม่ทำให้ตัวเองเป็นข่าวฉาว 

แต่การที่ไม่ทำตัวให้คนสนใจ มันก็มีผลเหมือนกัน ถ้าเป็นข่าวคนก็รู้จัก แต่ต้องยอมรับว่าข่าวดีๆ คนไม่ค่อยจำ คนจะชอบจำข่าวไม่ค่อยดี คนจะติดตามข่าวอะไรแบบนี้ มันก็มีข้อดีที่ทำให้คนจำได้

แต่เขาจะจำเราในมุมที่ไม่ค่อยดี ซึ่งมันจะทำให้นาวเครียด เพราะนาวไม่สตรองพอที่จะอยู่ในวงการกับข่าวแบบนี้ได้ ก็เลยเลือกที่จะอยู่แบบเงียบๆ ไม่ทำตัวเป็นข่าวดีกว่า ให้คนเห็นฝีมือในการทำงานของนาวดีกว่า ไม่อยากทำตัวให้มีข่าวฉาวเพื่อให้คนจำได้ (ยิ้ม)"

บาดเจ็บสาหัสทางจิตใจกับคำด่าทอ

จากที่เคยบอกว่า ไม่ได้อยากจะเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่แรก แล้วนาวเริ่มรักในอาชีพนี้เมื่อไหร่ งานนี้นางเอกสาวไขข้อสงสัยนี้ให้เราฟังว่า

"มันมีหลายจังหวะมากค่ะ ตอนแรกที่เข้ามาในวงการเริ่มสนุก ได้เงินเยอะ เลยทำให้อยากทำ แต่พออยู่เรื่อยๆ วงการบันเทิงก็ให้ประสบการณ์ชีวิตนาวไม่น้อย สอนให้นาวเรียนรู้มาเรื่อยๆ

พอถึงช่วงกลางๆ กระแสด่าเริ่มมา ติเพื่อก่อก็มี ด่าเสียๆ หายๆ ก็มา มันทำให้นาวท้อและรู้สึกบั่นทอน ทำให้รู้สึกว่าอาชีพนี้ไม่เหมาะกับนาว

กว่าจะผ่านจุดตรงนั้นมาได้ ก็ค่อนข้างสาหัสเหมือนกัน หลายคนอาจจะไม่รู้ แต่อยากให้ทุกคนรู้ว่าคนในวงการหลายคนต้องเคยเจอเหตุการณ์และมีความรู้สึกแบบนี้แหละ รับไม่ได้กับคำพูด หรือคอมเมนต์ต่างๆ

แต่กว่านาวจะผ่านตรงนั้นมาได้ ก็ใช้เวลานานพอสมควร แต่พอผ่านมาได้ก็มีภูมิคุ้มกัน รู้สึกแค่ว่าเราก็ทำหน้าที่ให้เต็มที่ที่สุดก็พอ นาวพยายามพัฒนาตัวเอง แต่คนดูจะเห็นหรือเปล่า และนี่คืออีกเหตุผลที่ทำให้นาวตอบรับที่จะรับเล่นบทเมขลาค่ะ"

เพราะได้รับแต่บทบาทเดิม นางเอกเจ้าน้ำตา สายดราม่า ไม่สู้คน งานนี้เลยทำให้นางเอกสาวถูกแฟนละครของช่อง 7 ตำหนิว่าไม่พัฒนาฝีมือทางการแสดงเลย

"นาวไม่รู้ว่าทำไมคนถึงด่านาวเยอะในเรื่องของการแสดง อาจจะเป็นเพราะว่านาวได้บทที่มันค่อนข้างราบเรียบ พีเรียด ไม่สู้คน ร้องไห้ พอเล่นต่อเนื่องมาเรื่อยๆ คนดูอาจจะเห็นว่านาวไม่พัฒนาฝีมือทางการแสดงเลย ทั้งๆ ที่นาวเต็มที่มากๆ

แต่ด้วยบทที่ได้มันอาจจะไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกหวือหวามั้ง แต่ตอนที่เล่น นาวเต็มที่มาก ร้องไห้เต็มที่ตั้งแต่เช้ายันเย็น แต่พอมีกระแสตีกลับมา ก็คิดว่าจะเอายังไงดี 

แต่นาวเข้าใจนะคะว่าคนต้องการอะไร จะเป็นยุคๆ ยุคนางเอกร้องไห้คนก็ชอบ แต่ยุคนี้นางเอกต้องฉลาด นางเอกต้องไม่โง่ ก็เลยเข้าใจว่ามันเป็นยุคๆ ของละคร"

ถูกมองกระแสดรอป เลยต้องเปลี่ยนแนวมาเซ็กซี่

แต่เอาจริงๆ ก็ยังมีคนอีกกลุ่มที่มองว่า เพราะนาวเริ่มกระแสดรอป เลยยอมเปลี่ยนลุคมาเล่นบทเซ็กซี่ ยอมรับเล่นแม่เบี้ย คำถามนี้ทำเอานางเอกสาว นาว ทิสานาฏ ต้องรีบเคลียร์ชัดกับประเด็นนี้ว่า 

"อันดับแรก นาวไม่ได้คิดถึงคนอื่น แต่คิดถึงตัวเองว่าเราทำได้มั้ย นาวเป็นคนชอบดูหนัง เวลาที่ดูจะเห็นว่าเขาเล่นกันจริงๆ รู้สึกทึ่งว่าเขาทำได้ยังไง เขาคิดอะไรอยู่

ก็เลยมองมาที่ตัวเองว่าถ้าเล่นบทแบบเขาจะเล่นได้มั้ย แต่ก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้เล่นอะไรที่มันดูเป็นชีวิตจริงๆ แบบนั้น ส่วนใหญ่ก็จะได้เล่นแบบชีวิตในละคร นาวไม่ได้คิดถึงคนอื่นที่จะมองมาเลยว่าเขาจะมองยังไง"

หลังจากที่ละครแม่เบี้ยออกอากาศไป ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก และงานนี้ก็ได้พิสูจน์ให้คนเห็นถึงความสามารถของนาวจากบทเมขลา เลยทำให้คนอีกกลุ่มมองว่า นาวจะเป็นว่าที่ซุป'ตาร์คนใหม่ของช่อง 7 งานนี้ทำเอา นาว ทิสานาฏ หัวเราะก่อนตอบคำถามนี้ว่า

"ไม่หรอกค่ะ ตอนนี้ช่องปั้นน้องใหม่ๆ ขึ้นมาเยอะมาก แต่ถ้าหลายคนมองว่านาวเหมาะ หรือไปถึงตรงนั้นได้ นาวก็ยินดีมากๆ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่เขามีความสามารถ นาวก็ขอค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปดีกว่าค่ะ

ตำแหน่งนางเอกในช่อง พวกเราไม่เคยแก่งแย่งกันนะคะ นาวพอจะเห็นคอมเมนต์มาบ้างที่บอกว่าคนนั้นมาแซงคนนี้ คนนี้มาแย่งงานคนนั้น

แต่เอาจริงๆ ไม่อยากให้แฟนๆ คิดแบบนั้นเลย ไม่อยากให้คิด หรือวิจารณ์ ถ้าไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบาง เราไม่แก่งแย่งกันนะคะ"

 

รักต่างวัย 13 ปีที่คนดูถูกว่าคงไม่รอด 

เรื่องราวความรักของ นาว ทิสานาฏ กับ นิว วงศกร พระเอกรุ่นพี่ จะไม่ถามถึงก็คงไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ความรักของทั้งคู่อาจจะถูกหลายคนมองว่า คงจะคบกันได้ไม่นาน เดี๋ยวก็เลิก เนื่องจากทั้งคู่มีอายุที่ต่างกันมากถึง 13 ปี

แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ก้าวผ่านมา 7 ปี และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 แต่งานนี้กว่าจะคบมาถึงขนาดนี้ได้ นาวก็ยอมรับว่า เธอและนิวก็ต้องปรับตัวและสู้กันมาไม่น้อยเหมือนกันว่า 

"ตอนนี้ก็คบกันมา 7 ปีแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ นาวก็ถามพี่นิวเลยว่า มันจะครบ 7 ปีแล้ว และมันจะเป็นยังไงต่อ เป็น 7 ปีอาถรรพณ์เหมือนที่คนอื่นๆ พูดกันมั้ย แต่พี่นิวเขาไม่ซีเรียส บอกแค่ว่า ถ้าวันนี้ดี วันพรุ่งนี้มันก็ดี"

จากนั้นนางเอกสาวก็ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องรักต่างวัย ที่หลายคนมองว่าความรักของทั้งคู่ไม่น่ารอด แต่ตอนนี้ทั้งคู่ก็คบมา 8 ปีแล้ว ซึ่งนาวตอบไปยิ้มไปว่า 

"นาวไม่รู้นะคะ เพราะมันไม่มีอะไรต้องจูนเข้าหากันแล้ว ตอนนี้แค่มองตาก็รู้แล้วว่าอีกคนต้องการอะไร เพราะในช่วงแรกเราปรับกันเยอะเหมือนกัน ความรักเรามันมีช่วงป๊อปปี้เลิฟ ช่วงศึกษาดูใจกัน ช่วงเริ่มเข้าใจกัน และช่วงที่จะไปต่อหรือพอหยุด แต่หลังจากผ่านจุดนั้นมา มันก็จะเข้าใจกันดีและจะเริ่มคบกันยาว" 

เราสะดุดหูกับคำตอบที่ว่า จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ก็เลยขอถามขยี้อีกหน่อย ว่าเพราะอะไรถึงมีความรู้สึกว่าจะไม่ไปต่อแล้ว เพราะความรักอิ่มตัวหรืออย่างไร งานนี้นางเอกสาวตอบเราว่า 

"ความรักไม่ได้อิ่ม แต่ด้วยความที่วัยเรามันต่างกัน เราห่างกัน 13 ปี ค่อนข้างเยอะ แต่โชคดีที่วิถีชีวิตเราคล้ายๆ กัน คือไม่เที่ยว ไม่ปาร์ตี้ ชอบอยู่บ้าน ชอบดูหนัง มันก็เลยทดแทนกันได้

ส่วนเรื่องความไม่เข้าใจกัน ความคิด ทัศนคติ เราคุยกันและปรับปรุงเข้าหากัน ถ้าคนหนึ่งร้อน คนหนึ่งก็ต้องเย็น แรกๆ นาวจะโมโห งอน ไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจ พอผ่านเวลาหนึ่งมาได้ นาวก็เบาลง และพี่เขาเป็นผู้ใหญ่มากๆ เลยทำให้นาวซึมซับพี่เขามาได้" 

เหตุผลเหลือเชื่อที่ทำให้ไม่อยากแต่งงาน

รักกันมานานขนาดนี้ อายุของฝ่ายชายก็ไม่น้อยแล้ว นาวเองก็เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เมื่อไหร่จะมีข่าวดี ประกาศสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่เรากลับได้รับคำถามว่า ฝ่ายนาวเป็นฝ่ายที่ไม่คิดเรื่องการแต่งงานเลยว่า 

"นาวเข้าใจที่ถูกถามเรื่องว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน แต่นาวมองว่ายังไม่รีบ นาวยังไม่อยากแต่งงาน ไม่เคยมีความคิดเรื่องแต่งงานอยู่ในหัวตัวเอง และไม่ได้ชอบเด็ก เลยไม่ได้อยากมีครอบครัวขนาดนั้น 

แต่พี่นิวเขาต่างจากนาว เขาอยากแต่งงาน เขาอยากมีครอบครัวแล้ว เขาชอบเด็ก แต่พอสถานการณ์ต่างๆ ในยุคนี้ก็ทำให้พี่เขาเปลี่ยนความคิด อยู่กันแบบนี้ก็ได้

ก่อนหน้านี้เขาก็มีเกริ่นๆ ว่าอยากจะแต่ง ซึ่งตอนนั้นนาวอายุ 20 ต้นๆ แล้วพี่เขาก็มองว่า พี่เขามั่นคงแล้ว พร้อมที่จะแต่งงานแล้ว แต่ปรากฏว่านาวไม่ได้อยากแต่งงาน พี่เขาก็เลยเปลี่ยนความคิด ถ้าอะไรมันดีขึ้นก็ค่อยมาคุยกัน" 

จากนั้นเราถาม นาว ทิสานาฏ ตรงๆ เพราะตั้งแต่สัมภาษณ์ดาราสาวๆ มา หลายๆ คนก็บอกว่าอยากจะแต่งงาน อยากจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์กันทั้งนั้น แต่ทำไมนาวถึงมีความคิดไม่อยากแต่งงาน งานนี้นางเอกสาวอธิบายให้เราฟังว่า 

"นาวไม่ได้มองว่าการแต่งงานเป็นการผูกมัด แต่นาวไม่อยากขึ้นไปบนเวทีแล้วขึ้นไปพูด (หัวเราะ) แค่นั้นเอง คนมันเยอะ ไม่มีความคิดอยากจะใส่ชุดเจ้าสาวและสวยที่สุดในงาน

นาวบอกกับพี่นิวว่า สิ่งที่นาวอยากทำคือแค่อยากถ่ายพรีเวดดิ้ง (ยิ้ม) นาวขี้อาย และรู้สึกว่าการจัดงานแต่งงานมันเป็นงานที่ใหญ่โตและต้องเครียดมากๆ จากที่สัมผัสจากรุ่นพี่ จะเห็นว่าเขาเครียดกันมาก เห็นแล้วปวดหัว กลัวมีปัญหา และนาวไม่ใช่คนธรรมดาที่จะแต่งงานเล็กๆ ได้" 

และนางเอกสาวก็ยังได้พูดถึงความน่ารักของคุณแม่และครอบครัวของ นิว วงศกร แฟนหนุ่มว่า ทุกคนน่ารักและไม่มีการเร่งให้ทั้งคู่สร้างครอบครัว พร้อมทั้งยังเข้าใจหากลูกทั้ง 2 คนไม่จัดงานแต่งงานแบบใหญ่โตว่า 

"แม่นาวก็ไม่เคยถามเรื่องแต่งงาน แม่บอกว่าถ้าไม่แต่งแต่รักกันแบบนี้ แค่ผูกข้อไม้ข้อมือ แม่ก็ไม่ว่าถ้าจะไม่จัดงานใหญ่โต มองว่าไม่จำเป็น ซึ่งแม่น่ารัก ไม่ได้เร่ง แม่โอเคตั้งแต่วันแรกที่เห็นนาวคุยกับพี่นิว

ไม่ใช่ว่าการแต่งงานไม่สำคัญสำหรับพี่นิวหรือนาวนะคะ มันก็สำคัญ เราก็อยากทำให้มันถูกต้องตามประเพณี แต่แค่ตอนนี้เรายังไม่คิดถึงเรื่องนั้น ในอนาคตความคิดอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้"

นิว วงศกร ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดี

จากนั้น เราก็แอบเล่าให้ นาว ทิสานาฏ ฟังว่า เมื่อครั้งที่สัมภาษณ์ นิว วงศกร ฝ่ายชายนั้นเปรยๆ ว่าแฟนสาวไม่ค่อยหึงหวงเท่าไร เมื่อได้ฟังอย่างนี้ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับยิ้มแล้วก็ชมแฟนหนุ่มรุ่นพี่ของตัวเองให้เราฟังด้วยรอยยิ้มว่า ก่อนจะบอกว่า ไม่ค่อยอยากจะเล่าเท่าไร เพราะกลัวคนหมั่นไส้

"เพราะพี่นิวทำตัวให้นาวไม่หึง เขาเป็นคนน่ารัก เป็นคนที่ไม่ต้องให้อยู่ในสายตาตลอด นาวรู้ว่าเขามีความซื่อสัตย์ มั่นคง

แต่ยอมรับนะว่าตอนแรกก็กลัว พี่เขาก็กลัวนาว นาวก็กลัวพี่นิว (หัวเราะ) แต่พี่นิวก็รายงานตัวกับนาวตลอด ไม่เคยเจอผู้ชายแบบนี้ รู้สึกโชคดีที่ได้เจอคนแบบนี้ เอาจริงๆ นาวไม่อยากพูดถึงความรักมากเท่าไร กลัวคนหมั่นไส้ (หัวเราะ) นาวมีความสุขที่มีพี่นิวเข้ามาอยู่ในชีวิต"

และคำถามสุดท้าย เราถาม นาว ทิสานาฏ ขำๆ ว่า เป็นเพราะมีแฟนเด็กหรือเปล่า ถึงทำให้ นิว วงศกร เลยทำให้หน้าดูเด็กอยู่เสมอ ไม่เหมือนผู้ชายอายุ 40 แล้ว งานนี้ นาว ทิสานาฏ ตอบคำถามนี้พร้อมเสียงหัวเราะเสียงดังว่า 

"ไม่ใช่เพราะมีแฟนเด็กกว่าค่ะ แต่เป็นเพราะพี่นิวเป็นคนดูแลตัวเอง หน้านาวจะแก่นำพี่เขาแล้ว (หัวเราะ) เพราะเขาเป็นคนดูแลตัวเองดีมากๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นคนมีวินัย เลยทำให้เขาดูเด็กแบบนี้มากกว่า ไม่เกี่ยวกับมีแฟนเด็กหรอกค่ะ".

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : sathit chuephanngam