หลังจากที่ นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา ลุกขึ้นมาเปลี่ยนสีผมเพื่อลดวัย งานนี้เลยโดนแซวว่าทำเพื่อมัดใจสามีรึเปล่า งานนี้อดีตนักร้องสาวได้เปิดใจกับวันบันเทิงว่า
“จริงๆ ไม่ต้องเปลี่ยนสีผม แต่ต้องเปลี่ยนนิสัย (หัวเราะ) เรื่องจริงนะ ต้องเปลี่ยนนิสัยมัดใจสามี ตอนนี้นุ๊กประสบความสำเร็จเรื่องนี้มาก
ต้องขอบคุณจิตแพทย์ของนุ๊กด้วย ขอบคุณงามๆ ตรงนี้เลย นุ๊กเคยไปรักษาโรคซึมเศร้ากับเขามาแล้ว ก็รักษากันจนหาย แล้วก็มาเรื่องของสามีก็ดูแลให้คำปรึกษาจนชีวิตแฮปปี้”
สามีทักเลยว่าเราเปลี่ยนไป?
“เขาไม่ได้ทัก แต่เขาพูดประโยคนึงที่เราเอาไปพูดกับคุณหมอ ก่อนหน้านี้นุ๊กแยกกับสามี เพราะเขากลับไปต่อพาสปอร์ต ก่อนที่จะแยกกันมันก็มีความมึนตึง หมางเมิน แต่ไม่ได้ทะเลาะกันนะ
เราทำงานด้วยกันก็มีความเข้าใจผิดกัน ด้วยความเป็นเจ้านายกับลูกน้องด้วย เรื่องส่วนตัวก็เข้าใจผิดกันอีก มันเลยทำให้รู้สึกว่าเบื่อกัน เขาก็เบื่อเรา เราก็เบื่อเขา พอแยกกันอยู่แล้วรู้สึกสบาย ไม่อยากกลับมาอยู่ด้วยกัน
ลึกๆ เราก็ เอ๊ะ หรือเราอยู่คนเดียวมานาน เราคงชินรึเปล่า จนเขาจะกลับมา มันมีเรื่องที่ทำให้รู้สึกเอะใจ นอกจากเรื่องลูกที่เราต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่เราต้องประคับประคองเรื่องราวของนิสัยส่วนตัวของแต่ละคนด้วย
นุ๊กไม่ชอบพวกเทศกาล นุ๊กรู้สึกรำคาญ แล้วก็ไม่อยากจะเฟก แต่ปรากฏล่าสุดเขาไม่ทำ เขาโทรมาหาลูกตามปกติ เราเลยรู้สึกว่านี่เป็นอีกเหตุผลนึงที่เรายังเข้ากับเขาได้อยู่นะ เราคงต้องพยายามอีกรอบนึง”

...
เลยตัดสินใจไปหาคุณหมอ?
“ก่อนเขากลับมาเมืองไทย 2 อาทิตย์ ก็ไปปรึกษาคุณหมอ ก็ถามหมอเลยว่าทำยังไงให้เรากลับไปตกหลุมรักกันใหม่ ได้ไหมคะ ถ้าเราดีไซน์จะกลับมาอยู่ด้วยกัน เราก็ไม่ควรจะอยู่กันแบบมึนตึง เราควรจะต้องมีความรักให้แก่กันสิ มันมีไหมคะที่เขากลับมาตกหลุมรักกันไปจนแก่ตาย
หมอก็บอกว่าไปดูมาจากยูทูบเหรอ เราก็บอกใช่ค่ะ หมอบอกมันน่าจะเป็นคำโปรโมตนะ แต่ถามว่าได้ไหมมันก็มี ไม่ใช่ไม่มีเลย แต่มันน้อยมาก บางคู่อาจจะเคมีตรงกัน เป็นเนื้อคู่กัน มันมีอยู่แหละ
แต่น้อยมากที่คู่รักจะใช้ชีวิตคู่กันแบบตกหลุมรักกันตลอดเวลา มนุษย์เราเป็นสัตว์ที่มีความทรงจำ เราก็เปิดในกับคุณหมอว่าอยากจะลองดู
อย่างเช่นเรื่องต่างๆ ที่ต่างไม่พอใจกัน เรื่องอะไรที่สามีเราไม่พอใจ ส่วนมากจะเป็นเรื่องของการทำงาน การเป็นผู้นำ สามีนุ๊กจะเป็นคนเฉื่อยๆ ชิลๆ หมอเลยถามกลับมาว่าเราทำอะไรบ้าง ก็บอกหมอว่าทำทุกอย่างตั้งแต่ขับรถ ไปตลาด สั่งอาหาร จัดการเรื่องเงินทอง แพลนทุกอย่าง
คุณหมอบอกว่างั้นก็ไม่ต้องทำ ไม่ต้องทำในส่วนของเขา ให้เขาทำงานของเขาเอง เราก็ย้อนกลับไปว่า แต่มันจะทำไม่รอดนะคะคุณหมอ เพราะเขาชิลมาก
พอเราฟังที่คุณหมอบอกให้ปล่อยให้เขาทำ คุณหมอก็บอกว่า แต่ไม่ใช่ว่าปล่อยให้เขาทำอย่างเดียวนะ ให้ชมเขาด้วย ทำเสร็จให้ชม แรกๆ มันจะขัดๆ นิดนึง เพราะมันจะไม่ได้ดั่งใจเรา เราจะคิดว่าเราทำดีกว่าอยู่แล้ว
แต่ให้ชมเขาไป เราก็หักใจตกลงทำตามที่คุณหมอพูด เขาทำเราก็ชม ชมไปชมมา เฮ้ย เขากระตือรือร้นมากกว่าเดิม เพราะคำชมของเรามันทำให้เขาแอคทีฟ แล้วเราเปิดโอกาสให้เขาได้ทำ มันก็เลยทำให้เขามีความแอคทีฟขึ้น
เรารู้สึกว่ามันเวิร์กมากๆ นุ๊กอยากจะแชร์เรื่องนี้ให้หลายๆ คู่ คือไม่ต้องรอให้มีปัญหากันนะ มันโคตรคุ้มเลย นุ๊กเสียเวลาไปคุยกับคุณหมอมาชั่วโมงเดียว แต่ชีวิตทั้งครอบครัวเปลี่ยนหมดเลย ทั้งชีวิตนุ๊ก ชีวิตลูก ชีวิตสามี

จนสุดท้ายคำพูดที่เราเอาไปให้คุณหมอว่า คุณหมอค่ะเป็นไปได้ไหมที่คนเราจะกลับมาตกหลุมรักกันอีกครั้งแบบเดิม คำพูดนี้เราไม่ได้ถามเขา เขาเป็นคนพูดมาเองหลังจากกลับมาใช้ชีวิตคู่กันได้ 2 เดือน
อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่า เขาขอโทษนะที่เขาไม่ได้ดูแลเราให้ดีพอ แต่บางอย่างมันก็ไม่น่าเชื่อจริงๆ เขาก็พูดขึ้นมาคำนึงว่าฉันรู้สึกว่าฉันตกหลุมรักเธอขึ้นมาอีกครั้งแล้วแหละ
ทุกวันนี้ก็ดูแลกัน วันไหนเห็นเราเครียดๆ เขาก็ชวนไปออกกำลังกาย พอเรามีความสุขเราก็อยากจะดูแลตัวเอง ทำนั่นทำนี้ให้กับชีวิตตัวเอง พอเราปล่อยให้เขาได้มีโอกาสได้ดูแลเรา ทำนั่นทำนี่ เขาก็จะเห็นค่าของตัวเขา เห็นค่าของตัวเรา
หลังๆ นุ๊กก็จะเริ่มให้ลูกเห็นความไม่เพอร์เฟกต์ของตัวเอง วันไหนเศร้าก็แสดงออกให้ลูกรู้เลยว่าเราเศร้า เราไม่ไหว ลูกมากอดนุ๊กก็พิงลูกนะ พยายามไม่ข้ามตรงนี้ เพื่อให้เขาได้โต ให้เขาได้ออกความคิดเห็นและช่วยเรา
ถ้าเราอยากให้ลูกโต เราก็ต้องไม่ไปปกป้องเขามาก รวมไปถึงความรู้สึกด้วย ให้เขาได้รับรู้สัมผัสสิ่งที่มันไม่เพอร์เฟกต์บ้าง”.
...
