- ทำความรู้จัก เฟิร์น ศุภนารี สาวผมสั้นม้าเต่อ นางแบบและอดีตแชมป์ FHM Girls Next Door 2014
- เจ้าของเพจดัง Supanaree story ที่พาคุณแม่และน้องสาวมาแต่งตัวสาว 3 วัย 3 สไตล์
- สาวมั่นสุดชิค ที่หลายคนยกให้เป็นไอดอลด้านความมั่นใจในตัวเอง
ถ้าหากพูดถึงชื่อของ เฟิร์น ศุภนารี สุทธวิจิตรวงษ์ หลายคนต้องนึกถึงสาวมั่นผมหน้าม้าสั้นเต่อ เจ้าของเพจ Supanaree story ที่มักจะพา คุณแม่บี จามจุรี สท๊วต และน้องสาว ซาร่า รัศมี สท๊วต 3 สาวที่มีหัวใจเดียวกัน มาแต่งตัวเหมือนกัน และทำอะไรเหมือนกัน จนกลายเป็นแฟชั่นไอคอนของหลายคนไปแล้ว
เฟิร์น ศุภนารี แจ้งเกิดจากการเป็นนางแบบอดีต FHM Girls Next Door 2014 ชื่อดัง ก่อนจะเปลี่ยนลุคจากสาวแซ่บ มาเป็นสาวผมสั้นม้าเต่อสุดชิค ที่พาคุณแม่และน้องสาวมาแต่งตัวเหมือนกัน โดยทำเพจขึ้นมาใช้ชื่อว่า Supanaree story สร้างแรงบันดาลใจให้กับสาวๆ หลายคน
และด้วยความที่มีสไตล์ชัดเจน เฟิร์น จึงมีผลงานให้ได้เห็นมากมาย ทั้งถ่ายแบบ โฆษณา เล่นซีรีส์ และล่าสุดกับหนังเรื่องแรก DEEP โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย

...
โดย เฟิร์น ได้พูดคุยกับ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ เธอเล่าที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นทำเพจที่พาคุณแม่และน้องสาวมาแต่งตัวชิคๆ ตามสไตล์ 3 สาว 3 วัย ว่า
จุดเริ่มต้นของเพจ Supanaree story
"เพจนี้ เฟิร์น ทำมาปีกว่าเกือบจะ 2 ปีแล้วค่ะ เริ่มต้นที่เรามีน้องสาวคนละแม่ แต่เราไม่เคยบอกใครเลยนะว่าเรามีน้อง เลยอยากโชว์ว่านี่น้องเรา นี่แม่เราที่ตัดผมทรงเดียวกัน เริ่มต้นแค่นี้เลย ไม่มีอะไรเลย จนมันพัฒนามาถึงวันนี้ คือเราถ่ายกันเล่นๆ เลย เอากล้องตั้งเอียงๆ เนี่ยแม่เนี่ยน้อง ดูซิว่าพวกเราหน้าเหมือนกันมั้ย แต่เราคนละพ่อนะ หน้าเราก็คล้ายๆ กันแค่นั้นเลย
แล้วอยู่ดีๆ หนูก็คิดว่า เราทำเล่นกันดีกว่า เพราะว่ามันเป็นช่วงที่ตอนนั้นเรียนจบ ไม่ได้ทำอะไร ถ่ายงานปกติแต่มีเวลาว่างเยอะ แล้วเราไปหาคุณแม่บ่อยๆ น่าจะเป็นช่วงโควิดเมื่อปีที่แล้วค่ะ เราก็นั่งถ่ายรูปกัน

ที่ เฟิร์น ชวนคุณแม่กับน้องสาวมาถ่ายทำเพจ ปกติเราสนิทกันอยู่แล้ว เราไปเที่ยวไหนมาไหนด้วยกันอยู่แล้ว เลยคิดว่าเรามาทำคลิปกันมั้ย เรามาถ่ายรูปกันดูมั้ย คิดว่าถ้าเป็นผู้หญิง 3 คน เราตัดผมเหมือนกัน เราหน้าไปโซนเดียวกัน ก็เลยคิดว่าน่ารักดี ถ้ามีผู้หญิง 3 คนที่ตัดผมทรงเดียวกัน แต่งตัวเหมือนกัน และทำอะไรคล้ายกัน คงจะดี
คุณแม่เขาจะไม่เขินการแต่งตัว แต่เขาจะเขินเรื่องการใส่บิกินีตอนแรกๆ เขาบอกว่าไม่กล้าไม่ใส่บิกินี เพราะว่าเขาโตแล้ว มันไม่เหมาะ แต่พอเขาได้ลองใส่ ตอนนี้คุณแม่ออกกำลังกาย แล้วเขามีร่องซิกซ์แพ็กแล้ว เขาก็พัฒนาตัวเอง เราไม่ต้องสนใจคำพูดคนอื่นมากก็ได้ เราสนใจที่แบบเราอยู่กับลูกแล้วเรามีความสุข ทำอะไรด้วยกันแล้วมีความสุข อย่างนั้นดีกว่า"

เปิดโลกทำความรู้จักสาว 3 วัย 3 สไตล์
"อีกอย่างเหมือนกันเป็นการเปิดโลก ทำให้คนรู้จักสาว 3 วัย โลกเปลี่ยนไปเลย เพราะเมื่อก่อนคุณย่าเขาจะเข้มงวดเรื่องการแต่งตัวมาก เขาเป็นคนจีนที่หัวโบราณ ห้ามใส่กางเกงขาสั้น ห้ามใส่สายเดี่ยว ไม่งั้นจะโดนด่า แต่พอเราโตขึ้นมาเป็นยุคอีกเจนหนึ่ง เราก็จะพาแม่แต่งตัว จับแม่แต่งตัว ก็เป็นกิจกรรมอีกอย่างที่สนุก
จากนั้นมาก็มีคนรู้จักเราเยอะขึ้นค่ะ ได้เสียงตอบรับดีค่ะ ตอนนี้คนฟอลโลว์ในเพจ 9 แสนกว่า เกือบล้านแล้วค่ะ เราก็ทำไปเรื่อยๆ เลย เริ่มจากความชอบก่อน พาแม่ไปกินนั่นกินนี่ พาเขาไปทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำกับครอบครัว มันก็เป็นการเปิดโลกให้กับคนอื่นด้วยนะ คนอื่นเขาก็ไปทำแบบเราแล้วส่งรูปมาให้ดูว่าเราก็ไปทำมาเหมือนกัน
...
มันก็ทำให้เรารู้สึกดี เพราะเราอยากจะมอบโมเมนต์ดีๆ ให้คนอื่นด้วย หนูว่าผลตอบรับที่มากกว่าการทำเพจ ไม่ใช่แค่การทำเพจอย่างเดียวนะ แต่มันคือความอิ่มใจ ที่คนอื่นเอาเราเป็นตัวอย่าง แล้วเขาก็มีความสุขแบบเรา บางทีมีส่งมาให้เราดูด้วยนะว่า พาที่บ้านไปเที่ยวมาเหมือนเรา บางครอบครัวก็แบบแต่งตัวเหมือนกันเป็น 10 คนเลย (ยิ้ม)"

"ช่วงแรกๆ ที่เราทำ ถามว่า มีคนมองว่ามันไม่เหมาะสมมั้ย ก็มีนะคะ เริ่มตอนที่แม่ใส่ชุดบิกินีค่ะ ใส่บิกินีไปทะเล ก็จะมีคนเข้ามาคอมเมนต์ว่าน่าเกลียดอ่ะ แก่แล้วทำตัวอย่างนี้ได้ไง เราก็ไปตอบกลับเขานะว่า จริงๆ มันไม่ได้อยู่ที่อายุ
แต่มันอยู่ที่ความชอบส่วนตัวรึเปล่า ไม่จำเป็นว่าต้องอายุ 18-25 เท่านั้นที่จะใส่บิกินีได้ จะใส่ตอนอายุเท่าไหร่ก็ได้ อยู่ที่ความพอใจ เราชอบ เราใส่แล้วเรามั่นใจ เรามีความสุขเท่านั้นเอง ส่วนมากน่าจะเป็นคนหัวโบราณมากกว่าที่เขาไม่ยอมรับ หรือเปิดโลกขนาดนั้นค่ะ"
โดนบูลลี่เรื่องรูปร่าง ร่างกายเราแต่ทำไมไปหนักคนอื่น
"ตัวเฟิร์นเองก็เคยโดนบูลลี่มาเรื่องรูปร่างเหมือนกัน โดนด่ามาเยอะมาก จริงๆ คืองงมากกับคน เราผอมลงก็หาว่าผอมลงเกินไปมั้ย พออ้วนขึ้นก็ว่าอ้วนขึ้นเกินไปมั้ย เป็นอะไรอะ ในช่วงที่เราอยากจะกินเยอะ หรือว่าอยากจะผอมไม่ได้เหรอ
...
อย่างเรื่องหน้าอกของเรามันเป็นปัญหากับเขามาก ชอบบอกว่าหันหน้าเหมือนหันหลัง เราก็ อ้าว นมเรามันก็อยู่ที่ร่างกายเรา ทำไมนมเรามันต้องไปหนักที่หัวใครด้วย
แต่เฟิร์นไม่เครียดนะกับเรื่องพวกนี้ ส่วนตัวเราไม่เครียดนะ เราก็คิดว่ามันก็เล็กจริงๆ เขาก็มองว่ามันเล็กจริงๆ แต่เราก็ยอมรับในสิ่งที่เราเป็นไง เราก็พอใจในสิ่งที่เรามี เราก็บอกตัวเราว่า ถ้าวันไหนเราไม่พอใจ เราก็ไปทำนมก็ได้ไง (ยิ้ม) แต่เราพอใจแล้ว แค่นี้เราโอเคแล้ว
แต่หลังจากนั้นมาก็ไม่ค่อยโดนบูลลี่นะคะ มีแต่เล็กๆ น้อยๆ ตามคอมเมนต์ มีคนชอบแล้วก็มีคนเกลียดมันก็เป็นเรื่องปกติค่ะ แล้วเรายิ่งแบบว่าเราลงรูป คนก็จะคอมเมนต์ปกติเลยค่ะ เราก็จะไล่ดูเพื่อเอาไปพัฒนาค่ะ"

สนิทกับแม่และน้องสาวมาก คุยกันได้ทุกเรื่อง
"เป็นคนร่าเริง ตลกๆ นะ พูดจริงๆ ไม่ค่อยเครียด ที่บ้านคุณแม่เขาจะสอนลูกๆ ให้เอาตัวรอดได้ค่ะ เขาจะไม่เคร่งนะว่าเราต้องเป็นอย่างนี้อย่างนั้น ไม่มีเลย แต่ว่าเขาจะสอนให้เราเอาตัวรอดให้ได้ มีความรับผิดชอบแค่นั้นเลยค่ะ ไม่ได้ว่าต้องเข้มงวดว่าเราจะต้องทำอะไร อย่าทำอะไร
...
แม่เขาเลี้ยงเราเป็นเพื่อน แต่ไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ เป็นเพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่อง เปิดใจเหมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่ง คุยทุกเรื่องเลย ทั้งเรื่องผู้ชาย เรื่องแฟน หรือปัญหาเรื่องงาน คิดว่าที่บ้านเป็นเหมือนเซฟโซนของเราอีกที่หนึ่งที่ใหญ่ๆ"

"น้องสาวเฟิร์น อายุ 16 ค่ะ ห่างกันประมาณ 11 ปีค่ะ แต่เชื่อมั้ยว่าเราไม่เคยมีปัญหาเรื่องต่างวัยเลยนะ ไม่เคยทะเลาะกันเลย เพราะว่าน้องเฟิร์นเขาจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ หัวแบบคนโตแล้ว ก็เลยไม่ค่อยจุกจิก แล้วเฟิร์นก็สอนให้เขาทำงานตั้งแต่เด็กๆ เขาก็เริ่มทำงานตั้งแต่ 14-15 เลยค่ะ ถ่ายแบบมาด้วยกัน เขาก็จะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่
อย่างซื้อบ้านที่อยู่ตอนนี้ เฟิร์น ก็ซื้อบ้านกับน้อง อยู่กับน้อง เขาก็เลยแบบโตแล้วไม่ได้คิดแบบเด็กๆ ทั่วไป คิดเรื่องการทำงาน การหาเงิน หางานค่ะ
บ้านที่เฟิร์นซื้อให้คุณแม่ผ่อนหมดแล้วค่ะ ส่วนหลังปัจจุบันซื้อเป็นของตัวเองกำลังผ่อนอยู่ ผ่อนกับน้องสาวค่ะ ถามว่าทำงานหนักขนาดไหน เฟิร์น ไม่ทำงานทุกวันค่ะ แต่ว่าก็ทำเพจ แล้วก็ซื้อขายบ้านกับคุณแม่ แล้วก็เพิ่งจะเปิดร้านเสื้อผ้ากับน้อง ตัดเสื้อผ้าขาย
ส่วนงานในวงการบันเทิงก็จะทำเพจ Supanaree story ค่ะ แล้วก็มีถ่ายแบบบ้างประปรายค่ะ แต่ช่วงนี้ทำงานกับคุณแม่เรื่องของการซื้อขายบ้านมากกว่า"

ครอบครัวเป็นเซฟโซนที่ดี
"สำหรับ เฟิร์น ครอบครัวคือทุกอย่างนะ เพื่อนก็ใช่ คนรัก ได้หมดเลย จริงๆ มีปัญหาคุยกับครอบครัวอันนี้เป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะบางคนพอมีปัญหาไปปรึกษาคนอื่น หรือไปปรึกษาเพื่อน มันจะเตลิดไปไกล เพราะเพื่อนก็เป็นวัยเดียวกับเรา ไม่ได้มีความคิดที่เปิดกว้างเท่ากับผู้ใหญ่ หมายถึงคนในวัยเท่าเฟิร์นนะ
อย่างแม่กับพ่อเฟิร์นเขาจะตรงๆ ถ้าอันนี้ไม่ดีเขาก็จะบอกว่าไม่ดี ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะเซฟจิตใจมากกว่า ปลอบเรา แต่ที่บ้านก็จะถ้าไม่ดีก็คือไม่ดี ไม่เอาคือไม่เอาเลย จะให้คำตอบตรงๆ เลย"
"ภูมิใจมั้ย ภูมิใจนะคะ การที่เราเริ่มจากทำเพจน้อยๆ ทำคลิปลง แต่ว่าผลตอบรับกลับมาคือเราได้เป็นกำลังใจ มีคนส่งมาว่าที่บ้านทะเลาะกัน ควรทำยังไงต่อ เราก็แนะนำเขาไป มันเหมือนเราเป็นศูนย์รวมของความรู้สึกดีๆ รวมเรื่องดีๆ แต่ว่ามันก็จะมีเรื่องที่แย่บ้างนะ
ก็มีคนส่งเรื่องที่แย่เข้ามา เราก็จะคุยกับเขา เหมือนเขาเลือกที่จะบอกเรื่องที่แย่ๆ กับเรามากๆ เรื่องครอบครัวที่แบบจะฆ่าตัวตายประมาณนั้นเลยนะ แต่เราก็ได้คุยกับเขาว่าอย่าไปทำแบบนั้นเลย ก็ปลอบใจกันไป"

หนังเรื่องแรก DEEP โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย
นอกจากนี้ เฟิร์น ศุภนารี กำลังมีหนังเรื่องแรก DEEP โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย ที่กำลังฉายอยู่ทาง Netflix โดยเจ้าตัวบอกว่า สนุกและตื่นเต้น เพราะเป็นบทบาทที่ไม่เคยได้เล่นมาก่อน
"สนุกค่ะ ตื่นเต้นกับบทบาทที่ไม่เคยได้รับมาก่อน คือปกติ เฟิร์น อะ เล่นซีรีส์กับถ่ายโฆษณาค่ะ เรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกของเฟิร์นเลย เฟิร์นว่ายากนะคะ เพราะปกติเราเล่นซีรีส์ ซีรีส์มันจะยาวๆ ไปใช่มั้ยคะ แต่เรื่องนี้ด้วยความที่มันเป็นหนัง มันจะสั้น เราก็ต้องเก็บรายละเอียดทั้งหมดให้อยู่ภายในหนัง มันค่อนข้างที่จะยาก เราก็ศึกษาจากผู้กำกับว่า ตัวละครตัวนี้เป็นยังไง นิสัยยังไง ทำการบ้านอยู่พอสมควรค่ะ"
"บทที่เฟิร์นเล่น เป็นนักเรียนแพทย์ที่ ซิน ที่บ้านเขาจะบังคับให้เรียนหมอ แต่ตัวเองไม่ชอบ อยากจะไปทำทางอื่นเช่นเป็นบล็อกเกอร์ ถ่ายรูปรีวิวสินค้า เลยได้เป็นหมอด้วยและเป็นบล็อกเกอร์ด้วยค่ะ
ที่เฟิร์นตัดสินใจเล่นหนังเรื่องนี้เพราะเป็นบทที่ท้าทาย และเราไม่เคยเล่นมาก่อน ขัดแย้งกับตัวเราเอง เราก็เลยลองดูว่าเราจะทำได้มั้ยกับบทนี้ ถามว่ายากมั้ย ก็ยากนะคะ เหมือนซินเขาจะมีความขัดแย้งในตัวเอง เขาโดนบังคับมาตั้งแต่เด็ก เพราะว่าเหมือนแบบทางที่บ้านเขาจะเป็นแบบหมอหมดเลย แล้วบ้านเราอยากให้เราเป็นหมอด้วย แต่เราไม่อยากเป็น มันเลยจะขัดแย้งกันนิดนึง

ซึ่งถ้าในความเป็นจริง ที่บ้านเราไม่เป็นแบบนั้นไง บ้านเราเป็นแบบอิสระ อยากเรียนอะไรก็เรียน ไม่เคยโดนบังคับอะไรเลยมาในชีวิต ก็เลยเป็นบทที่ว่ายาก ต้องทำให้ตัวเองเหมือนโดนบังคับ
เรามีการไปแคสติ้งก่อนว่าจะมีบทประมาณนี้ เราก็ไปแคสติ้ง แล้วพอได้รับการคัดเลือกเสร็จก็ไปเรียนการแสดงค่ะ กว่าจะได้เล่นจริงก็สักพักค่ะ เพราะว่าจริงๆ เรื่องนี้เราถ่ายทำนานแล้วเหมือนกัน ส่วนตัวเฟิร์นชอบหนังเรื่องนี้นะ มันมีหลายแนวในเรื่องเดียวกัน ต้องให้ผู้ชมมาลองดูกันค่ะ อีกอย่างเป็นหนังเรื่องแรกของหลายๆ คน และเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ของวงการด้วย"
การเล่นหนังเป็นอีกความฝันของชีวิต
"การเล่นหนัง เป็นอีกหนึ่งความฝันนะคะ ปกติเรานั่งดูหนังใช่มั้ย พออันนี้เราได้ดูตัวเราเอง ก็เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจที่เราได้อยู่ในทีวีเหมือนกันนะ (ยิ้ม) ถามว่าให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่เหรอกับหนังเรื่องแรก เฟิร์นให้ประมาณ 7-8 คะแนนค่ะ"
"อยากให้เข้ามาดูค่ะกับหนังเรื่องแรกของเฟิร์น และคนอื่นๆ ด้วย และยังเป็นหนังเรื่องแรกของผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรงด้วยค่ะ ซึ่งเขาจะมีไอเดียใหม่ๆ ล้ำๆ หน่อย (หัวเราะ) คิดว่าสนุกนะคะ ส่วนตัวชอบ แต่ไม่รู้ว่าคนดูจะชอบมั้ย ต้องไปลองดูกันค่ะ ทาง Netflix นะคะ เรื่อง DEEP โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย ค่ะ แล้วก็ติดตาม เฟิร์น ได้ใน Supanaree story นะคะ".
ผู้เขียน : โอ้ว...ซาร่า
กราฟิก : Sathit Chuephanngam
ภาพประกอบจาก Supanaree story , เฟซบุ๊ก ศุภนารี สุทธวิจิตรวงษฺ





