เป็นนักแสดงหนุ่มฮอตมาตั้งแต่ยุค 90 มาจนถึงตอนนี้ยังคงความหล่อไม่เปลี่ยน สำหรับ แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี และที่ผ่านมาเจ้าตัวก็มักจะเจอคำถามเสมอว่าไปเอาจมูกโด่ง คิ้วหนา ปากบางแบบนี้มาจากใคร งานนี้เจ้าตัวมีคำตอบพร้อมภาพประกอบมาให้ชมแบบชัดๆ พร้อมทั้งเล่าประวัติครอบครัวตั้งแต่สมัยอยู่ประเทศเยอรมนี ก่อนจะย้ายมาอยู่ในประเทศไทย เรียกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

โดย แซม ยุรนันท์ โพสต์ภาพคุณย่า ซึ่งภาพนี้มีอายุกว่า 120 ปีแล้ว พร้อมทั้งเล่าถึงที่มาของใบหน้าหล่อๆ ของเขาว่า “อีกคำถามที่มักจะเจอบ่อยๆ ตั้งแต่เด็กจนแก่ว่า...ไปเอาจมูกโด่งๆ คิ้วหนาๆ ปากบางๆ มาจากไหน?? นี่รูปคุณย่าผมครับ นางชำนาญคุรุวิทย์ หรือ แพทย์หญิงแอนเนรี่ ภมรมนตรี บุตรสาวศาสดาจารย์ด็อกเตอร์ไฟเอร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยฮันโนเวอร์ที่มีชื่อเสียงมากของประเทศเยอรมัน แต่งงานกับคุณปู่ พระชำนาญคุรุวิทย์ ซึ่งเป็นท่านทูตทหารประจำกรุงเบอร์ลินประเทศเยอรมันครับ

คุณย่านอกจากจะเป็นหมอแล้วยังเป็นครูสอนภาษาเยอรมัน อังกฤษ และฝรั่งเศสให้กับคนไทยที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศด้วยครับ นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้นำเข้ารถยนต์โอเปิ้ลและไครซเลอร์จากประเทศเยอรมันมาประเทศไทยอีกด้วยนะครับ และไม่น่าเชื่อว่าในวันนึงผมจะต้องไปทำธุรกิจโรงพยาบาลและโรงแรมในประเทศเยอรมันบ้านเกิดของคุณย่า ซึ่งจะเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปนะครับ เสียดายที่ผมเกิดไม่ทันคุณย่า ทราบแต่ว่าท่านสวยเก่งและรักประเทศไทยมากกกก ปล.รูปนี้มีอายุมากกว่า 120 ปีแล้วนะครับ”

...

จากนั้นแซม ยุรนันท์ โพสต์ภาพของคุณพ่อ พร้อมทั้งเล่าประวัติของครอบครัวที่ไม่ธรรมดา โดยบอกว่า “ไม่ใช่พระเอกหนังฝรั่งที่ไหนนะครับ.. คุณพ่อผมเอง แต่ก็โพสท่าไม่ง้อพระเอกนะครับ 555 คุณพ่อเกิดที่กรุงเบอร์ลินประเทศเยอรมันครับ ขณะที่คุณปู่เป็นทูตทหารประจำกรุงเบอร์ลิน มีพี่ชายฝาแฝดอีกหนึ่งคนอายุห่างกัน 3 นาที คุณพ่อเรียกตัวเองว่าแฝดเดนตาย!! ครับ เพราะตอนที่คุณย่ายังไม่ครบกำหนดคลอด ท่านมีอาการโลหิตเป็นพิษคุณหมอต้องให้ผ่าตัดด่วน!! และถามคุณปู่ว่าถ้าจำเป็นต้องเลือกระหว่างแม่กับลูกจะเลือกใคร? คุณปู่ตอบว่าเลือกคุณย่าครับ

แต่โชคดีการผ่าตัดเป็นไปด้วยดีเพราะเทคโนโลยีการแพทย์ประเทศเยอรมันคือจัดว่าดีที่สุดของโลก คุณย่าปลอดภัยดี ส่วนลูกแฝดไม่ค่อยแข็งแรงนักจำเป็นต้องอยู่ในตู้กระจกเป็นเวลาหลายเดือนอยู่ครับ ต่อมาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิจ พระโอรสในรัชกาลที่ 5 ซึ่งขณะนั้นทรงเป็นนักเรียนทหารอยู่ที่ประเทศเยอรมันเสด็จมารับขวัญและประทานชื่อให้ว่า ประยงค์-ประยูร

รูปที่สองถ่ายที่กรุงมอสโคประเทศรัสเซีย ขณะที่คุณปู่ย้ายไปประจำที่นั่นครับก่อนที่จะพาครอบครัวกลับประเทศไทยอันเป็นที่รัก.. แต่ด้วยความที่คุณย่าเป็นสตรีชาวยุโรปคนแรกที่แต่งงานกับคนไทย!! ลองนึกภาพดูนะครับว่าเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้วในรัชสมัยของในหลวงรัชกาลที่ห้า มีเด็กฝาแฝดหน้าตาเหมือนกัน ฝรั่งก็ไม่ใช่ไทยก็ไม่เชิง ตัวขาวจั๊วมาอยู่ในแผ่นดินสยาม คุณพ่อเล่าว่าไปที่ไหนก็มีคนวิ่งออกมาดู 555 แต่ก็พูดไทยได้คล่องเพราะคุณปู่คุณย่าก็สอนให้พูดไทยตั้งแต่อยู่ต่างประเทศครับ

พอแปดขวบคุณปู่คุณย่าก็พาเข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่หก ซึ่งขณะนั้นยังทรงดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร เพื่อถวายตัวรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ทรงเมตตารับไว้เป็นมหาดเล็กตัวน้อย ช่วงแรกๆ ถวายงานนวด งานพัดโบกไล่ยุงอยู่ใต้โต๊ะเสวย ท่านเอ็นดูส่งไอศกรีมลงมาให้บ้าง ไส้กรอกบ้าง แต่ถ้าเป็นขาไก่ ก็ต้องมีการแย่งชิงกับเจ้าย่าเหล๋ (สุนัขทรงเลี้ยง) เป็นที่สนุกสนานครับ

ครั้นเติบโตขึ้นอีกนิด คุณย่าได้กราบทูลขอว่าอยากให้ลูกเป็นทหาร ท่านรับสั่งถามว่าเป็นมหาดเล็กดูแลรับใช้ใกล้ชิดแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วจะต้องไปเป็นทหารทำไม คุณย่าทูลตอบว่าเห็นฝรั่งหลายประเทศรุกรานเอาเปรียบแผ่นดินไทย คุณปู่เองก็ได้รับมอบหมายให้ไปเป็นผู้บัญชาการการรบอยู่ชายแดนหลายครั้งก็ไม่อาจต้านทานได้!! ต้องเสียดินแดนไปหลายครั้ง คุณย่ารู้สึกช้ำใจแทนคนไทยยิ่งนักจึงอยากให้ลูกเป็นทหารรับใช้ประเทศชาติ เพื่อหาโอกาสทวงแผ่นดินคืนมา!!

ท่านทรงพอพระทัยและทรงเมตตาเสด็จพาไปสมัครเรียนในโรงเรียนทหารด้วยตัวพระองค์เอง อีกทั้งยังทรงลงพระปรมาภิไธยในสมุดพกให้ทุกสัปดาห์ด้วยครับ คุณพ่อบอกว่าช่วงอยู่โรงเรียนทหาร เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขถึงแม้จะโหดอยู่บ้างในความเป็นระเบียบวินัย แต่คุณพ่อก็ตั้งไจเรียนมากนะครับ สอบได้ที่ 1 ที่ 2 ตลอด อีกทั้งยังได้เป็นหัวหน้าหมวด หัวหน้าชั้น

พ่อบอกว่าต้องตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุดให้สมกับที่ในหลวงท่านทรงเมตตาพ่อมีเพื่อนร่วมรุ่นที่สนิทกันมากคือจอมพล ป. พิบูลสงคราม ครับ เมื่อจบการศึกษาก็ได้เข้ารับพระราชทานกระบี่ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่หก อีกทั้งยังพระราชทานนาฬิกาพกทองคำให้เป็นรางวัลพิเศษ ถือเป็นมงคลที่สุดในการเริ่มต้นชีวิตการเป็นทหารครับ

รูปสุดท้ายคุณพ่อได้รับเชิญในฐานะตัวแทนประเทศไทยเข้าพบผู้นำประเทศยุโรปหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ เยอรมัน อิตาลี รัสเซียและญี่ปุ่น เพื่อแสดงจุดยืนว่าประเทศไทยจะเป็นกลางในสงครามโลกครั้งที่สองที่มีแนวโน้มอย่างมากที่จะเกิดขึ้น (ในขณะนั้น) ครับ ภาพนี้คือคุณพ่อมาทำพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนในกรุงโรม หลังจากที่ได้พบมุสโสลินี ผู้นำของอิตาลีครับ ...วันนี้พอก่อนนะครับยาวมากเดี๋ยวจะปวดตาทั้งคนเขียนทั้งคนอ่าน”.

...