• ทำความรู้จักกับ ก้าวหน้า กิตติภัทร แก้วเจริญ หนุ่มไฟแรงจากซีรีส์ นิติแมนแฟนวิศวะ
  • แม้บุคลิกของ ก้าวหน้า จะไม่เหมือนศิลปิน แต่แท้จริงแล้ว หนุ่มคนนี้ชอบร้องและเต้นเป็นที่สุด
  • คู่จิ้นสุดคิวต์ ก้าวหน้า-เทอร์โบ กับ 3 ปีที่รอคอยของแฟนซีรีส์

รอคอยมา 3 ปีเต็มๆ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง สำหรับแฟนๆ ของหนุ่ม ก้าวหน้า กิตติภัทร แก้วเจริญ กับซีรีส์เรื่องล่าสุดของเขา นิติแมนแฟนวิศวะ (Nitiman The Series) ซึ่ง ก้าวหน้า บอกกับเราว่า ในซีรีส์นั้นต่างจากตัวเขาแบบสิ้นเชิง เพราะในชีวิตจริงเป็นคนมาดนิ่งสุขุมพูดน้อย และเรียบร้อยสุดๆ 

ล่าสุด บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ได้พูดคุยกับหนุ่มคนนี้ผ่านทางโทรศัพท์ ก็รับรู้น้ำเสียงจากปลายสายได้เลยว่า เขาดีใจสุดๆ ที่ได้มีผลงานให้แฟนๆ ได้ติดตามสักที หลังจากที่แฟนคลับของเขาต้องรอคอยมา 3 ปีเต็มๆ 

"เรื่องนี้ของ ก้าว เปลี่ยนบทบาทเลยครับ จาก 2 เรื่องที่ผ่านมา ตัวละครของ ซอง ก็จะมีความสดใส ร่างเริง จริงๆ ก้าว เป็นคนที่นิ่งๆ ไม่ค่อยจะซนอะไรขนาดนั้นครับ แต่พอได้มาเล่นเป็น ซอง ก็รู้สึกยากมากและทำการบ้านเยอะมาก 

...

ในบทบาทของ ซอง ก็ไม่เคยเล่นบทที่ดูซนขนาดนี้ และเป็นตัวยุ่งของแก๊งครับ ก็เลยยากมากๆ ต้องทำการบ้านเยอะมากๆ เลยครับ ถามว่าฝืนตัวเรามั้ยที่ต้องมาเล่นบทหนุ่มขี้เล่น คือจริงๆ พาร์ตนี้ที่เราอยู่กับเพื่อน ก็จะมีเล็กน้อยที่เราอยู่กับเพื่อนๆ ไม่ได้ฝืนขนาดนั้น แค่เราจะนำออกมาในตอนที่เข้าซีนยังไง"

เทอร์โบ ที่อยู่ด้วยกันก็แทรกมาว่า "โบว่ามันยากนะ ในการเล่นคอมเมดี้ที่มีเอเนอจี้"

ตื้นตันใจไม่มีงานด้วยแต่แฟนคลับยังรอ

ก้าวหน้า เล่าให้เราฟังต่อว่า "คือด้วยความที่ผู้กำกับเป็นพี่เจน (กิตติ์ บทศรี ผู้กำกับเรื่อง SOTUS S THE SERIES และ OUR SKYY อยากเห็นท้องฟ้าเป็นอย่างวันนั้น) เราก็รู้จักกันมาบ้างแล้ว แล้วตอนที่เราเวิร์กช็อปเราก็ไดเรคเตอร์ไปทางเดียวกัน แล้วก็เวิร์กช็อปกันหนักมากๆ แล้วโชคดีที่ซีนแรกๆ มีแค่ ซองกับเจ (ก้าวหน้ากับเทอร์โบ) แค่ 2 คนเท่านั้น คือมีแค่ ซองกับเจ เจกับซอง เป็นคิวแรกทั้งวันเลย

เหมือนเราจูนกันแค่ 2 วันแรกแล้วก็จูนตัวละครติดเลย พอวันที่ 2 ที่ 3  ก็จูนติดแล้วก็สบาย ด้วยความที่เราทั้งคู่เล่นกันเป็นซีนแรก วันแรกของการเปิดกล้องเลย เลยแบบเกร็งมากๆ ก็มีกดดันด้วย กลัวจะไปเป็นตัวถ่วงของทีมงานเขาด้วย

คือเราก็รู้ว่าด้วยความที่เป็นซีรีส์และมีงบประมาณเยอะ เราก็เกรงใจครับ เกรงใจทางทีมงานก็มีแอบกลัว เลยต้องพยายามตั้งใจเพื่อให้ผ่านไปให้ได้ครับ แต่พอออกมาดีก็รู้สึกหายเหนื่อยเลย จริงๆ ก็เหนื่อยแค่วันแรกๆ ที่เป็นวันของเราครับ พอมาหลังๆ วันหนึ่งก็มี 3-4 ซีนครับ ก็เลยไม่ได้เหนื่อยมาก 

แต่ขอใช้คำว่าตื้นตันดีกว่า อย่าง ก้าวหน้า-เบอร์โบ คือเราก็รู้จักกันมานาน เราเคยมีซีรีส์ด้วยกันเมื่อ 3 ปีก่อน แต่พอเรื่องนั้นพับไป มันทำให้เราไม่ได้มีผลงานด้วยกัน 3 ปี เพราะฉะนั้นแฟนคลับเราก็จะรอมา 3 ปีเลยครับ ที่อยากเห็นเรามีงานด้วยกัน แล้วก็เรียกร้อง

จนพอวันนี้มันมาจริงๆ เหมือนตอนที่รู้ว่าเราจะได้เล่นด้วยกัน เขาก็ดีใจ ได้อย่างที่หวัง เขาก็รอ ไม่ได้รอเก้อ เขาก็ดีใจที่มาถูกทางที่อดทนรอ เพราะว่าอันนี้คือด้วยความที่เราคุยกับผู้จัดการส่วนตัวไว้ว่า เราจะไม่แยกคู่ เราขอไปให้สุดก่อน 

เราไม่อยากแยกกันไปคนละทางครับ ยังไงเราเกิดขึ้นมาพร้อมกัน เราก็อยากจับมือกันไปให้ไกลที่สุดครับ ด้วยความที่เป็นซีรีส์วายด้วยแหละ เราก็อยากอยู่กับน้อง เราสนิทใจที่แบบทำงานด้วยกัน พอเป็นซีรีส์วายเราก็ยังอยากเล่นคู่กันก่อน แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่น หรือเป็นหนังอะไรต่างๆ เราก็อาจจะแยกไปทำงานต่างๆ อย่าง เทอร์โบ ก็มีงานเดี่ยว ก้าว ก็มีงานเดี่ยวด้วยครับ"

...

ก้าวหน้า-เทอร์โบ อยู่บ้านเดียวกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน

"พอเรามีงานออกมา ดีใจสุดๆ เลยครับ เพราะว่าเราทำให้เขาได้แล้ว คือเขารอเรามาตั้ง 3 ปีเลยครับ บางคนอยู่กับเรามาแต่แรกเลย ตั้งแต่โปรเจกต์โน้นเลยครับ แล้วก็ค่อยๆ มีเข้ามาเรื่อยๆ ในขณะที่เรายังไม่มีผลงานนะครับ"

"เขาก็ยังรอ ไม่ใช่แค่รออย่างเดียวนะครับ เวลาเรามีอีเวนต์ เขาก็ตามเราไปด้วยครับ เราเคยคุยกันว่า ถึงเราจะไม่ได้เล่นซีรีส์ แต่ว่าเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ น่าจะเป็นจุดที่แฟนคลับชอบและติดตามเรา เราก็สนิทกัน อยู่บ้านเดียวกันครับ มีผู้จัดการคนเดียวกันด้วย แต่ว่าช่วงนี้อยู่บ้านเดียวกันจริงๆ พอดีกำลังจะเปิดกล้องอีกเรื่อง ก็เลยหนักหน่อย

เทอร์โบ แทรกมาว่า "เหมือนเราใช้ชีวิตด้วยกันเลยครับ" 

ก้าวหน้า "เราใช้ชีวิตด้วยกันทั้งวัน อยู่กันตั้งแต่เช้า ก็คือหม่าม๊าเทอร์โบเลี้ยงเป็นลูกอีกคน (หัวเราะ) ก้าวมาอยู่บ้านเทอร์โบเลยครับ เพราะว่าก้าวเป็นเด็กต่างจังหวัด แล้วก็อยู่คอนโด โบมีบ้านอยู่กรุงเทพฯ อีกอย่างมีพื้นที่ด้วย มีบริเวณบ้าน มีห้องเอาไว้อ่านบท ไว้ออกกำลังกายด้วย"

...

เทอร์โบ "มีเพื่อนมาอยู่ด้วยอีกคน สนุกดีครับ ด้วยความที่เราอยู่บ้านกับแม่กับน้องแล้วจะเงียบๆ แล้วก็เหงา แล้วพอมีพี่ก้าวมาอยู่ด้วย ก็เหมือนเราได้เจอผู้คนด้วย ช่วงที่ผ่านมาก็เป็นช่วงโควิดเนอะ เราก็ไม่ได้ออกไปไหน เราก็แฮปปี้ครับ มีเพื่อนฟิตเนสด้วยกันที่บ้าน มีเพื่อนเวิร์กช็อป แอ็กติ้งด้วยกัน"

"ก้าวหน้ากับเทอร์โบ เรารู้จักกันมันมากกว่า 3 ปี เราก็เคยเจอกันบ้างแบบบางครั้ง เราก็ได้มาร่วมงานกันจริงๆ ประมาณ 3 ปีที่แล้ว มีวันที่เราได้เจอกันแล้วเราคุยกันจริงๆ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ของเมื่อ 3 ปีที่แล้ว จำได้แม่นเพราะว่าแฟนคลับเขาบอกว่าเอาวันนี้เป็นวันครบรอบ ซึ่งหลายๆ อาจจะไม่รู้ว่าเป็นวันครบรอบที่เราเจอกัน เขาก็คิดว่า ก้าวหน้ากับเทอร์โบคบกันจริงๆ (หัวเราะ) ก็แปลกๆ ดี ก็น่ารักครับ"

เข้าวงการบันเทิงด้วยความสามารถล้วนๆ

"ตั้งแต่ ม.5 เลยก้าวเป็น ทูบีนัมเบอร์วัน ไอดอล รุ่นที่ 5 ครับ ได้ร้องได้เต้นมาตั้งแต่เด็ก แล้วก้าวก็ได้มาประกวดรายการ The Next Boy/Girl Band Thailand ครับ หาบอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ปครับ เราก็ได้เดบิวต์เป็นบอยแบนด์

แล้วระหว่างนั้นก็ได้ไปเล่นซีรีส์เรื่อง TharnType the Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดีๆ ครับ เป็นซีรีส์เรื่องแรกที่ก้าวได้เล่นครับ ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ใครได้รู้จักในบท หลง เรื่องนั้นจะเป็นตัวร้ายเลย ทุกคนก็เกลียดมาก (หัวเราะ)

แล้วก็มีผลงานมาเรื่อยๆ ครับ เรื่อง ลองของ ซีรีส์ ครับ เป็นซีรีส์ผี แล้วก็มีงานเพลง เคยเป็นบอยแบนด์ด้วยครับ แล้วตอนนี้ก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำของตัวเองครับ"

...

"ก้าว ชอบร้องเพลง อยากเป็นศิลปิน แม้ลุคของเราจะไม่ค่อยเหมือนเท่าไร คืออันนี้เราก็ได้เคยคุยกับผู้จัดการและเราจะวางไดเรคชั่นตัวเองว่าเราจะเป็นยังไง คือก้าวชอบร้องเพลง แล้วก็ก้าวเกิดมาจากการร้องเพลง เต้น มาตั้งแต่เด็ก มันก็เลยเกิดเป็นความชอบและเป็นสิ่งที่เราทำได้

แต่พอเราได้มาแสดง เราก็ชอบแสดง เราก็จะไปทางไหนดี ก็ถามตัวเอง สรุปแล้วเราอยากแสดงมากกว่า แล้วก็ใช้ทักษะการร้องเพลงเป็นความสามารถของเรา ก็เลยไปในทางนั้นดีกว่า ด้วยลุคก้าวมองว่า ก้าวน่าจะไปในทางนักแสดงครับผม"

"จริงๆ ก้าว ก็ไม่ได้เดินสายประกวดเยอะนะครับ ที่ไปมาก็จะเป็นเวที The Next Boy/Girl Band Thailand นี่แหละครับที่มาประกวดแบบเวทีใหญ่ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กกิจกรรมของโรงเรียนครับ"

"ตอนที่เข้ามาประกวดบอยแบนด์คือเดินทางมาสมัครเองเลยครับ ไม่ได้มีโมเดลลิ่งหรืออะไรเลยครับ พอได้เข้ามาเราก็มีคุณน้าที่เรารู้จัก เขามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้เราครับ มาช่วยดูแลเรา ก็เลยได้มาเจอน้องๆ ในบ้านครับ เอาจริงๆ ก้าวก็เหมือนเป็นเด็กใหม่เลยที่เพิ่งเข้ามา เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วครับ"

"ส่วนเรื่องเพลง ก้าวเพิ่งมีเพลงที่ทำกับ เทโร มิวสิค ครับ แล้วก็มีเพลงประกอบซีรีส์ TharnType ด้วยครับ เป็นเพลงยุค 90 ที่เอามารีเมคใหม่ครับ"

ชีวิตจริงกับในจอต่างกันลิบลับ

"ก้าวเป็นเด็กเนิร์ดนะ เอาอย่างนี้ ก้าว อยากแบ่งตัวเองเป็น 2 พาร์ต คือการเรียนกับการทำงาน เพื่อนที่มหาวิทยาลัยอาจจำก้าวไม่ได้ที่ก้าวมาเล่นซีรีส์ คือตอนเรียนก้าวก็ใส่แว่น แต่พอมาทำงานก้าวไม่ได้ใส่แว่น แต่ใส่คอนแทคเลนส์แทน เราก็จะวางโพสิชั่นของตัวเองว่าถ้าเรื่องการเรียนเราเต็มที่มากๆ 

คือก้าววางแผนตัวเองตั้งแต่ปี 1 ปี 2 แล้วครับว่าจะลงเรียนให้ได้เยอะๆ ที่สุด แล้วพอปี 3 เข้ามาเราจะเริ่มทำงานในวงการครับ ก้าวเป็นคนที่ตั้งใจมากๆ อยากทำอะไรต้องทำให้ได้ ทำให้สุด เป็นคนที่วางแผนชีวิตตัวเองไว้ แต่ได้หรือไม่ได้ก็ค่อยว่ากันอีกที"

"ที่เลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์ จริงๆ ก้าว อยากเรียนนิเทศศาสตร์นะ พอเรามาคุยกับแม่ แม่บอกน่าจะเรียนนิเทศนะ คือถ้ามี 2 อันดับ อันดับแรกเราชอบการแสดงและการเต้น คือแม่เป็นครูด้วย ก็คิดกันว่าเรียนจบไปแล้วจะทำอะไร เขาก็เลยให้ก้าวเลือกข้อ 2 สิ่งที่ก้าวทำได้ดีก็คือ คณิตศาสตร์ ก้าวเลยเลือกเรียนวิทย์ครับ 

เหมือนตอนนั้นเราก็มองว่าเราก็ร้องเต้นได้แหละ ค่อยไปฝึกเพิ่มเอา เราก็เรียนคณิตศาสตร์ให้ได้ดี ถ้าเราไปในการวงการบันเทิงไม่ได้ เราก็กลับมาเป็นครูก็ได้ หรือไปทำงานเกี่ยวกับด้านนี้ก็ได้ เหมือนวางแผนไว้หลายๆ แบบครับ แต่พอเรียนจบได้มาทำงานด้านบันเทิง แม่เขาก็บอกว่า รู้งี้น่าจะให้เรียนนิเทศแต่แรก (หัวเราะ)"

ครอบครัวเป็นป๋าดัน ซัพพอร์ตเต็มที่

"ครอบครัวผม คุณแม่เป็นครู คุณพ่อเป็นตำรวจ เป็นข้าราชการทั้งบ้านเลยครับ ทั้งคุณอา คุณน้าเป็นข้าราชการหมดเลย แต่ว่าดีอย่างหนึ่งที่บ้านเปิดมากว่าอยากทำอะไร ซัพพอร์ตทุกอย่าง

คือตอนเด็กๆ แม่ของก้าวส่งไปเรียนดนตรีทุกอย่างเลย ให้เก้าได้ลองครับ แล้วเก้าก็ทำไม่ได้สักอย่าง (หัวเราะ) มือกับหัวอาจไม่ประสานกันมั้ง แต่ว่าชอบร้องเพลง เลยเป็นอย่างเดียวที่ทำได้ อีกอย่างคือเต้น แม่ไม่เคยส่งเรียนแต่ว่าชอบ เคยดูรายการเดอะสตาร์ แล้วรู้สึกชอบเพอร์ฟอร์มของรายการ

ถามว่าพ่อแม่เคร่งมั้ย อันนี้ไม่ค่อยเท่าไร แต่จะเคร่งเรื่องมารยาทครับ มีคนเคยแซวไปบ้านก้าวห้ามเสียงดัง ห้ามเดินเสียงดัง อย่างนั้นมากกว่าครับ แม่เคยเล่าให้ฟังว่า ทางบ้านแม่เป็นเหมือนนางในวัง เขาก็สอนกันมา ต้องเรียบร้อยหน่อย พูดจามีหางเสียง แต่ว่าเรื่องทำกิจกรรม เขาเต็มที่ทุกอย่าง

ก้าวจำได้เลยว่า ก้าวเคยไปประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ แม่กับพ่อขับรถจากเพชรบุรีมากรุงเทพฯ เลยครับ แล้วก็มาดูเราพรีเซนต์ที่ไบเทค มาดูแค่ครึ่งชั่วโมง มาให้กำลังใจครับ ก้าวมีน้องชายครับ ตอนนี้เป็นทหารดุริยางค์ ก้าวมีพี่น้อง 2 คนครับ"

"ถามว่าที่บ้านว่ายังไงบ้าง พอมาทำงานในวงการบันเทิงแล้ว โอ้โห คือคุณป้าชอบมาก เขาจะมาบอกตลอดว่ามีคนนี้ชอบเรามากๆ เลย ที่บ้านก็ตื่นเต้นกับเราครับ คุณแม่จะเป็นคนส่งไปทางไลน์ ส่งงานเราไปให้ญาติๆ ดูครับ เขาก็ชอบ น่ารักดีครับ" 

เป็นตัวเองไม่เปลี่ยนแปลง

"ถามว่าวงการบันเทิงเปลี่ยนชีวิตยังไงบ้างเหรอ (นักแสดงหนุ่มตอบอย่างรวดเร็ว) โอ้โห เปลี่ยนเยอะมากๆ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยคือตัวตนของเราครับ เราจะเป็นแบบนี้แหละ แต่สิ่งที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นคือความสามารถของเรา เราได้ทำงานเยอะขึ้นและได้เจอคนที่เป็นมืออาชีพมากๆ

เรายิ่งต้องพัฒนาตัวเองเยอะมากๆ ครับ ด้วยความที่แรกๆ เราก็อาจจะยังทำได้ไม่ดี เหมือนเราก็ต้องคอยพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ ถ้าจะเปลี่ยนชีวิตของเรา ก้าวมองว่ามันคือการที่เราเป็นตัวเองแบบนี้ มีคนที่มองเห็นเราเยอะขึ้น มีคนที่รู้จักเราเยอะขึ้น

สิ่งที่เราจะทำได้เป็นคนดี ระมัดระวังตัวในเรื่องของการกระทำและการใช้คำพูดต่างๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใช้โซเชียลมีเดียให้มากๆ ครับ แต่เราก็ไม่ทิ้งการเป็นตัวเองครับ ก็ยังเป็น ก้าวหน้า เป็นเด็กเอ๋อๆ เหมือนเดิมครับ (หัวเราะ)"

"ก้าวอยากทำตรงนี้ให้ได้นานที่สุดครับ ก้าวก็มีไอดอลในวงการบันเทิงหลายท่าน เขาก็เกิดมานาน ยังเป็นนักแสดง นักร้องมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้ยังทำอยู่ ก้าวมองว่าอยากทำงานที่นี่ให้ได้นานที่สุด ถึงแม้ว่าเราจะอายุเยอะขึ้น เราก็น่าจะมีบทบาทหรือมีทางที่เหมาะสม และเดินต่อครับ"

"สุดท้ายนี้ ก้าว อยากขอบคุณแฟนคลับทุกคนมากๆ คือ ก้าว เป็นคนที่ขอบคุณแฟนๆ บ่อยมาก แต่ทุกการขอบคุณถ้าเรามองกลับไปว่าจะไปรักคนๆ หนึ่งมากๆ ตามซัพพอร์ตคนหนึ่งมากๆ บางทีต้องเสียทุนทรัพย์ เสียเวลา เพื่อไปตามไปให้กำลังใจเราในหลายๆ ที่ เราชื่นใจมากๆ เลยครับที่รักเรามากๆ ขนาดนี้

สัญญาเลยว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และทำให้เขาภูมิใจมากๆ เลยครับ ก้าวมองว่าเขาเป็นเหมือนผู้ปกครองคนหนึ่งเลย ถ้าไม่มีพวกเขาก็คงไม่มีเราวันนี้ครับ สัญญาเลยว่าจะทำให้ดีที่สุด จะตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด จะมีผลงานออกมาภายในปีนี้และปีหน้าแน่นอน ส่วนเรื่องมีตติ้งมีวางแผนแล้วครับว่าจะทำอะไรบ้าง"

ขนาดเราพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ ยังรับรู้ได้เลยว่า หนุ่ม ก้าวหน้า กิตติภัทร เป็นคนที่น่ารัก มีสัมมาคารวะและจริงใจสุดๆ จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมแฟนๆ ถึงยังรักและติดตามมากขนาดนี้ จนเรารู้สึกหลงรักหนุ่มคนนี้ตามไปแล้ว.

ผู้เขียน : โอ้ว...ซาร่า

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun