• เปิดใจ ไอซ์ พาริส เด็กหนุ่มวัย 22 กับความฝัน 3 อย่างในชีวิต
  • ตั้งใจดูแลคุณแม่กับพี่สาวอย่างเต็มที่ แทนคุณพ่อที่เสียไป
  • ไม่เคยกลัวความตาย และจะเสียดายมากถ้าไม่ได้ทำ

เป็นนักแสดงหนุ่มฮอตที่มักจะมีรอยยิ้ม และมีความสดใสให้กับคนรอบข้างเสมอ สำหรับ ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต ต้องบอกเลยว่าถ้าใครได้อยู่ใกล้ๆ หนุ่มคนนี้ มักจะมีรอยยิ้มตามเขาไปด้วย อีกทั้งเขายังเป็นเด็กที่มีความกล้าในทุกๆ เรื่อง ซึ่งในช่วงตลอดเวลาที่ได้นั่งคุยกับเรา จะรู้สึกเลยว่า เด็กหนุ่มคนนี้มีมุ่งมั่นและตั้งใจจริงๆ และไม่เคยหลบตา แถมยังเสียงหวานออดอ้อนเก่งในแบบฉบับความเป็นลูกชายคนเล็ก

ไอซ์ พาริส เป็นเด็กหนุ่มวัย 22 ปี ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวมีความสุข แม้ว่าจะเคยผ่านเหตุการณ์สุดเศร้าที่สุดในชีวิตมา แต่ ไอซ์ ก็ยังคงทำหน้าที่ลูกชายคนเล็กของบ้าน เพื่อดูแลคุณแม่กับพี่สาวต่อจากคุณพ่อได้ดี

ไอซ์ บอกกับ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ว่า เขายังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนคุณพ่อได้เต็มปาก แต่จะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และจะดูแลคุณแม่ต่อจากคุณพ่อ ไม่อยากให้คุณแม่ต้องมาทำงาน เพราะมันเป็นภาพที่ไม่คุ้นชิน 

...

"ถ้าถามผมว่าในวันที่อายุ 22 ตรงนี้ คิดว่าประสบความสำเร็จรึยัง ผมรู้สึกว่า ก็พอใจในจุดที่ยืนและในวัยเท่านี้นะครับ ผมรู้สึกว่าดีใจเหมือนกันที่เราคิดได้ในวัยนี้ ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ยากเหมือนกันในวัยที่อายุเท่าผม ที่เราจะรู้สึกว่าเรามีมายด์เซตนี้ ซึ่งผมรู้สึกว่าผมก็เข้าใจเหมือนกันทำไมถึงมี 

เพราะผมก็ผ่านสถานการณ์ที่มันเศร้ามากๆ มันทำให้เราเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง ผมรู้สึกว่าได้ผ่านจุดนั้นมา มันทำให้เราเติบโตขึ้นกว่าคนอื่นๆ รึเปล่า อันนี้ผมไม่แน่ใจ

แต่ผมดีใจที่เรามีความคิดแบบนี้ ได้ทำสิ่งที่เราชอบ แล้วก็ได้มีความสุขกับมันไปพร้อมๆ กับมัน บวกกับผมได้ดูแลที่บ้านให้มีความสุขด้วย และดูแลที่บ้านให้ผ่านเหตุการณ์นั้นออกมาได้ ก็ดีใจครับ

ถามว่าตอนนี้เป็นหัวหน้าครอบครัวเต็มตัวรึยัง ผมจะพยายามทำเต็มที่ครับผม แต่ผมไม่อยากพูดว่าตัวเองไม่อยากเป็นหัวหน้าครอบครัวขนาดนั้น เพราะว่าด้วยความที่เราเป็นคนเล็กสุดในบ้าน อายุน้อยสุดในบ้าน ผมรู้สึกว่าผมทำทุกอย่างที่ผมทำได้จริงๆ นะ

มันเป็นความเห็นแก่ตัว หรืออะไรก็ไม่รู้นะ ผมแค่รู้กับตัวเองว่า ผมจะไม่ให้แม่ทำงาน เพราะว่าผมเกิดมาแล้วแม่ไม่เคยทำงานมาก่อนในสายตาเรา การเห็นแม่ตัวเองทำงานมันดูไม่ใช่แม่เรา เราก็เลยแบบใช้ความเอาแต่ใจล้วนๆ เลยครับว่าเนี่ยผมจะทำเอง (ยิ้ม) ก็เหมือนกับผมรับช่วงต่อดูแลคุณแม่จากคุณพ่อ (ยิ้ม)"

ไม่เคยกลัวความตาย แต่กลัวเสียดายถ้าไม่ได้ทำ

"เอาจริงๆ ผมเคยคิดมาก่อนนะ ไม่ใช่วัยนี้แต่เป็นตอนที่ช่วงแรกๆ เพิ่งจบ ม.5 ม.6 ผมก็เคยคิดนะคนอื่นๆ เขาก็ไปเรียน เรียนเสร็จก็ไปเดินเล่นสยาม ชิลๆ ก็เหมือนชีวิตตามวัย ระหว่างนั้นเราทำงานอยู่ ความรู้สึกนั้นเราก็เคยมีเหมือนกัน

ทุกๆ ครั้งที่เรามีความรู้สึกนี้ ผมรู้สึกตลอดเลยนะ ทุกๆ อย่างที่เราได้มา มันไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะ เราจะกลับไปคิด เรารู้สึกขอบคุณมากกว่า ที่เราได้มีโอกาสทำสิ่งๆ นี้ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำแต่แรกแล้ว และเป็นสิ่งที่ผมอยากทำก่อนจะจากโลกนี้ไป (ยิ้ม) และจะรู้สึกว่าไม่เสียดายเลย เพราะเราได้ทำแล้ว"

ใช้ใจนำมากกว่าสมอง

"ผมเป็นคนที่ไม่ได้เป็นคนที่จะชอบฟิกตัวเองกับแผนการอะไรมากขนาดนั้น ผมเป็นคนที่รู้สึกว่าเราชอบอิมโพรไวซ์เยอะ และจะใช้ใจนำมากกว่าการใช้สมอง ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าคนที่วางแผนใช้ชีวิตมันผิดนะ ซึ่งพี่สาวผมเป็นคนเป๊ะๆ แบบนั้นมากเลย

มันไม่ได้ผิดนะ มันแค่คนละเวย์เฉยๆ ผมก็รู้สึกว่าผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้น สิ่งเดียวที่เรารู้สึกอยากจะมีในอนาคตคือความมั่นคงครับ ในความรู้สึกของตัวเองด้วยนะ ไม่ใช่แค่เรื่องการงานหรือเงินอะไร แต่เป็นความมั่นคงในแบบของเรา

เนี่ยแหละคือเรา เราทำอะไร เรามีจุดประสงค์อะไรในชีวิตนี้ ถ้าพูดถึงแบบโตไปเลย ก็อยากจะมีครอบครัวที่มั่นคง อยู่ด้วยกัน ดูน่าจะมีความสุขครับ"

...

เมื่อเราถาม ไอซ์ ว่า การที่ได้เล่นหนังคือ 1 ในความฝันของชีวิตใช่มั้ย เด็กหนุ่มวัย 22 ตอบเราด้วยสีหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม มองปราดเดียวก็รู้เลยว่า เขามีความสุขมากกับการได้ทำความฝันสำเร็จไปหนึ่งอย่างแล้ว

"ใช่ เหมือนมันได้เช็กออกไปอันหนึ่งครับ ความรู้สึกมันดีแบบอธิบายได้ยากมากๆ จริงๆ ครับ คือผมมีความฝัน 3 อย่าง ใน 3 อย่างนี้ผมรู้สึกว่า ผมเช็กออกไปได้ข้อเดียวนะ เพราะว่าอีก 2 เรื่องของผมคือทำอัลบั้ม กับทำคอนเสิร์ต

แต่ว่าทุกๆ คนก็บอกว่า ผมทำเพลงแล้วนิ เคยขึ้นคอนเสิร์ตแล้วนิ แต่ผมว่ามันยังไม่ใช่อัลบั้มของผม มันยังไม่ใช่คอนเสิร์ตของผม คืออยากให้เป็นคอนเสิร์ตของไอซ์เลย ก็อยากทำต่อไปแล้วรอให้ถึงวันนั้นครับ"

Ghost Lab หนังเรื่องแรกของชีวิต ไอซ์ พาริส

"พอได้รู้ว่าจะได้มาเล่นเรื่องนี้ ผมดีใจมากอยู่แล้วครับ แค่หนังเรื่องแรกของเรา ได้มาเป็นหนัง GDH เล่นคู่กับพี่ต่อ ธนภพ ทุกอย่างมันเกินคาดไปหมดเลยครับ"

"ถ้าสำหรับผมนะ คือหนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกของผม เรื่องแรกสุดในชีวิตเป็นที่หนังใหญ่นะ คือมันเป็นความฝันของผมที่สุดในชีวิตเลยนะ คือเราเริ่มทำงาน เราก็ฝันว่าอยากทำเพลง อยากเล่นหนัง

แล้วเนี่ยก็เป็นความฝันของเราเลยว่าเราอยากจะเล่นหนัง แล้วหนังเรื่องแรกที่ติดต่อเข้ามาก็เป็นหนังในค่ายเราเองด้วย อันนี้คือชอตแรกที่สนใจแล้ว

...

แล้วต่อมาคือเราได้ไปแคสต์หนังเรื่องนี้ ซึ่งก่อนไปแคสต์เราไม่เคยเห็นบทเลยนะ เราได้รับบทตอนหน้าห้องเลย แล้วก็ได้อ่าน ตอนที่เราไปแคสต์เขาให้เราเล่นทั้ง 2 ตัวเลยครับ ทั้งหมอวี หมอกล้า แต่ด้วยอะไรบางอย่าง ทำให้ผมมีความดึงดูดกับบทของ หมอกล้า มากเลยครับ

ผมรู้สึกผมเอ็นจอยกับการได้เล่นบทหมอกล้า ผมรู้สึกแบบมันมีแรงดึงดูดอะไรที่ผมชอบมากเลย แล้วผมก็รู้สึกแบบว่าทำบทหมอกล้าได้ดีกว่า ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

ก็เป็นสเตปสองแล้วที่เรารู้สึกว่าชอบคาแรกเตอร์นี้มากจริงๆ ด้วยความที่เราเป็นคนมีเอเนอจี้เยอะ ไฮเปอร์นิดนึง พอมาอยู่ในบทหมอกล้าแล้ว มันรู้สึกว่าได้ปลดปล่อย ได้เอาพลังงานทั้งหมดที่เรามีเอาออกมาใช้ ผมเลยรู้สึกว่าเป็นอีกตัวละครตัวหนึ่งที่เราสนใจเลย

แล้วพอจบจากแคสต์ รู้ว่าจะได้เล่น ได้เข้ามาอ่านบท มันยิ่งน่าสนใจในคอนเซปต์เข้าไปอีก รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ตัวผมเองก็เคยคิดนะกับคำถามนี้ ว่ามันมีจริงมั้ย มันพิสูจน์ได้มั้ย

ผมก็เคยคิดนะ มันรู้สึกได้นิดหน่อย ผมว่าหลายๆ คนก็เคยคิดแหละ อาจจะมีตั้งคำถามบ้าง แต่ก็ไม่ได้เคยมานั่งหาคำตอบกับมัน

ผมเลยรู้สึกว่า คอนเซปต์หนังเรื่องนี้มันไปกระตุกต่อมความอยากรู้ของผมอีกครั้งหนึ่ง เป็นเหมือนห้วงสุดท้ายที่ผมอยู่หมัดและรักเรื่องนี้มากๆ ครับ"

...

รับบท หมอกล้า คุณหมอที่สุดแสนจะมุทะลุ

"คือจริงๆ แล้วบท หมอวี กับ หมอกล้า จะมีความตรงข้ามกันครับ คือภายนอกของ วี ดูเขาจะเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ เนิร์ดๆ ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก แต่ กล้า จะตรงกันข้ามเลย เขาจะดูเป็นคนมีความมั่นใจ มีอะไรเอาออกมาหมดเลย

พลังเขาเยอะมากๆ เป็นคนมุทะลุ และเป็นคนที่เชื่อในความคิดของตัวเองมากๆ ด้วยความมั่นใจของเขา ทำให้เขาเป็นคนที่เชื่อในตัวเองสุดๆ พอเขาเป็นอย่างนี้ปุ๊บ เขาจะเป็นคนเชื่อเรื่องโลกหลังความตาย และเชื่อในเรื่องวิญญาณ

ด้วยความมั่นใจของเขา เขาเป็นคนที่ฝันค่อนข้างใหญ่และอยากได้อะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ เหมือนเขาอยากจะพิสูจน์เรื่องที่เขามีให้ทุกๆ คนได้เห็น แล้วมันทำให้เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นมาครับผม"

"อยากฝากบทหมอกล้า ของหนังเรื่อง Ghost Lab ด้วยนะครับผม เพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกของผมเลย ผมเต็มที่กับมันมากๆ และผมเห็นอีกอย่างหนึ่งคือทีมงานทุกๆ คน รวมถึงนักแสดงคนอื่นๆ ทุกคนเต็มที่กับมันมากจริงๆ

เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รู้สึกว่าทุกคนสนุกมากๆ ในตอนที่ได้ลงไปทำงานด้วยกัน ทั้งผู้กำกับเอง นักแสดงเอง ทีมงานด้วย ทุกคนแทบจะเป็นลมกันอยู่แล้วตอนเลิกกอง อยากฝากหนังเรื่องนี้ไว้ด้วยครับ อยากให้ทุกคนได้เปิดใจกับหนังผีในคอนเซปต์ใหม่ ในการเล่าใหม่ๆ

ปกติแล้วตัวละครถ้าเจอผี ต้องกลัวผีมากๆ แต่ตัวละครนี้เจอผีแต่เขาไม่กลัวผี เขาตั้งคำถามกับสิ่งนี้ มันจะเป็นยังไง อยากให้ทุกคนเปิดใจได้ลองมาดู และอยากจะทิ้งท้ายไว้ว่า คนกลัวผีแบบผม กลัวมากๆ เลยด้วย ก็ดูได้เหมือนกัน".

ผู้เขียน : โอ้ว...ซาร่า
กราฟิก : Theerapong Chaiyatep