รายการ "เรื่องลับมาก" ทางเนชั่น ทีวี ดร.เสรี วงษ์มณฑา สัมภาษณ์ ลูซิเฟอร์ นิราย พลิ้ม หรือ นิกกี้ พิ้ม ถึงสาเหตุทำไมถึงเลิกเป็นพระเอกหนังเอวี ก่อนจะมุ่งสู่เส้นทางเศรษฐีด้วยธุรกิจนำเข้าสินค้าเข้าสู่ประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้าน
ทำไมจู่ๆ เลิกเล่นหนัง 18+?
"ผมรู้สึกว่าผมเบื่อ ด้วยอาการก่อน จริงๆ ผมเป็นไบโพลาร์ ผมเริ่มเป็นตอนอายุ 29 เวลาผมอยู่กับคนเยอะๆ ถ้ามีอะไรทำให้โมโห ผมจะโมโหง่ายมาก พอเริ่มรู้ตัว ผมเป็นซึมเศร้า และเบื่อวงการบันเทิง ก่อนหน้านั้นผมไม่เป็น มาเป็นซึมเศร้าตอน 29 อาจเกิดจากการใช้ชีวิตที่หลงผิด อยู่ในช่วงปาร์ตี้บ่อย ก็เกิดเอฟเฟกต์ พอเราโตขึ้น เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางแล้ว ไม่ว่าการใช้ชีวิตหรืออยู่ในวงการบันเทิง"
อาการเป็นยังไง?
"อย่างที่เห็นในข่าว บางทีไปขึ้นโรงพักบ้างอะไรบ้าง คนก็ไม่เข้าใจ คิดว่าผมไปก่อกวน จริงๆ ผมอยู่ในช่วงอยู่คนเดียว แล้วคุมตัวเองไม่อยู่ แล้วตอนนั้นผมไม่รู้ว่าผมเป็นโรคไบโพลาร์ที่มีอาการมาเนีย โมโหง่าย หลุด ก็เลยเป็นไปตามนั้น"
...
แก้ยังไง?
"หลังจากนั้นมาก็บำบัด เข้าหาแพทย์ กินยาอยู่ 10 กว่าปี 13 ปี จนตอนนี้ผมก็หยุดยามาได้ 2 ปีแล้ว พยายามฝึกสมาธิ ฟังเพลงแจ๊ส อยู่กับธรรมชาติ ดนตรีบำบัด ตอนนี้ผมมีลูกแล้ว ยิ่งทำให้จิตใจผมสงบ เวลาทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลัง"
หลังเลิกเล่นหนัง 18+ ก็หายไปเลย เพราะอะไร?
"ส่วนใหญ่เป็นเพราะโรคนี่แหละครับ เวลาทำอะไรขึ้นมาก็ไปได้ดีทุกธุรกิจ โชคดีคือผมแตะอะไรจะประสบความสำเร็จ ไม่เจ๊ง แต่โชคร้ายคือคุมอารมณ์ไม่ได้ ทำได้ 6 เดือน ปีนึง สองปี ผมทำให้มันเสียหายเอง เพราะคุมอารมณ์ไม่ได้ ไปอาละวาดกับลูกน้อง จนตอนนี้ผมหยุดยาบำบัดโรคซึมเศร้า ผมคุมตัวเองได้จริงๆ"
สิ่งที่มันเปลี่ยนเป็นไปได้มั้ยเพราะมีครอบครัวและมีลูก?
"ภรรยามีส่วนมาก ผมเจอคนดีที่เข้าใจผม คนที่เขาไม่เอาเปรียบผม ทั้งด้านการใช้ชีวิตหรืออะไรก็แล้วแต่ เขาอยู่กับผมด้วยความรัก เข้าใจและซัพพอร์ต ทำให้ผมเห็นสิ่งที่สวยงามในความรัก"
ก่อนหน้านี้เล่นหนัง 18+ มีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องเพศเป็นส่วนใหญ่ นิกกี้เป็นเพลย์บอย เจ้าชู้ มีแฟนเรี่ยราด?
"เบื้องหลังผมไม่ได้มีนะครับ แต่ช่วงที่มีข่าว เป็นช่วงที่ผมไม่ได้คบกับใคร ซึ่งก็เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เราเป็นคนมีชื่อเสียงในตอนนั้นมาก ก็จะมีปาปารัสซี่จับภาพที่เราอยู่กับผู้หญิงหลายคนในแต่ละวัน มันก็เลยทำให้สะสมและดูเยอะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าเป็นคนธรรมดาก็คงไม่มีข่าวแบบนี้"
พอมีลูกเปลี่ยนไปยังไง?
"ผมไม่หลอกตัวเอง ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าภรรยาท้อง ผมเลิกบุหรี่ ตอนนี้เลิกมาได้ปีกว่าแล้ว ไม่ดื่ม ไม่แตะเลย ผมพยายามพูดจาให้เพราะ ไม่ใช้คำหยาบเหมือนเมื่อก่อน ด้วยความที่สังคมเราต้องพัฒนาขึ้น พยายามแก้สิ่งต่างๆ ที่มองว่าเป็นลบ เป็นเนกาทีฟ ปรับทุกอย่างให้คงที่ และเป็นบวกขึ้น ผมคิดว่าผมเป็นคนที่มีอินเทลลิเจนท์ ระดับหนึ่งเลย แต่ที่ผ่านมา ผมไม่ได้ใช้มัน เพราะมองว่าการหาเงินบันเทิงในแบบที่ผมทำมันง่ายกว่า แต่วันนี้ผมอยากโชว์สกิลเซ็ตที่ผมได้สะสมเรียนรู้มา"
นิกกี้ที่รู้จัก จะเอะอะมะเทิ่ง พอรู้ว่าเมียท้อง อาการแบบนี้หายไปมั้ย?
"ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกเอะอะอะไร ตอนนี้ผม 42 แล้ว ถ้าผมต้องมีบุตรก็พร้อมเป็นพ่อ แต่ตอนแรกผมกับภรรยาคิดว่าเรามีบุตรไม่ได้ เพราะภรรยาก็เลข 4 แล้วเหมือนกัน พอลูกมาก็ไม่ได้ตกใจ เพราะเราพร้อมในความเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ เรื่องแนวคิดเรื่องธรรมะชีวิต"
สงบลงเยอะ เมื่อก่อนคุยแบบนี้ไม่เป็น พอเมียท้องแล้วเปลี่ยนเลยเหรอ?
"ท้องด้วย หน้าที่การงานด้วย แต่เมื่อก่อนย้อนกลับไปเรื่องอารมณ์ ผมเป็นคนโชคดีมีรายได้ดีตั้งแต่เด็กจนโต พอไม่สบอารมณ์ผมพร้อมพังเลย พอมาวันนี้ไม่ได้ ทุกอย่างต้องเก็บอารมณ์เพราะเรามีคนที่ต้องดูแล"
เลี้ยงลูกยังไง?
"ภรรยาผมเลี้ยง ภรรยาเป็นแอร์ฯมาก่อน เขามีพื้นฐานความเป็นพยาบาล เขาจะเลี้ยงลูกได้ดี ส่วนผมมีหน้าที่เหมือนคนทั่วไป ออกไปหาเงิน เพื่อสร้างครอบครัว"
เจอกันได้ยังไง?
"เจอกัน 23 ปีแล้วครับ เมื่อก่อนภรรยาผมเป็นแดนเซอร์ที่อาร์เอส เป็นรุ่นน้อง 3 ปี ที่เราคุยกันเพราะเขาเป็นเด็กที่เรียนอเมริกาด้วยกัน ณ วันนั้น เราใช้ภาษาอังกฤษคุยกันในคอนเสิร์ตการแสดง เขาก็จะเห็นว่าเด็กอเมริกาเหมือนกัน คุยภาษาเดียวกัน ก็สนิทสนมกัน หลังจากนั้นผมก็ฉวยโอกาสเขาไปเหมือนกัน ตั้งแต่ 23 ปีแล้ว เป็นเฟิร์สเลิฟ แต่ผมไม่เคยเอาใส่ใจเขา ผู้หญิงคนนี้มีการดูแลผมมาตลอด จนวันนี้เขามาเป็นภรรยาผม"
...
ตอนไปจีบเขา เขารู้กิตติศัพท์เรามั้ย?
"รู้ครับ ผมขอโปรโมตตัวเองแล้วกัน พอหลายคนได้รู้จักผม ได้สัมผัสผม จะรู้ว่าเป็นแค่สื่อที่ออกไปจริงๆ ไม่ใช่สื่อเขียนผิดนะ เวลาผมออกหน้าสื่อผมเป็นอีกคนนึง แต่เวลาหลังสื่อผมจะเป็นอีกคนนึง ซึ่งผู้หญิงที่เข้ามาเขาจะเห็นผมหลังสื่อ"
เป็นคนน่ารัก?
"เป็นคนขี้อายครับ ผมถูกสอนมารยาทมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่รู้เป็นยังไงพอออกหน้ากล้อง ความเป็น devil จะออกมา (หัวเราะ)"
เขารับได้เหรอ?
"เขารับได้ ที่ผมยอมผู้หญิงคนนี้ พอเขารับความเป็นเราได้ เราเรียนรู้ว่าการคบกัน การแต่งงานมันง่าย การมีลูกก็ยิ่งง่าย แต่การอยู่ด้วยกันจนตลอดรอดฝั่งมันยาก ดังนั้นคนที่เราจะตัดสินใจอยู่ด้วยกันตลอด เขาต้องรับเราได้จริงๆ"
ตอนนิกกี้ทำหนังเอวี ในพอร์นฮับ ตอนนั้นแต่งงานกันหรือยัง?
"ผมไม่เคยทำหนังเอวีในพอร์นฮับ หนังที่ทำถูกผลิตเพื่อเอาไปขายให้กับบริษัทใหญ่ๆ เพื่อลงเป็นแผ่นวีซีดี ถูกต้องตามกฎหมายหมดเลย สมัยก่อนเขาขายในคลองถมลงร้านเช่า ทีนี้มีบริษัทนึง ไม่ขอพูดชื่อ เป็นบริษัทใหญ่ ก็จ้างผมประมาณปีละ 15 เรื่องในการผลิต ทีนี้ได้ฉายประมาณ 6-7 เรื่องที่ออกสู่ตลาด สิ่งที่เกิดขึ้นคือมันชะงัก เพราะอยู่ดีๆ ร้านเช่าถูกปิดเป็นระนาบเลย มีอีก 7 เรื่องที่ไม่ได้ออก ทีนี้ก็อยู่ในฮาร์ดดิสผมมานานมาก ผมก็มีโอกาสเอาไปลงเว็บพอร์นฮับเมื่อสัก 2 ปีที่แล้ว ทำเป็นหนังจริงๆ มีดารา มีนักแสดงมีชื่อเสียงเล่น และไม่ใช่หนังโป๊ เพราะชีวิตผมไม่เคยถ่ายหนังที่แก้ผ้าทั้งหมด เป็นหนังอาร์ไทย ไม่ถึงขนาดเอ็กซ์"
...
พอมันเหลือก็เอาไปใส่ในนั้น?
"เพื่อให้มีรายได้ ดีกว่าทิ้งเอาไว้เฉยๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีคนดูเยอะ เพราะพอร์นฮับมันเป็นช่องเอ็กซ์ ของผมมันไม่ได้เอ็กซ์"
แต่ก็ดังมากนะ ทำไมจู่ๆ เลิกไป?
"จริงๆ รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเรา วันนี้ผมบอกตรงๆ ว่าผมเปลี่ยนไม่ใช่เพราะต้องการเงินอย่างเดียว ผมมีอุดมคติที่คิดมานาน ตั้งแต่ 25-26 ผมเคยคิดว่าทำไมคนไม่เห็นสมองผม หรือทาเลนต์ผม ทำไมมาเห็นผมแค่ตรงนี้ ผมอยากพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าสมองมีนะโว้ย ผมก็หยุดทำทุกอย่าง เททุกอย่าง ไม่งั้นคนมองเป้าตลอด"
จะกลับมาทำอีกมั้ย?
"ไม่ครับ เอาเงินมาตั้งเป็นร้อยๆ ล้านก็ไม่ครับ ถ้าหนังอาร์ไม่เอา ถ้าหนังธรรมดาโอเค อะไรที่ไม่ได้ดาร์ก"
การที่เราไปทำหนังแบบนั้นออกมา มันมีผลกระทบกับภาพลักษณ์นิกกี้ยังไง?
"ก็กว่าจะเคลียร์ตัวเองได้ ให้กลับมา เอาง่ายๆ ทุกวันนี้ผมทำธุรกิจ ผมเป็นกรรมการผู้จัดการ เป็นเจ้าของ บางคนที่ไม่ได้ตามสตอรี่ผมเลย ว่าผมเปลี่ยนแล้วนะ มีลูกแล้วนะ ดีแล้วนะ ก็จะตกใจ ภาพเดิมยังอยู่ อ้าว เป็นเจ้าของธุรกิจเหรอ ทำโครงการขนาดนี้เลยเหรอ โกหกหรือเปล่า โม้หรือเปล่า กว่าจะทำให้เขาเชื่อใจใช้เวลานานมาก จนทุกวันนี้บางทีทีมงานผม พูดในรายการนี้รายการแรก ทีมงานผมใหญ่มาก มีตำแหน่ง ผมเป็นตำแหน่งที่อยู่ข้างหลัง เพราะผมรู้ว่าคนติดเรื่องอิมเมจผม ผมเลยทำตำแหน่งผมให้ธรรมดามากเลย"
ตำแหน่งอะไร?
"ซีอีโอผมให้คนอื่นเป็น เวลาใครถามจะบอกว่าผมเป็นมาร์เก็ตติ้ง ดูแลเรื่องสื่อเรื่องพีอาร์ แต่จริงๆ ผมคือกรรมการผู้จัดการ"
...
นิกกี้ทำยังไงให้คนเชื่อถือ?
"คู่ค้าที่ผมดีลด้วย ตอนนี้มีโปรไฟล์แล้ว ผมมีพรีเซนเตชั่น มีภาพ มีทุกอย่างประกอบ ตอนนี้เราทำงานกับพื้นที่มหาวิทยาลัยด้วย เพราะเราทำเกี่ยวกับนวัตกรรม หลายๆ อย่าง ทีนี้จะมีหลายอย่างที่เราเคลมได้ แค่นี้ก็น่าเชื่อถือแล้วครับ"
รายหลังๆ คงง่าย เล่าเรื่องรายแรกที่ทำให้นิกกี้ได้ธุรกิจโดยมีภาพเก่าอยู่?
"รายแรกคือเฟซบุ๊กครับ เริ่มโปรโมตก่อนว่าผมสามารถนำสินค้าไปขายประเทศจีนได้นะ ในช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ ทีนี้ด้วยความที่เรามีคนติดตามเฟซบุ๊กหลักแสนอยู่แล้ว ผมก็ประกาศ โพสต์ตลอด ผมว่าเวลาคนดูพวกนี้เขาจะดูสักพักเลยนะ ผมก็เอาภาพช่องทางในประเทศจีนบ้าง ลูกค้าเวลาเข้าออกบ้าง
จนเริ่มมีลูกค้าเจ้าแรกเข้ามา ผมก็อธิบายให้ฟังว่าเป็นอย่างนี้ ครั้งแรกเขาไม่เซ็นสัญญาเลย เขาต้องเช็กในกูเกิลว่าห้างที่ผมพูดอันดับหนึ่งมีจริงมั้ย กว่าจะเซ็นได้ มีการเช็กกัน 5-6 มีตติ้ง เขาตรวจสอบเยอะมาก หลังจากนั้นก็มีคนมามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเวลาเซ็นทีก็ถ่ายรูปเซ็นสัญญาแล้วนะ รายต่อไปก็เข้ามาทีละนิด จนทุกคนเห็นว่าเป็นของจริง
ตอนหลังเริ่มเอาทีมทำเอกสารเข้ามาทั้งหมด เพราะบางอย่างผมตอบไม่ได้ เพราะพอเป็นเรื่องดีเทล ถ้าเป็นเรื่องแพ็กเกจจิ้ง เวิร์ดดิ้งที่ไปศุลกากรอะไรต่างๆ ผมตอบไม่ได้ ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วย จนตอนนี้พอเป็นรูปธรรมและใหญ่ขึ้น ก็มีพี่ๆ สื่อช่วยกัน มีคนมาช่วยผม เห็นใจผม มาถ่ายผม เอาตัวเองโปรโมตเลย"
ถ้ามีคนชวนให้เล่นละคร เล่นหนังเล่นมั้ย?
"เล่นครับ ไม่ได้เสียหายอะไร และคิดว่าอยากคงอิมเมจให้คนรู้จัก เพราะตอนนี้เฟสผม ก็เป็นเหมือนพรีเซ็นเตอร์โครงการที่ผมทำ ก็ไม่ได้อยากให้หายไป ถ้าจะมีคนกรุณานะครับ แต่ผมก็ไม่ได้ยึดว่าจะเป็นงานหลักอะไร"
ถ้าเป็นบทบาท 18+?
"ไม่ดีกว่า ผมมีลูกสาว และตอนนี้ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องรายได้ เอาให้กลางๆ ดีกว่า"
ธุรกิจที่ทำคืออะไร?
"ผมนำเข้าสินค้า ทั้งอาหารและคอนซูเมอร์โปรดักต์เกือบจะทุกอย่าง เข้าสู่ประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้าน ของเราเป็นบริษัทจัดจำหน่าย ในพื้นที่ของเราเอง เรามีห้างเหมือนห้างดองกี้ แต่ของเราอยู่ในประเทศจีน ชื่อร้านนิตินาคิน ซึ่งเป็นชื่อน้องชายผมที่ออกมาเป็นแบรนด์ เราทำร้านอาหาร และช็อปปิ้งตลาดน้ำไทยแบบอัมพวาที่แรกในเอเชีย พอเราทำเสร็จปุ๊บก็เริ่มขยาย ตอนนี้มีหลายห้าง เป็นห้างชั้นนำ ไม่ว่าจะห้างชื่อเค อีเลฟเว่น ของจีน มิตซุยเบอร์หนึ่งของญี่ปุ่นก็เซ็นสัญญากับเรา ห้างพื้นที่ประมาณพันกว่าตารางเมตร ทุกที่ที่สองห้างนี้เปิดใหม่เราก็ขึ้นกับเขาด้วย ปีนี้เราเพิ่มอีก 5 สาขา มีในมาเลเซียด้วย"
ช่วยเอสเอ็มอีไทยและช่วยโอทอป?
"ทุกอย่างและเร็วๆ นี้เราจะเซ็นสัญญาอีกห้างที่ยุโรป เราก็ทำออนไลน์กับจีมอลล์ อาลีบาบา วีแชต เพราะทีมเราทำงานให้กับเทนเซ็นต์ เรามีซัพพอร์ตกับทีมงานเทนเซ็นต์ และพวกเจ้าสัวใหญ่ๆ ที่จีนด้วย"
ทำไมตอนแรกไปเริ่มที่จีน ลู่ทางมายังไง?
"จริงๆ ผมอยู่ไอที ก็เริ่มจากดารานี่แหละ น้องผมคนนึง เป็นคล้ายๆ คนสนิทของผู้ใหญ่ในเทนเซ็นต์ เขาทำร้านอาหารที่จีนสี่ห้าสาขา ทีนี้ 9 ปีที่แล้ว เขาทำแอปฯของจีนตัวนึง ที่จีนให้มาทำ ผมถูกจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์ แล้วแอปฯตัวนี้มีปัญหาภายใน สุดท้ายน้องคนนี้ก็มาเป็นพี่น้องกับผมสนิทกัน เขาต้องทำงานให้หัวหน้าเขาเยอะ ต้องไปลาว ไปอะไร ระหว่างนั้นผมรู้จักคนพวกนี้ก็ไปปูให้เขาหมดเลย ก็ยิ่งสร้างความมั่นใจ"
เป็นผู้ประสานงานที่ดีเลยได้งานมา?
"ถูกครับ จนผมเห็นความก้าวหน้าเขามาตลอด จนเขาเซ็นสัญญาใหญ่ เขาต้องอยู่จีน ต้องหาคนไว้ใจได้ 1 บริษัทเพื่อรับสินค้าในเมืองไทย เพราะบริษัทเราคอนเซปต์คือให้คนไทยทำกับบริษัทไทย มันจะได้ง่าย ผมก็ได้โอกาสนั้น ผมเลยตั้งใจทำเต็มที่ ไปแต่ตัว ใช้เฟซบุ๊กทำ จนพอคนเห็นเยอะ ภรรยาผมก็อยู่ในสังคมมีเพื่อนไฮเอนต์ พอทุกคนเริ่มเห็น ของจริงแล้วนี่ ก็เริ่มมีบริษัทที่เป็นเศรษฐีภาคอีสานเริ่มอยากมาเป็นเอเจนต์ เข้ามาศึกษา นี่คือเดอะเวย์แล้ว ผมก็เลยเซ็ตอัพระบบทั้งหมด พออยู่ในจุดที่ต้องมีเรื่องเอกสาร ผมก็หาคนที่เหมาะสม คือคุณแชมเปญ เขาเป็นลูก รพ.ที่หนึ่งให้มาเป็นซีโอบริษัท ตอนนี้ผมไปก็เหมือนทีมงาน เดินตามหลังสุด แต่จริงๆ ผมเซ็ตระบบนี้ขึ้นมา"
เหมือนบริษัทซื้อมาขายไป?
"ไม่ใช่ครับ เอามาในช่องทางเรา เราช่วยแม้กระทั่งคนมีวัตถุดิบ แต่เขาไม่มีความรู้ ไม่มีโนฮาวในการทำแพ็ก ผมทำแพ็กเกจ รับสินค้าเขาไปขาย ผมระบายทุกช่องทางให้"
เอสเอ็มอี และโอทอปขาดคนจะขาย?
"ถูกต้องครับ และขาดคนที่มีโนฮาว ดูเรื่องเอกสารให้ทั้งหมด ทำให้วันสต็อปเซอร์วิส ที่สำคัญช่องทางเราที่น่ารัก คุณเอามาขายกับเรา คุณมีใบอนุญาตที่เราทำให้ คุณจะไปขายที่ไหนก็ได้ในประเทศจีน เราสปิริตครับ"
ช่วยพัฒนาสินค้า ทำบรรจุภัณฑ์ ช่วยเรื่องหาตลาด ช่วยเขาเรื่องทำการส่งออกซึ่งเป็นเรื่องยาก?
"ถูกครับ ถ้าแบรนด์ไหนดัง และมีเอเจนต์ที่จีน อยากเอาแบรนด์นี้ไปเป็นสโตร์ ดิสทริบิวเตอร์ ซื้อแล้วขยายทั่วประเทศ เราดูแลตรงนั้นให้ด้วยทั้งหมดเลย"
ฝรั่งบอกคนไทยผลิตสินค้าเก่ง แต่ขายไม่เป็น นิกกี้มาเติมช่องว่างนี้?
"ถูกต้องครับ และที่น่าตลกมาก องค์กรผมเฉพาะในเมืองไทย มี 30 กว่าคน ผมแก่สุด ดังนั้นจะบอกว่าข้อดีคือพอเราเจอสินค้าโอทอป ที่เราเคยลงกับรากหญ้า ผู้ใหญ่ แล้วเขาทำตรงนี้ไม่เป็น เราทำให้ทันสมัย แล้วเอาไปขายในมาร์เก็ตเราให้หมดเลย ก็จะได้สิ่งที่ดีที่สุด"
ขยับไปยุโรปได้ไง?
"ยุโรปเริ่มมาติดต่อ หลายๆ เจ้าสัว หลายๆ ห้างที่สนใจเพราะเรามีตลาดน้ำ เวลาคนอยากมาวันหยุด ก็ไปเที่ยวตลาดน้ำไทย กลายเป็นว่าช่วงโควิดของผมดี คนจีนมาเมืองไทยไม่ได้ ก็พาครอบครัวไปเที่ยวตลาดน้ำไทยในเมืองจีน ยกตุ๊กตุ๊กไปไว้ที่นั่นเลย ทำสวยงาม ยกเรือไปทั้งลำ ทั้งเรือไม้ ตุ๊กตุ๊ก กำแพงก็เป็นกำแพงวัด มีพระพุทธเจ้าให้เป็นไทยที่สุด"
ขายประสบการณ์?
"และขายอาหารไทย อยากให้เขารู้สึกเหมือนมาที่เมืองไทย เราเอาร้านดังที่เมืองไทยไป อย่างล่าสุดเราเอาชีวิตชีวาจากเชียงใหม่ไป เป็นบิงซูเอาเข้าไปขายด้วย เราก็ติดต่อหลายเจ้า เตรียมเอาแบรนด์ดังๆ ในเมืองไทยเข้าไป จริงๆ ไม่ได้ยาก เพราะตอนนี้เราได้ทำโครงการร่วมกับเอสเอ็มอีแบงก์แห่งประเทศไทย สนับสนุนโดยกระทรวงการคลัง และมีเอ็กซ์ซิมแบงก์ สสว. ผู้ว่าฯ มุกดาหารจะร่วมโครงการนี้ด้วย เพื่อผลักดันโครงการนี้ เดือนหน้าทำโรดโชว์ให้ผู้ประกอบการหลายๆ ท่าน เอ็กซ์ซิมแบงก์เขาจะออกให้ครึ่งนึงด้วย เวลาไปผมใส่แมสก์ก่อนเลย (หัวเราะ) เป็นอีกชีวิตนึง"
ช่วงโควิดมีปัญหามั้ย?
"ไม่มี มีเรื่องขนส่งนิดนึง และเรื่องตรุษจีน เพราะตรุษจีนประเทศจีนเขาหยุดหมดเลย ปกติลูกค้าเซ็นกับเราภายใน 2 เดือน เราจะการันตีให้คุณเอาสินค้าไปวางที่โน่นแล้ว"
จากเอวี 18+ ตอนนี้เข้าสู่เส้นทางเศรษฐีอย่างแท้จริง?
"(หัวเราะ) ไม่ใช่เศรษฐี ทำอันนี้ไม่ได้สนใจรายได้อะไร มันต้องมาอยู่แล้ว แต่เราอยากเป็นฮีโร่ พูดตรงๆ".