- ที่มาของชื่อแวนโก๊ะ เส้นทางสู่การเป็นแร็ปเปอร์มาแรง
- เดินสายประกวดหลายเวที แต่พลิกชีวิตเพราะรายการ The Rapper
- เคยถูกสบประมาทพูดไม่ชัด แต่วันนี้เป็นเจ้าของเพลงร้อยล้านวิว "เก็บทรงไม่อยู่"
เอ่ยชื่อ โก๊ะ รัชพล ภู่ทอง หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ แต่ถ้าพูดถึง แวนโก๊ะ (VANGOE) แร็ปเปอร์หนุ่มน้อยมาแรงจากรายการ “The Rapper 2” ทางช่องเวิร์คพอยท์ เชื่อว่าคอเพลงยุคใหม่ต้องร้องอ๋อแน่นอน เพราะเขาคือเจ้าของเพลงฮิตร้อยล้านวิว “เก็บทรงไม่อยู่” ภายใต้สังกัด EXP Entertainment นั่นเอง วันนี้บันเทิงไทยรัฐออนไลน์จะพาไปพูดคุยกับแร็ปเปอร์หนุ่มถึงเส้นทางการเป็นแร็ปเปอร์ว่ามาได้อย่างไร ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าที่มาไกลจนถึงทุกวันนี้ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากโชคชะตา แม้จะเคยเจอคำสบประมาทในโลกโซเชียล แต่ก็ไม่สนใจ เดินหน้าทำผลงานให้เห็น และความสำเร็จในวันนี้คือผลของความพยายามโดยที่ไม่ต้องมานั่งพูดอะไรมากมาย

จุดกำเนิดแร็ปเปอร์ตัวน้อย
...
แร็ปเปอร์หนุ่มเล่าถึงที่มาของชื่อแวนโก๊ะให้ฟังว่า จริงๆ แล้วตนเองไม่ได้ชื่อเล่นแวนโก๊ะตั้งแต่แรก แต่เพราะตนไว้ผมโก๊ะ และเพื่อนชอบเรียกว่าไอ้โก๊ะ พอจะเข้าวงการแร็ปเปอร์และต้องตั้งชื่อเป็น 2 พยางค์ จึงตั้งชื่อให้ตัวเองว่าแวนโก๊ะ เพราะได้ยินชื่อนี้ตอนไปเรียนวิชาศิลปะพอดี
“จริงๆ ผมไม่ได้ชื่อโก๊ะ ผมชื่อว่าแอล แต่ตอนนั้นไว้ผมแกละ ผมโก๊ะ ผมเปียลงมา แล้วเพื่อนเรียกไอ้โก๊ะ พอผมจะเข้าวงการและต้องมี AKA (Also known as) อย่างต่ำ 2 พยางค์ ก็เลยไปเรียนวิชาศิลปะแล้วได้ยินชื่อว่าแวนโก๊ะ แล้วเพื่อนก็ล้อกันเพราะว่ามันตรงกับชื่อเรา ผมเลยเอาไปใส่เลยเป็นแวนโก๊ะ ถามว่าชอบไหม ชอบครับ ก็โอเค ก็ใช้มาตั้งแต่ตอนนั้นเลย ตั้งแต่ตอน ป.6 ประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว คือตอนที่ใช้แวนโก๊ะเหมือนเป็นฉายาให้มันดูเท่ๆ พอมาแร็ปก็ไม่รู้จะเอาชื่อไหนดี ก็เลยใช้ชื่อนี้ไป”

จากนั้นโก๊ะเล่าถึงสมัยเด็กของตนเองให้ฟังว่าชอบฟังเพลงทั่วไป แต่พอเริ่มโตขึ้นก็สนใจเพลงแร็ปเพราะได้มีโอกาสดูรายการ Rap Is Now จึงเริ่มหลงเสน่ห์การแร็ป เลยลองฝึกแบทเทิลกับเพื่อนๆ ในห้องเรียน
“ตอนสมัยเด็กผมชอบร้องเพลงครับ ร้องทั่วไปปกติไม่ได้ร้องเพราะอะไร เป็นเด็กร่าเริง ชอบร้องเพลง ชอบทำกิจกรรม ทำทุกอย่างที่เด็กวัยรุ่นเขาทำกันเลยครับ เช่น เตะบอล ร้องเพลง เพลงสมัยเด็กที่ชอบก็จะเป็นพวกเพลงลูกทุ่ง เพลงเพื่อชีวิต ซึ่งตรงนี้ผมเอามาประยุกต์ใช้ในการเล่นคำ แต่ที่สนใจแร็ปจริงจังก็มาจากการแร็ปแบทเทิลครับ แร็ปแบทเทิลเป็นการแร็ปด่ากัน มาจากรายการ RAP IS NOW ช่วงแรกๆ แร็ปแบทเทิลกับเพื่อนๆ ในห้องเรียน ถามว่าตอนแรกมันยากไหม ไม่ยากครับ แต่ตอนแรกไม่เก่งเท่านั้นเอง ผมดูพัฒนาการตัวเองทุกปีผมว่าผมพัฒนาขึ้นทุกปีเลย อย่างแต่ก่อนผมแร็ปไม่ชัด พูดไม่ชัดเลย แต่ผมก็พัฒนาขึ้น ผมว่าเป็นการทำบ่อยๆ จนมันชินขึ้น แล้วเราก็หาตัวเองเจอในที่สุด”
ประสบการณ์เวทีประกวด
เมื่อฝึกฝนตัวเองมาในระดับหนึ่ง ก็ได้เวลาหาประสบการณ์การทำในสิ่งที่ชอบด้วยการประกวดตามรายการต่างๆ แวนโก๊ะเล่าว่าเขาเริ่มต้นจากการประกวดในรายการที่ไม่ใหญ่มาก และเดินทางไปหลายจังหวัด นับรวมกันแล้วมากกว่า 15 เวทีเลยทีเดียว
“ตอนที่เริ่มไปประกวด เป็นการประกวดแบบเด็กๆ ครับ ทุกคนมีโอกาสหมด เป็นรายการที่เขาจัดกันเอง ไม่ใช่รายการใหญ่อะไรมาก ผมเป็นคนกรุงเทพฯ แต่ผมไปทุกจังหวัดเลย ระยอง เชียงใหม่ มหาสารคามไปหมดเลยครับ ไม่ได้จริงจัง เราอยากทำ แต่กรุงเทพฯ มันไม่มีเวทีแบบนี้ เราก็ต้องดิ้นรนไปหาที่ต่างจังหวัด ไปหาประสบการณ์ แล้วก็วัดได้ว่าฝีมือเราอยู่ในระดับไหน

ถามว่าเวทีแรกเป็นไงบ้าง ตื่นเต้นมากครับ ไปประกวดที่เซ็นทรัลลาดพร้าว งาน Sneaker Party Thailand ผลวันนั้นตกรอบ 2 แต่ชนะรอบแรก มันทำให้เรามั่นใจขึ้น พอมาเวทีที่ 2 ได้อันดับ 3 เวทีที่ 3 ได้ที่ 1 เลยครับ แล้วก็ไปเรื่อยๆ เลยครับ ถามว่าประกวดเยอะมั้ยก่อนจะมาถึง The Rapper ก็เกิน 15 เวทีครับ ได้รางวัลที่หนึ่ง 6 เวที แต่ 15 เวทีนี้ไม่ใช่ประกวดวันเดียวจบ มันหลายๆ วัน”
เมื่อถามว่าการประกวดให้อะไรกับเขาบ้าง แวนโก๊ะตอบว่า “ได้ความสนุกล้วนๆ เลย ได้เพื่อนได้สังคมได้ community ได้คนรู้จักมากขึ้น แล้วก็เอาตรงนี้มาต่อยอดในการทำต่อไปเรื่อยๆ"
...
พลิกชีวิตเพราะ The Rapper
โก๊ะเล่าว่าในวันแรกที่เริ่มฝึกร้องแร็ป เพื่อนๆ เองก็ไม่ได้คิดว่าจะไปได้ไกลมากไปกว่าร้องแบทเทิลกันเล่นๆ ในห้องเรียน แต่สุดท้ายก็มาไกลจนถึงการประกวดรายการดังอย่าง The Rapper ทางช่องเวิร์คพอยท์ ซึ่งโก๊ะบอกว่าเป็นรายการที่ทำให้พลิกชีวิตจริงๆ
“แต่ที่ทำให้ผมมาพลิกชีวิตจริงๆ ก็คือ The Rapper ถ้าเราไม่ไปประกวดรายการต่างๆ ในวันนั้น มันก็คงไม่มีความกล้าความมั่นใจที่จะมารายการ The Rapper มันเหมือนเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ เพื่อนๆ ผมตอนนั้นไม่มีใครเชื่อหรอกครับ คิดว่าคงได้แค่ในห้องนี่แหละ ไม่สามารถออกไปได้ เพื่อนก็พูดว่ายากว่ะ ถึงจุดนั้นมันยาก พอเราฟังก็ไม่รู้สึกครับ เพราะว่ามันเป็นเพื่อนเราเอง ก็ไม่รู้สึกว่ามันจะยากขนาดนั้น ถ้าผมจะมอง ผมก็มองว่าผมฟลุก จังหวะและโอกาสมันดี ผมต้องเชื่อในเรื่องของไทม์มิ่งเลยครับ อย่างรายการ The Rapper ที่ส่งคลิปไป ผมเขียนแค่วันเดียวสดๆ เลย ไม่ได้คิดคำอะไรเลย แต่ว่าเข้ารอบ แสดงว่าไทม์มิ่งและจังหวะอะไรของผมต้องดี ผมเลยเชื่อเรื่องของโชคมากๆ”

...
การมาประกวดรายการ The Rapper นอกจากจะเป็นประสบการณ์สุดตื่นเต้นแล้ว โก๊ะบอกว่าเหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้คุณแม่ยอมรับในการเป็นแร็ปเปอร์ของตนเองด้วย เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าไรนัก
“วันที่เราได้มาในรายการ The Rapper มาแร็ปต่อหน้าพี่ๆ ไม่กดดันครับ แต่มันตื่นเต้น มันต่างกันนะกดดันกับตื่นเต้น ตื่นเต้นคือมันตื่นเต้น แต่กดดันคือมันต้องทำได้ คิดว่าออกทีวีให้แม่เห็นก็ดีแล้ว ให้แม่ยอมรับ เพราะว่าตอนนั้นแม่ก็ไม่ค่อยยอมรับเท่าไร พอออกทีวีแม่ก็โอเคขึ้น ตอนเซ็นสัญญาแม่ก็ไปด้วย แม่อนุมัติให้ ตอนแรกแม่ไม่สนับสนุนเขาอยากให้เรียนมากกว่า เพราะไปต่างจังหวัดมันไกล กลัวเสียการเรียน แต่ว่าผมก็แบ่งเวลาได้เพราะว่างานมันเสาร์อาทิตย์ ช่วงแรกๆ ที่แม่ไม่สนับสนุนก็ไม่ได้พูดอะไรครับ ทำให้เขาดูอย่างเดียวเลย เอาโล่เอาเงินรางวัลกลับบ้าน พอเริ่มได้รางวัล เขาก็คิดว่าเราหาเงินได้แล้ว ถามว่าภูมิใจไหมจากวันแรกที่แม่ไม่ยอมรับ ก็ไม่ได้ภูมิใจนะครับ แต่รู้สึกดีที่แม่ยอมรับแล้ว”

แม้สุดท้ายในการประกวดครั้งนี้จะไม่ได้ติด 1 ใน 3 แต่แวนโก๊ะบอกว่าเป็นโชว์ที่ดีที่สุดที่ทำมา "ตอนเข้ารอบชิงคือรอบสุดท้ายไม่ได้ซีเรียสอะไรแล้ว ผลวันนั้นก็ไม่ได้ติด 1 ใน 3 ได้ที่ 4 ร่วงเลยครับ ตอนนั้นคือพูดจริงๆ หวังนะ ทุกคนเข้ามาแข่งมันหวังอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะมาแข่งทำไม ผมหวังก็จริง แต่ผมรู้ว่ามันจะไม่ได้ คนเรามันจะมีเซ้นส์ว่าวันนี้เราจะได้หรือไม่ได้ วันนั้นผมคิดว่าน่าจะเป็นโชว์ที่ดีที่สุดใน The Rapper ที่ผมทำมา ไม่ได้รู้สึกแย่ รู้สึกดีด้วยเลยครับ"
...
เมื่อถามว่า The Rapper พลิกชีวิตยังไงบ้าง โก๊ะตอบว่า “ก็ทำให้คนรู้จักเราเยอะขึ้น ทำให้อะไรๆ มันง่ายขึ้น เช่น งานอะไรมันหาง่ายขึ้น เข้าโรงเรียนก็ง่ายขึ้น มันเป็นโปรไฟล์สำหรับเรา”
รับมือกับบูลลี่
แต่เมื่อเริ่มเป็นที่จับตามอง แน่นอนว่ามีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ซึ่งในช่วงแรกนั้นแวนโก๊ะต้องเจอสารพัดคำพูดบูลลี่ในโลกโซเชียล โดยเฉพาะเรื่องการพูดไม่ชัดที่เป็นปัญหาในช่วงแรกๆ ที่เริ่มฝึกแร็ป แต่แร็ปเปอร์หนุ่มเลือกที่จะไม่สนใจกับเรื่องดังกล่าว
“การรับมือของผมคือไม่สนใจครับ เราอ่านก็จริง มันก็ไม่ได้เฟล แต่รู้สึกว่าเราผิดอะไร ผมเป็นคนคิดมากนะ แต่ไม่ได้คิดมากกับอะไรแบบนั้น คิดมากกับบางเรื่องที่เซนซิทีฟ แต่อันนั้นมันไม่ได้เซนซิทีฟ อันนั้นอ่านไปก็ขำ แต่ไม่ได้ขำเยาะเย้ยเขานะ ถามว่าพอเห็นคำบูลลี่มันทำให้เราฮึดสู้เพื่อที่จะลบคำสบประมาทรึเปล่า ไม่นะ ผมก็ปล่อยเฉยๆ ด้วยที่ผมโตขึ้นด้วยมั้ง เลยทำให้ผมพูดชัดขึ้น มีที่เก็บวิจารณ์มาคิดบ้าง แต่ก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น ดูเสร็จก็ปล่อยผ่าน”
เก็บทรงไม่อยู่
หลังจากจบรายการ The Rapper ไปพักใหญ่ ในที่สุดแวนโก๊ะก็ได้รับโอกาสดีๆ เมื่อมีคนชักชวนให้มาเซ็นสัญญากับค่ายเพลงน้องใหม่ EXP Entertainment และได้มีโอกาสทำเพลงของตัวเอง “เก็บทรงไม่อยู่” พร้อมทั้งชวนเพื่อนในวงการแร็ปเปอร์ที่รู้จักกันมานานอย่าง Diamond มาทำเพลงด้วยกัน ก่อนจะเล่าถึงที่มาของเพลงนี้ด้วย
“จุดเริ่มต้นที่ทำให้มาร่วมงานกับที่นี่ คือมีคนชักชวนมา เราก็มา มาหลัง The Rapper เกือบปีเลย คือด้วยความที่เราไม่มีทุนอะไรมากครับ เลยหาทุนหาอะไรที่ทำให้เราได้ร้องเพลง ถามว่าเคยคิดไหมว่าจะลองทำยูทูบเอง ก็มีคิดครับ แต่ผมไม่มีทุน ไม่ค่อยมีสปอนเซอร์ ขอยาก เลยมาทำกับค่ายดีกว่า การอยู่ค่ายทำให้เราได้ใช้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้น มันมีหลักประกัน

ส่วนที่มาของเพลง “เก็บทรงไม่อยู่” คือมาจากความเมา มาจากชีวิตจริงผมกับไดมอนด์ครับ เพราะผมก็ปาร์ตี้กันบ่อยอยู่แล้วครับ ก็เลยออกมาเป็นเพลงนี้ สำหรับผม เพลงนี้มันไม่ใช่การแต่ง มันคือการเอาคำพูดมาเรียงเป็นประโยค ถามว่าทำไมถึงชวนไดมอนด์มาทำ คือเขาเป็นรุ่นน้องผมครับ เจอกันตั้งแต่งานแรกที่เซ็นทรัลลาดพร้าว แต่ก่อนหน้านั้นไดมอนด์รู้จักผมมานานแล้ว เห็นจากคลิปแร็ปในเฟซบุ๊ก เป็นเพื่อนกันมาประมาณ 5 ปีแล้วครับ”
แวนโก๊ะบอกว่าไม่คิดเลยว่าเพลงจะดังในโลกโซเชียลจนมียอดคนดูพุ่ง 100 ล้านวิวภายในเวลาไม่กี่เดือน แต่ถึงแม้เพลงดังก็มาเจออุปสรรคเพราะหลังจากนั้นโควิด-19 ก็ระบาดอีกครั้ง ทำให้งานจ้างมีเข้ามาในระดับหนึ่ง

“ไม่คิดครับ มาคิดตอนที่ยอดวิวมันเกิน 50 ล้าน ตอนแรกที่ผมคิดประมาณ 20-30 ล้านวิว พอมันเกิน 50 ล้านมันต้องหวังแล้ว ถามว่ามีงานจ้างงานติดต่อมาเยอะมั้ย พอมีบ้างมีในระดับนึงครับ และมีออกทีวีโปรโมตบ้าง โควิดมาพอดี ปล่อยเพลง พ.ย. โควิดมา ธ.ค. แต่ก็ทำใจไว้แล้วครับ แล้วผมก็ยังมีเรียนอยู่ด้วย ตอนนี้เรียนอยู่ ม.เอเชียอาคเนย์ ปี 2”
จากวันที่เคยถูกสบประมาทพูดไม่ชัด แต่วันนี้มีเพลงดังร้อยล้านวิว มีคนชื่นชมมากมาย แวนโก๊ะบอกว่า “มันก็คือผลของความพยายามโดยที่เราไม่ต้องมานั่งพูดอะไร ไม่ต้องมานั่งแก้อะไร คือทำผลงานให้เขาเห็นเลย”
ปัจจุบันของแวนโก๊ะ
แม้วันนี้จะกลายเป็นศิลปินร้อยล้านวิวแล้ว แต่โก๊ะยังคงไม่ทิ้งการเรียนด้านดิจิทัลมีเดียกราฟิกที่ ม.เอเชียอาคเนย์ เพราะแม่อยากให้มีใบปริญญาเพื่อความสบายใจ “ทุกวันนี้แม่อยากให้เรียนครับ ที่เรียนคือเรียนให้แม่ ถ้าแม่ไม่บอกให้เรียน ผมไม่เรียนแล้วนะ เพราะว่าผมรู้สึกว่าเรียนแล้วมันไม่ได้อะไรกับสิ่งที่ผมอยากทำ แม่ให้เรียนอะไรก็ได้ อยากให้มีใบปริญญา แม่จะได้สบายใจ ตอนนี้กำลังเรียนกับดิจิทัลมีเดียกราฟิกครับ
ถามว่าทำไมไม่เลือกเรียนดนตรี คือมันเป็นสิ่งที่เราทำได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียนเพิ่มแล้ว เราเรียนสิ่งที่เราทำไม่ได้แล้วเราเอาไปทำได้จริง สมมติเขาให้ทำหนังสั้น ผมรู้จักคนในวงการแร็ปเยอะแยะเลย ผมก็เอาเขามาแสดงได้ ผมทำเอ็มวีของผมได้ เอามาใช้ด้วยกันได้ ทุกวันนี้ผมไปทัวร์คอนเสิร์ต ผมยังแบ่งเวลาล็อกคิวเพื่อไปสอบเลย ถามว่าที่บ้านว่าไงบ้างเพลงร้อยล้านวิว เฉยๆ ครับ ที่บ้านผมไม่ค่อยแสดงออกอะไรอยู่แล้ว”

กับคำถามว่าเพลงต่อไปของตัวเองคาดหวังมากน้อยแค่ไหน และมองอนาคตของตัวเองในวงการเพลงไว้ยังไง โก๊ะบอกว่า “ไม่ครับ อย่างที่ผมบอก ผมเชื่อเรื่องโชค เรื่องดวง มันแล้วแต่ดวงว่าเขาจะพาเราไปจุดไหน เพลงนี้ผมก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้เหมือนกัน แต่อะไรที่เราหวังไว้มากๆ ส่วนมากมันจะไม่ค่อยพุ่งครับ ถามว่ามองอนาคตในวงการยังไงบ้าง ไม่ได้วางแผนอะไรเลยครับ ตามดวงเลย ถ้าย้อนไป 3 ปีก่อนผมก็ไม่คิดนะว่าผมจะทำเพลงแบบนี้ ใช้ชีวิตไปวันต่อวันดีกว่า ไม่ได้คาดหวัง”
สุดท้ายแวนโก๊ะฝากแฟนๆ ที่ติดตามผลงานไว้ว่า “ขอบคุณมากๆ บางคนก็ติดตามผมตั้งแต่ 2016 ทุกวันนี้ก็ยังติดตามยังซัพพอร์ตเราอยู่ ก็สามารถติดตามผมในแนวเพลงสนุกๆ ติดตามได้ทาง EXP Entertainment แต่ถ้าอยากติดตามผมแนวแร็ปๆ แก๊งๆ ติดตามได้ที่ MQT SQUAD นะครับ”.
ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ
กราฟิก : Phantira Thongcherd