หลังจากหายหน้าหายตาไปนานจากวงการบันเทิงก็กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง สำหรับอดีตพริตตี้ชื่อดัง ออฟฟี่ อรพรรณ ด่านศิริวัฒนกุล หรือ ออฟฟี่ แม็กซิม ที่ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อช่วงที่ผ่านมา เล่าถึงเรื่องราวชีวิตของตนเองที่มาถึงจุดพลิกผันครั้งยิ่งใหญ่จากความผิดพลาดของตัวเอง ล้มละลาย เพื่อนเลิกคบ งานหาย เลิกกับสามีเพราะความเล่นชู้ของตัวเอง บ้านในฝันมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ผ่อนไปได้ 49 ล้าน พอมาเจอโควิดก็ไปต่อไม่ไหว สุดท้ายเหลือแต่ตัว และลูกๆ ทั้ง 3 คน
ล่าสุด ออฟฟี่ ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการ ครอบครัวบันเทิงออนไลน์ ทางช่อง 3 ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า สาเหตุที่โพสต์เรื่องราวของตนเองผ่านเฟซบุ๊กนั้น เนื่องจากอยากให้ทุกคนเอาบทเรียนมาเป็นอุทาหรณ์ในการใช้ชีวิต
"ที่โพสต์ไปทั้งหมดอยากจะเป็นบทเรียนให้คนอื่น เพราะที่ผ่านมาตัวเองสันดานไม่ดี ใช้ชีวิตแบบไม่เห็นใจใคร เป็นคนขี้เหวี่ยงขี้วีน ไม่นึกถึงจิตใจคนอื่น เอาแต่ใจตนเอง อยากได้อะไรต้องได้ อยากจะบอกว่ามันเป็นเวรกรรมและเป็นบทเรียนในชีวิตของตัวเองมากๆ เลยอยากเผยแพร่ให้ทุกคนรู้ว่าการใช้ชีวิตแบบประมาท ไม่มีสติ และทำอะไรตามใจตัวเอง มันจะเกิดผลเสียต่อตัวเองมากๆ
...
ความรู้สึกของเราคือ เราเคยอยู่ในจุดสูงสุด เคยเก็บเงินได้ ซื้อบ้านในฝัน รถในฝัน แต่ทุกอย่างต้องพังทลายลง มันคือความล้มเหลวในชีวิตของเราเอง รู้สึกว่าเราเสียทุกอย่างไปเพราะตัวเราเอง 3 สิ่ง ที่ตอนนี้เรายังมีอยู่คือ 1. พ่อกับแม่ที่เรายังต้องดูแลเขาอยู่ 2. คือลูกทั้งสามคนที่อาจจะยังไม่รู้เรื่อง แต่คนโตอาจจะพอคุยกับเราได้แล้วเราก็ต้องดูแลเขาต่อไป และ 3. คือสติและสมองของเราที่จะคิดว่าต้องทำยังไงให้ชีวิตกลับมาดีขึ้น
สิ่งที่สูญเสียไปมันเป็นหลักจำนวนที่มาก และเป็นอะไรที่เราทำมาทั้งชีวิต ตอนนั้นคิดจะฆ่าตัวตาย ครั้งแรกเคยกินยานอนหลับไป 150 เม็ด โชคดีมีคนช่วยไว้ได้ หมอบอกว่าเกือบจะเป็นเจ้าหญิงนิทราไปแล้วแต่ฟื้นขึ้นมาได้
ครั้งที่สองคือทำร้ายร่างกายตัวเอง กรีดแขนตัวเอง ตั้งใจจะให้เลือดหมดตัว ทำร้ายตัวเองเพราะว่าไม่อยากอยู่แล้ว ทำทุกวิถีทางให้ตัวเองตาย ตอนนั้นที่ทำลงไปเพราะขาดสติและรู้สึกว่าไม่อยากอยู่ ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว
ตั้งแต่โดนบูลลี่ก็เข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นเริ่มเป็นโรคซึมเศร้า ไบโพลาร์ ไทรอยด์ และธาลัสซีเมีย ต้องกินยาทุกวันเพราะว่าอาการตอนนั้นพอตื่นขึ้นมาต้องเจอกับคอมเมนต์ด้านลบที่มีแต่คนเข้ามาด่า เรารู้สึกเรารับไม่ได้แต่เรารู้ว่าเป็นความจริง และรู้ว่าเป็นความผิดของเรา ตื่นขึ้นมาต้องให้คุณหมอฉีดยานอนหลับเข้าเส้นเลือด เพราะไม่อยากรับรู้อะไรแล้วอยากหลับไปเลย
อยากบอกทุกคนว่าการกระทำที่เราเป็นอยู่มันก่อผลเสียให้ตัวเองและคนรอบข้างหนักมาก มีคนเข้ามาช่วยเหลือ ติดต่องานมาบ้าง หรือบอกแนวทางที่จะทำธุรกิจ ตอนนี้ก็มีคนกลับมาบ้างแต่ด้วยความที่ว่ากระแสของเราและเฟซบุ๊กที่โดนปิดการมองเห็นเยอะขึ้น ทำให้เราทำงานยากขึ้น แต่ว่าไม่ย่อท้อ
ทุกวันนี้เหมือนชดใช้กรรม เพื่อนฝูงที่เคยมี หายไปหมด ส่วนแฟนก็เลิกกัน เพราะออฟฟี่นอกใจ ซึ่งเงินที่หาได้ก่อนหน้านี้ วันละหลักล้าน หลักแสนจากการรีวิวสินค้า ก็หายไปหมด กลับมีเงินติดอยู่ในบัญชีแค่ล้านนิดๆ และทรัพย์สินบางอย่างก็หายไป รวมถึงไม่มีลูกค้าจ้างงาน
ใครที่มอบโอกาสก็ขอบคุณที่มอบโอกาสให้เราอีกครั้งหนึ่ง วันนี้อยากเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ รู้สึกว่าเราต้องทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น ปรับเปลี่ยนตัวเอง อะไรที่ไม่ดีก็จำเป็นบทเรียนนำมาปรับใช้ และถ้าสมองมีสติก็จะทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นเรื่อยๆ".
...