- เปิดใจ 2 หนุ่ม แม็กซ์-ตุลย์ กับเส้นทางการทำงานในวงการบันเทิง
- การันตีความสนิทของ 2 หนุ่ม ชนิดที่ว่ายืมกางเกงในกันใส่ได้
- สนิทกันมาก จนหลายคนคิดว่าเป็นแฟนกันแน่ๆ
เรียกว่าเป็น 2 หนุ่มคู่จิ้นที่สนิทกันมาก สำหรับ แม็กซ์ ณัฐพล ดิลกนวฤทธิ์ กับ ตุลย์ ภากร ธนศรีวนิชชัย ซึ่งคู่นี้บอกเลยว่า ดาเมจความจิ้นรุนแรงกันมากทีเดียว หากใครติดตามมาตั้งแต่ซีรีส์เรื่อง "Bad Romance The Series" สู่ "Together with me the next chapter" จะเห็นว่าคู่นี้เลิฟซีนดุเดือดมากทีเดียว และด้วยความสนิทขั้นสุด จนทำให้หลายคนเริ่มมองว่า แม็กซ์-ตุลย์ อาจจะไม่ใช่แค่พี่น้องกันแล้วก็เป็นได้
โดยตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ทั้งคู่ได้รู้จักและใช้ชีวิตด้วยกัน ความสนิทก็ไต่เต้าเพิ่มมากขึ้น ชนิดที่ว่า ถ้าเห็น แม็กซ์ ก็ต้องเห็น ตุลย์ หรือถ้า แม็กซ์ ไม่มา ตุลย์ ก็ไม่มา เพราะเขาทั้ง 2 ได้บอกกับ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ว่า เราสนิทกันถึงขั้นที่ยืมกางเกงในกันใส่ได้
...
จุดเริ่มต้นงานในวงการบันเทิง
แม็กซ์ "ได้รู้จักกับพี่คนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ชื่อคุณวสุครับ วันนั้นก็ไปทานข้าวกับคุณวสุ แล้วบนโต๊ะอาหารก็มีคุณเดช ที่เพิ่งเสียไป และก็มีคุณสมพงษ์กับคุณโจ้อยู่ด้วย ก็คือเจ้าของทีวี ธันเดอร์ และก็ได้กินข้าวกัน หลังจากนั้นไม่นานพี่วสุก็โทรมาบอกว่าคุณสมพงษ์ถามว่าสนใจอยากจะมาลองทำงานดีไหม ก็เลยมีที่มาว่าได้เข้าบริษัททีวีธันเดอร์ ครับ
ตอนนั้นพี่เขายังไม่ได้วางไว้เลยว่าจะได้เล่นอะไรครับ เขาบอกแค่ว่าเดี๋ยวจะมีละครกับซีรีส์ให้นะ ก็เลยได้มาเลย ตอนแรกผมก็ยังไม่ได้เล่นซีรีส์ ตอนแรกได้เป็นพิธีกร At Night variety กับพี่ไซม่อน เคลสเลอร์ ครับ ทำกันอยู่ 2 คน ทำได้สักประมาณครึ่งปี และก็ได้มาเล่นซีรีส์ Bad Romance กับพี่ตุลย์ก่อนครับ"
ตุลย์ "เจอกับพี่โมเดลลิ่งครั้งแรกในงานบอลจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ คือตุลย์เป็น คทากร ตอนอยู่ปี 2 ก่อนเข้าวงการก็คือเดินแบบมาก่อน เหมือนกับว่าเดินพวก ELLE fashion week เพราะว่าเราเรียนไปด้วยเราก็รู้สึกว่ายังไม่อยากทำอะไรจริงจัง จนมาช่วงปี 3 พี่โมเดลลิ่งเขาอยากให้มาลองแคสต์ละครดู และก็ช่วงประมาณที่ผมเพิ่งถอดเหล็กจัดฟัน
ผมก็มาลองแคสต์ละคร ก็มาเล่นเรื่องแรกที่ทีวี ธันเดอร์เลยครับ ชื่อเรื่องว่า ตะวันบ้านทุ่ง เป็นบทคู่ที่ 3 ในเรื่องครับ ก็เป็นบทคุณหมอ ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นพระเอกครับ พระเอกจะเป็นพี่ตุ้ย AF และนางเอกเป็นพี่วิกกี้ สุนิสา ครับผม จากละครเรื่องแรกมาถึงตอนนี้ก็ประมาณ 8 ปีแล้ว"
แม็กซ์ "ของแม็กซ์ก็ประมาณ 6 ปีที่แล้วครับ ตอนนั้นแม็กซ์เรียนอยู่ปี 1 ก็เป็นผู้นำเชียร์จุฬาฯครับ ตอนนั้นกำลังซ้อมอยู่ และมีพี่นิว เต-นิว ครับ เดินมาแล้วบอกว่าผู้จัดการอยากคุยด้วย นั่นก็เลยเป็นที่มาที่ได้เจอพี่วสุ และพี่วสุก็พาไปทานข้าวกับคุณโจ้ คุณสมพงษ์ครับ
เราทั้ง 2 คนไม่ได้เริ่มมาจากการแคสต์ซีรีส์วายครับ ของผมหลังจากมาถ่าย At Night variety ได้ครึ่งปี ก็มาถ่ายกับพี่ตุลย์ครับ ก็มีฐานแฟนคลับต่างชาติ และฐานแฟนคลับชาวไทยแล้วครับ ประมาณ 1-2 ปีครับ"
Bad Romance คือซีรีส์เรื่องแรกที่ทำให้ได้มาเจอกัน
แม็กซ์ "เรื่องนี้ แม็กซ์ มาแคสต์บท “กร” ครับ ตอนที่มาแคสต์ไม่รู้อะไรเลย ที่ทีวีธันเดอร์เขาบอกว่ามีซีรีส์ให้ไปแคสต์ลองมาดูไหม เล่นเป็นพระเอก ผมก็บอกโอเค เดี๋ยวลองไปดูครับ พอไปปุ๊บก็เป็นบทชื่อ “กร-น็อค” ครับ แล้วคนที่มาต่อบทให้เรา น็อค คือผู้หญิงครับ ผมก็ใส่เต็มเลยครับ
ผู้กำกับบอกว่าไหนลองจีบผู้หญิงคนนี้ให้ดูหน่อยสิ ผมก็จีบจริงจังมากเลย มีการแบก อุ้มขึ้นหลัง ก็หม้อเต็มที่เลยครับ และผมก็ไม่รู้อะไรเลย จนวันฟิตติ้งครับ เขาก็บอกว่าผมได้นะ ผมก็รอลุ้นว่านางเอกของผมคือใคร ผมก็ลุ้นๆๆๆ และเขาก็ตะโกนว่า น็อค มาแล้วๆ ผมก็เลยหันมาดูเป็นพี่ตุลย์ นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มาครับ ผมก็เลย อุ๊ย นี่น็อคหรอเนี่ย"
ตอนนั้นก็ตลกดีครับ เป็นเหมือนพี่ที่เรารู้จักก็เลยสบายใจ ดีกว่าไปเล่นกับคนที่ไม่รู้จักเลย อย่างงั้นมันก็จะเกร็งมากกว่านี้ครับ ตอนที่มาเจอกันแล้ว พี่ตุลย์ เขาบอกว่าเขาเคยเจอผมในงานบอล แต่ผมเพิ่งมาจำเขาได้ตอนอยู่ทีวีธันเดอร์แล้วครับ ว่าเขาเป็นจุฬาฯคทากร"
...
ตุลย์ "เราต่างคนต่างแคสต์มาเลยครับ ยังไม่รู้ว่าอีกคนเป็นใคร แต่ว่าผมรู้อยู่แล้วว่าคนนี้คือ แม็กซ์ ก็มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า มีเด็กคนหนึ่งหน้าตาเหมือนเรามาก เหมือนเพื่อนทักผิด แล้วบอกว่าชื่อ แม็กซ์ ผมก็เลยแบบอยากรู้ว่าคนไหน รู้ตัวอีกทีก็คือแม็กซ์มาเซ็นสัญญากับทีวีธันเดอร์แล้ว และก็รู้ตัวอีกทีก็คือมาเล่นคู่กัน"
"คือผมรู้ว่าบทอันนี้มันเป็นบทคู่วาย 2 คน แต่ผมไม่รู้ว่าผู้ชายอีกคนหนึ่งคือใคร ตอนนั้นจริงๆ เหมือนเขามี 2-3 คนที่อยากให้ลองเป็น ผมก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองได้บทไหน มันมีทั้งบทของโทโมะ ก็คือชายหญิงครับ และก็บทที่เป็นวาย ก็ไม่รู้ว่าเขาเห็นอะไรในตัวผม แต่ละคนตัวใหญ่กันมากเลย (หัวเราะ) อยู่ดีๆ ก็จับผู้ชายตัวใหญ่ 2 คนมาคู่กัน"
สนิทกันครั้งแรกตั้งแต่ที่เจอ
ตุลย์ "ด้วยความที่เป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัย ผมก็รู้สึกว่ามันจูนกันง่ายครับ ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกันเยอะก็คือคุยกันรู้เรื่อง แต่ว่าเรื่องความสนิทใจ เรื่องการเข้าซีนกัน มันก็ยังไม่เท่าปีหลังๆ ที่ทำด้วยกันครับ ตอนนั้นก็คือเกร็ง ตอนฉากจะจูบกันก็ยังมานั่งถามความรู้สึกกันว่าพี่โอเคนะ แม็กซ์แกโอเคนะ
เราถ่ายละคร ก็ต้องเข้าใจ หลังๆ คือมาเลย เราก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกข้างในของแต่ละคนมันโอเครึเปล่า เพราะมันก็ใหม่นะตอนนั้น ของแม็กซ์ก็คือเรื่องแรกด้วยซ้ำที่เป็นซีรีส์แบบจริงจัง ของผมก็คือไม่เคยเล่นบทคู่วายมาก่อน แต่พอผ่านงานนั้นมา แล้วตอนหลังๆ มา มันทำอะไรก็ได้แล้วครับตอนนี้(หัวเราะ) หลังจากนั้นก็คือสนิทกันครับ สนิทใจที่ได้ทำงานด้วยกันด้วย"
...
ตุลย์ "ถามว่าถึงขั้นต้องละลายพฤติกรรมมั้ย ตอนแรก Bad Romance ยังไม่เท่าไหร่ เพราะว่าบทยังไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แต่ว่าตอนที่เป็นภาคอกหักมารักกับผม Together With Me คือเป็นคู่รัก อันนั้นก็ได้ไปเวิร์กช็อป เขาก็ลองให้สัมผัสตัวกัน เข้าใกล้กันจนไม่มีอะไรในร่างกายที่ไม่แตะกันเลย
เหมือนเรารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ให้รู้สึกเหมือนร่างกายของอีกคนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ก็เขินครับ แต่มันทำให้เรารู้สึกว่ามันปลดอะไรบางอย่างที่เราเคยปิดมันไว้ทั้งคู่ ก็คือมันจูนกันติดง่ายมากครับ และหลังจากปีนั้นก็ทำงานด้วยกันตลอด มีถ่ายรายการต่างประเทศอะไรก็คือ นอนห้องเดียวกันเลยครับ"
"ช่วงที่โปรโมตซีรีส์บ่อยๆ ก็คือผมไม่ได้เจอที่บ้านเลย เจอแต่แม็กซ์ แม็กซ์ก็เจอแต่ผม สนิทกันจนบางทีมองหน้า พยักหน้า เราก็รู้แล้วอ่านใจกันได้แล้วครับ โดยเฉพาะเรื่องงาน (หัวเราะ) ด้วยความที่เราอยู่ออฟฟิศเดียวกัน บริษัทเดียวกัน มันก็มีอยู่เท่านี้แหละเนอะ (หัวเราะ) เราก็เลยร่วมงานกันโดยตลอด ส่วนใหญ่ถ้ามีแคมเปญเป็นคู่ ก็ต้องไปคู่กันเลยครับ ถ่ายคู่ตลอด
แม็กซ์ "ผมรู้สึกโชคดีมากครับ คู่ผมกับพี่ตุลย์ไม่เคยทะเลาะกันเลยครับ เหมือนเราจะรู้กันว่าอีกคนหนึ่งอารมณ์ไม่โอเค แล้วเราก็จะเบาลงครับ มันเหมือนกับที่พี่ตุลย์บอกว่า เวลาเรามองกัน เราก็จะรู้ว่าตอนนี้เขาโอเค หรือไม่โอเค เขาเล่นได้หรือไม่ได้ แบบว่าจังหวะนี้เราอาจจะหลุดเผลอพูดอะไรที่มันไม่ดี มันมองตากันเลยรู้ใจว่า Position ตอนนี้เราควรทำยังไง
มันก็เลยง่ายครับ เราก็เลยไม่เคยมีปัญหากันเลย 6 ปีที่ผ่านมาไม่มีครับ คือเหมือนเรารู้ว่าเราจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกไม่ดีแล้วเราก็จะรู้ตัว เราก็จะห่างกัน มันไม่ใช่ห่างกัน แต่เราก็จะรู้ว่าเขาไม่โอเคอยู่นะ เราก็แค่อยู่ข้างๆ เขา ไม่เคยมีปัญหากันครับ ไม่เคยโกรธกัน อีกอย่างหนึ่งผมว่า พี่ตุลย์เขาเหมือนมีความเป็นพี่สูง และผมก็เป็นน้อง ส่วนใหญ่เขาก็จะยอมผมซะเยอะ มันก็จะไม่ค่อยมีเรื่องอะไร"
...
ใช้ชีวิตตลอด 6 ปีแบบโตไปด้วยกัน
แม็กซ์ "เราก็จุ๋งจิ๋งขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีครับ เราก็ฝึกฝนกันไปเรื่อยๆ จริงๆ แล้ว 6 ปีที่ผ่านมามันก็เป็นอะไรที่รู้สึกดีครับ เหมือนกับเราก็โตขึ้นไปพร้อมๆ กัน ผมก็ได้อะไรจากพี่ตุลย์เยอะ หมายความว่าเขาก็จะมีมุมมองอีกแบบหนึ่ง ที่ต่างจากผม
ผมจะเป็นเด็กแบบว่า เด็กกิจกรรมหน่อย ผมเรียนนิเทศจุฬาฯ ก็จะชอบทำกิจกรรม ชอบนู่นชอบนี่ ส่วนพี่ตุลย์ เขาเรียนคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ก็จะวิชาการ แต่พอเวลามันมาอยู่ด้วยกันมันก็ได้แชร์มุมมองการใช้ชีวิต มันก็ทำให้เราโตขึ้น และมันก็โตไปด้วยกัน ก็ผูกพันกันครับ"
แต่ก็สนุกดีครับ คือพี่ตุลย์เขาไม่ใช่คนเครียด เขาก็จะเป็นคนอารมณ์ดี เล่นมุกอะไรของเขาก็ไม่รู้ (หัวเราะ) เขาก็จะมีมุมของเขาอยู่ เขาชอบดูอะไรๆ ตลกครับ ผมก็เป็นคนเกรียนๆ แบบบ้าอนิเมะครับ มันก็เลยอยู่ด้วยกันได้ มันไม่ได้เครียดอะไร และอีกอย่างคือเขาก็มีความเป็นผู้ใหญ่ และส่วนเราก็เป็นเด็ก เวลาอยู่ด้วยกันมันก็เลยเหมือนกับพี่ชายน้องชายเล่นกันงี้ครับ หยอกกันไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยครับ"
"คือเราอยู่ด้วยกันแบบสบายใจและก็ผมบอกทุกสัมภาษณ์เลยว่า ถ้าผมไปเล่นกับคนอื่น ผมก็คงไม่สบายใจเท่านี้ เพราะว่ามัน better together ครับ"
"ถามว่าเคยลองเปลี่ยนไปเล่นกับคนอื่นมั้ย พี่ตุลย์เขาก็จะมีละครของเขา ผมก็จะมีละครของผม มันก็จะอีกแนวหนึ่ง อีกแบบหนึ่ง แต่มันก็มีเรื่องหนึ่งของผมที่เล่นกับพี่นิโคล และผมก็มีแฟนเป็นผู้ชายเป็นพี่เท็น ก็คือมีแฟนเป็นทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่มันก็จะไม่ใช่คู่จิ้นแบบนี้ แต่อันนั้นมันจะเป็นละครแบบดราม่า หนังชีวิตนิดหนึ่งครับ มันก็จะไม่เหมือนกับคู่จิ้นที่มานั่งจิ้นกันครับ"
มองงานทุกชิ้นมีค่า ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์แนวไหน
ตุลย์ "คือจริงๆ เราต้องให้คุณค่ากับทุกอย่างเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ประเภทไหน ในฐานะนักแสดง ก็ถ้าเราแสดงออกมาเป็นตัวละครได้อย่างสมบูรณ์ ผมก็ว่าสำเร็จแล้วนะครับ เพียงแต่ว่าหลังๆ ก็อาจจะมีเรื่องของการแข่งขันออกมาเยอะ เรื่องในตลาดว่าอยากทำซีรีส์วายมาโปรโมตนู่นนี่นั่น แต่ผมรู้สึกว่ามันควรมีอะไรใหม่ๆ
เรื่องของการสอนเกี่ยวกับสังคม เพราะว่านี้มันก็หลายปีแล้วที่มันเริ่มมีกระแสซีรีส์วายมามากขนาดนี้ แต่ถ้าบทมันวนอยู่กับที่เดิม ผมว่าไม่ไปไหน มันก็ไม่ได้พัฒนาวงการหรือว่าอะไรไป ผมก็รู้สึกว่าถ้าจะพัฒนาเราจะทำให้จริงจัง และก็ทำให้มันโตขึ้นได้แล้ว"
แม็กซ์ "ผมขอพูดเรื่องที่คนชอบมองว่าซีรีส์วาย คือ ซีรีส์ผู้ชายชอบชาย พอพูดอย่างนี้แล้วบางกลุ่มเขาก็จะมองว่าทำไมต้องเอาผู้ชายมาจูบกัน มาอะไรอย่างนี้ คือผมไม่อยากให้มองแบบนั้น ผมอยากให้มองแค่รสชาติหนึ่งของซีรีส์มากกว่า และผมก็ไม่เคยมองว่ามันคือซีรีส์วาย ผมมองว่ามันก็เป็นซีรีส์ความรักเหมือนกัน
อย่างหนึ่งเรื่อง “call me by your name” ที่ทุกคนโอ้โห ให้รางวัลปรบมือ คือผมไม่เคยมองว่ามันเป็นหนังชายรักชาย แต่ผมมองว่ามันเป็นหนังรักที่ดีที่สุดที่ผมเคยดูมา ผมก็ไม่อยากให้คนไปแบ่งแยก ผมกับพี่ตุลย์เป็นกระบอกเสียงให้กับ LGBT เสมอครับ เพราะว่าเรามีสิทธิ์ที่จะรักใครก็ได้ หรือถูกใครรักก็ได้ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด"
ทุกอย่างคือความ Real ไม่ใช่การแสดง
แม็กซ์ "ใช่ครับ คือผมบอกทุกสัมภาษณ์เลยว่า ผมกับพี่ตุลย์มีรสนิยมไม่เหมือนกัน เราไม่ได้แฮงเอาต์ด้วยกัน แต่เราทำงานมากกว่าแฮงเอาต์ คือทุกวันที่เราทำงานมันเยอะมาก มันเลยทำให้เราสนิทกันมากๆ เวลาที่เราไม่ได้ทำงานด้วยกัน เราก็แยกไปทำสิ่งที่เราชอบ หรือว่าธุรกิจของที่เรามีกัน มันก็เลยมีทั้งพื้นที่ส่วนตัว และเราก็ไม่ได้ไปยุ่งกับพื้นที่ส่วนตัวของเขามากเกินไป
เพราะฉะนั้นเลยทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ มันเป็น Comfort Zone ที่สบายมากครับ เขาก็ไม่ได้มาเจ้ากี้เจ้าการกับผมว่า ชีวิตส่วนตัวต้องเป็นแบบนี้ๆ อย่าทำแบบนี้ๆ นะ เขาจะเตือนด้วยความหวังดี แต่เขาไม่เคยมาทำแบบนั้น ส่วนผมก็ไม่เคยไปยุ่งกับชีวิตเขา แบบทำไมพี่ต้องอ่านหนังสืออะไรเยอะขนาดนี้ ทำไมพี่ต้องฟิตเนสอาทิตย์ละ 5 รอบ ผมก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับชีวิตเขา ต่างคนต่างไม่เหมือนกัน แต่อยู่ด้วยกันได้แบบสบายมากๆ ครับ"
แม็กซ์ "ผมก็บอกตลอด บอกทุกที่เวลาไปแฟนมีตติ้ง ผมก็จะพูดตลอดว่าเขาคือพี่ชายที่ดีที่สุดของผมครับ แต่ผมก็ยังจับก้นเขาได้เสมอ ใครมาบอกว่า พออยู่ต่อหน้าแฟนคลับรักกันหรืออะไร คือตอนลับหลังแฟนคลับผมเล่นกันแรงกว่านี้อีกครับ ผมเล่นกันน่ากลัวมากเลยครับ
จริงๆ แล้ว ผมอยากจะบอกแฟนคลับทุกคนให้รู้ไว้ ปกติเราอยู่ในห้องเราก็ใส่กางเกงในตัวเดียวกัน 2 คน พี่ตุลย์มีทุกสีครับ ผมนี่ชื่นชอบมาก (หัวเราะ) ผมใส่จนเขาบอกว่า โอ๊ยซื้อเถอะ คือผมยืมเขามาเยอะแล้วครับ บางตัวผมยังไม่คืนเลยครับ"
คนเรามีสิทธิ์จะรักใครก็ได้ มันคือพื้นที่ส่วนตัว
ตุลย์ "อย่างถ้าเกิดสมมติว่าเราอาจจะไปมีแฟนผู้หญิงในชีวิตจริง ผมมองว่า จริงๆ เรามีสิทธิ์ที่จะรักใครก็ได้ใช่ไหมครับ เราทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัว ถ้าจะมีแฟนเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ว่ามนุษย์มันมี Spectrum ของความชอบ หรือความลื่นไหลทางเพศสูงมากครับ
ก็ที่คน 2 คน รู้สึกดีต่อกัน และวันหนึ่งมันอาจจะพัฒนาก็ได้ หรืออาจจะแย่ลง ผมว่ามันต้องเรียนรู้จากเรื่องอันนี้ และผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่ใครจะมีแฟนหรือไม่มีแฟน"
แม็กซ์ "ผมเชื่ออย่างงี้นะครับว่าทุกคนเขาก็มีภาพ ภาพที่เขาอยากให้เราเป็น แต่คือผมก็อยากฝากให้เขาคิดนิดนึง ว่าบางครั้งผมก็อยากมีโลกที่ตัวละครกับผม มันก็คนละคน ผมก็อยากได้ทุกคนเข้าใจ และเราก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ผมเชื่อว่าผมไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ดี และก็ไม่ได้ทำร้ายจิตใจใคร
หมายถึงว่าเราคิดดี ทำดี และเราก็มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตส่วนตัวของเรา แต่ผมก็เข้าใจว่าเราอยู่ตรงนี้มันคือการขายพื้นที่ส่วนตัว แต่เราก็อยากจะมีสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็นคนรัก หรือว่าจะเป็นสิ่งที่เราชอบ ที่เราอยากทำ ผมก้อยากให้ทุกคนเข้าใจ แค่นั้นครับ ส่วนคนที่ไม่เข้าใจผมก็ไม่ได้ว่านะครับ อย่างผมชอบดาราคนหนึ่ง ผมก็ไม่อยากให้เขามีแฟน (หัวเราะ) ผมล้อเล่น ผมเคยเป็นตอนเด็กๆ"
ถึงจะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม
ตุลย์ "ผมก็รู้สึกว่าในฐานะที่เราเป็นบุคคลสาธารณะ ทำอะไรก็ต้องมีสมาธิมากขึ้น ความมั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อใครตามมา รวมถึงมูฟเมนต์หลายๆ อย่าง ที่เรารู้สึกว่าเราเป็นกระบอกเสียงได้เราควรช่วยเหลือ ด้วยการที่มีคนฟอลโลว์เรา เราก็ควรออกมาใช้สิทธิ์พื้นที่ในการแสดงความคิดเห็น หรืออะไรที่เราคิดว่ามันถูกต้อง
ต้องบอกว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนทุกวันนี้มันเข้าถึงง่ายมากขึ้น ผมก็เชื่อว่าเวลามีอะไรที่ไม่ดีหรือว่าเคยเป็นความลับ ปกปิด ทางการเมืองอะไรแบบนี้ นักแสดงก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีหน้าที่ออกมา อันนี้ก็เป็นช้อยส์นะเป็นตัวเลือกที่ใครจะทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่เราเป็นคนหนึ่งที่รู้มีความรับผิดชอบเลยออกมาพูด"
แม็กซ์ "ผมก็ยังกินอาหารจีนเหมือนเดิมครับ (หัวเราะ) ผมก็ยังไปกินข้างทางผมก็ยังทำตัวปกติ แต่ถามว่ามันเปลี่ยนไปในเวย์ที่โอเคมีคนรู้จักเรามากขึ้น ขอเราถ่ายรูป เราก็ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร เพราะเราก็ต้องคิดครับมองกลับมาว่าเรามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะพวกเขา ถามว่าเหนื่อยมั้ย มันมองเป็นความชื่นใจมากกว่า
หมายถึงจากเมื่อก่อนเราเป็นเด็กที่ไม่มีใครรัก ไม่มีใครเอ็นดูขนาดนี้ จู่ๆ มีคนมารักเราทำดีกับเรา เอาของมาให้เราเยอะๆ เราก็รู้สึกว่ามันเป็นรางวัลของนักแสดง เราก็โชคดีที่ได้เข้ามาในวงการ ทำอะไรให้คนอื่นมีความสุข มันก็ดีครับ ผมก็เลยไม่รู้สึกว่า มันเปลี่ยนไปเยอะอะไรขนาดนั้น หรืออาจจะเป็นผมยังไม่ขนาดที่ว่า กินข้าวข้างทางไม่ได้"
ตุลย์ "เอาจริงๆ ผมไม่คิดเหมือนกันครับ จริงๆ ก็อยากขอบคุณทุกคนมากๆ ที่สนับสนุน เราไม่เคยคิดภาพตัวเองไปจนอายุเยอะ ผมแค่ตอนนั้นมีโอกาสก็อยากลองทำดู พอมันมาระยะทางขนาดนี้เราก็รู้สึกว่า ขอบคุณจริงๆ ที่ให้การสนับสนุน ในอนาคตก็อยากทำอะไรตอบแทนคนที่ให้ความรักเราบ้าง ซึ่งก็พยายามทำตลอด ผมก็รู้สึกพอได้ความรักจากทุกคน มันเป็นกำลังใจที่ดีมาก ทำให้เราไม่หยุดพัฒนา"
แม็กซ์ "เช่นกันครับ ไม่คิดว่าตัวเองจะมาอยู่ตรงนี้ ตอนนั้นเราเด็กมากเราเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย เราก็รู้สึกสนุกกับชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลง ตอนนั้นเข้านิเทศศาสตร์มาไม่ได้คิดเลยนะ ไม่ได้รู้จักโลก อยู่ดีๆ มีคนมาชวนเราไปลองทำดู
เราก็รู้สึกว่ามันจะเป็นยังไงมีความอยากรู้ ว่าอีกโลกหนึ่งจะเป็นยังไง แต่เราก็ไม่ได้คิดว่าเราจะมาขนาดที่ว่าคนทั่วโลกจะรู้จักแล้ว มีแฟนคลับหลายประเทศเลย ผมก็รู้สึกดีใจมากๆ ที่มาได้ขนาดนี้ ไม่ได้คิดได้ฝันว่าจะมีคนรักเรามากมายได้ขนาดนี้"
ดีใจที่ทำให้พ่อแม่และครอบครัวมีความสุขได้
ตุลย์ "คุณแม่ก็แฮปปี้ แม่ชอบดูลูกตัวเองในทีวี ทั้งสองคนเลยพ่อแม่เขาเคารพการตัดสินใจของเราว่าอยากทำอะไร ทำอยู่ตรงไหน ให้เรามอนิเตอร์ตัวเองไป ถ้าแบบรู้สึกไม่ดีก็ออกมานะทำอย่างอื่น คิดว่าวันหนึ่งก็ต้องกลับมาทำงานที่บ้านด้วยวางแผนไว้อยู่แล้ว เวลาแม่ไปไหนก็ฝากดูซีรีส์ลูกด้วยนะ ตุลย์เล่น ส่วนคุณพ่อถ้าไม่ดูช่องหลัก ก็ดูไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่"
แม็กซ์ "จริงๆ คุณพ่อคุณแม่เขาก็ดีใจที่เราได้มีชื่อเสียง ได้มีคนรัก เขาก็ถามว่าเราชอบมันจริงๆ รึเปล่า เราก็มารู้ตัวอีกทีว่าเราชอบการแสดงหลังจากเล่นซีรีส์ไปเรื่องหนึ่งแล้วครับ เรื่องแรกก็ยังไม่รู้ตัวครับ จนเรื่องที่สอง ผมรู้สึกว่าผมยังเล่นได้ไม่ดี
ผมก็เลยขอเงินพ่อแม่ไปเรียนการแสดงเพิ่ม หลังจากนั้นผมก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าผมชอบ ผมก็บอกพ่อแม่ว่าผมชอบการแสดง ผมขอทำพื้นที่ตรงนี้ก่อนได้มั้ย ก่อนจะกลับไปทำธุรกิจที่บ้าน หรือว่าไปทำในสิ่งที่ผมอยากทำ ผมอยากทำสิ่งนี้ก่อน ธุรกิจที่บ้านพ่อแม่เขาทำมาให้เพื่อเราอยู่แล้วครับ ถามว่าเขาคาดหวังมั้ยจริงๆ เขาก็บอกถ้าวันหนึ่งมีสิ่งที่ผมชอบมากกว่า ก็ไม่ได้ห้าม เพราะยังไงสุดท้ายมันก็เป็นกงสีอยู่แล้ว ที่บ้านขายผ้าครับ"
"เอาจริงๆ ผมขอเขาทำมากกว่าครับ ผมแค่อยากให้เขาเห็นว่าการที่ผมมาทำอย่างนี้ ผมก็ตั้งใจจริงๆนะ ไม่ได้มาทำเล่นๆ ไม่ใช่เราแค่เป็นเด็กคนหนึ่งที่อยากมีชื่อเสียง เรารู้สึกว่าเราชอบการแสดง แล้วแสดงให้เขาเห็นว่าเราจริงจังแค่ไหน มันเลยเป็นอะไรที่สิ่งที่ผมเรียนมา
ผมก็อยากให้เขาเห็นว่าผมไม่ได้เลือกผิดนะ แล้วผมก็ไม่ได้เสียเวลากับมันอยู่นะ อยากให้เขาอุ่นใจว่าสิ่งที่ผมทำก็กำลังเป็นเด็กที่โตขึ้นเรื่อยๆ นะวันหนึ่งที่เขามาอยู่ผมก็ยังไปต่อได้ในตัวของผมเอง จริงๆ เขาแค่เห็นเรามีความสุขเขาก็ดีใจแล้วครับ แต่เขาก็อยากให้เราทำธุรกิจที่มั่นคง เพราะเราก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ในวงการบันเทิงอีกนานแค่ไหน"
ทุกคนต่างมีความฝันของตัวเอง
ในอนาคตถ้าเราไม่ได้ทำงานในวงการแล้วเราจะทำอะไรต่อ?
แม็กซ์ "ถามว่าถ้าอนาคต ไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงแล้วอยากทำอะไร อืม(นั่งคิด) ผมเปิดร้านอยู่ครับ แต่มันติดโควิดเลยไม่ได้เปิดสักทีครับ มีหลายธุรกิจเลยครับที่จับอยู่"
ตุลย์ "ผมมีแพลนไปเรียนต่อปริญญาโท จริงๆ จะไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ติดโควิด อาจจะทำควบคู่กันไปอาจจะออกไปหาตัวเองสักปีสองปีแล้วก็กลับมา ด้วยความที่ความสนใจผมมันมีเรื่องการพัฒนาที่ดินด้วย คงคิดกลับไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์จริงๆ ความฝันอยากทำหมู่บ้าน ทำทาวน์โฮม พัฒนาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ในพื้นที่ต่างๆ ที่ยังไม่พัฒนา แต่ว่ายังค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ"
"ถามว่ากลัวแฟนคลับลืมมั้ย ถ้าก็ลืมก็ไม่เป็นไร (หัวเราะ ก่อนบอกใหม่ว่า) ก็เป็นครับ เราคิดว่าเดี๋ยวนี้มีโซเชียลแล้วเราสามารถใช้ติดต่อกับทุกคนได้ แต่จริงๆ ก็ผมคิดว่าเขาเข้าใจนะ เขาซัพพอร์ตทุกการตัดสินใจของทุกคน"
ขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ตมาตลอด
แม็กซ์ "ปีนี้เป็นปีที่ 6 ของผมแล้วก็ปีที่ 8 ของพี่ตุลย์ ผมรู้สึกว่าแฟนคลับเราเป็นอะไรที่อยากจะขอบคุณเขาจริงๆ เขาน่ารักกับผมมาก เขาไม่ไปไหน เขายังเหนียวแน่นกับเรา ทุกวันนี้มันไม่มีอะไรชื่นใจกว่านี้แล้ว มันผูกพันกันมากๆ ครับ ทุกครั้งที่ผมเห็นหน้าเขา มันเป็นแบบนี้ตลอด ทุกครั้งที่เราทำงานกันหนักมากๆ
แต่ทุกครั้งที่เราอออกมาจะเห็นว่าเขายืนคอยเราอยู่มันเป็นแบบนี้มา 6-8 ปีแล้ว แล้วทุกครั้งที่เราเหนื่อยเราท้อ เราก็มองกลับไปว่าแบบมีคนที่ซัพพอร์ตเราอยู่นะ เขารอผลงานชิ้นนี้ของเราอยู่ เขารักเราน้า เราก็อยากทำให้มันดีที่สุดเพื่อเขา เราก็เลยใส่เต็มที่ในทุกงานที่เราทำจริงๆ ครับ ขอบคุณแฟนคลับทั่วโลกจริงๆ ครับ ทั้งไทยแล้วก็ต่างประเทศ ซัพพอร์ตผมดีมากๆๆ"
ตุลย์ "เวลาได้ฟีดแบ็กจากทุกๆ คนที่ติดตามผลงานรวมถึงพฤติการณ์ที่ตายด้วย ก็รู้สึกขอบคุณมาก รู้สึกโชคดีที่มีทุกคนคอยเป็นกำลังใจเวลาทำงานแรงบันดาลใจหรือเป้าหมายต่างๆ จริงๆ มาจากความรักที่ทุกคนให้ อยากจะขอบคุณแล้วก็ให้เขามีความสุขในทุกๆ วัน
อยากให้เขารักตัวเอง ดูแลตัวเองกันมากขึ้น บางทีเขาเป็นห่วงเรา แต่อยากให้เขารู้สิ่งที่คุณควรดูแลคือตัวคุณเองนะ อยากให้ดูแลสุขภาพ นอนดีๆ กินดีๆ เราก็เหมือนตั้งใจทำงานทุกครั้งเพราะรู้ว่ามีคนซัพพอร์ตเรานะ มีเราเป็นความสุข เราก็อยากทำให้ดีที่สุดเหมือนกัน"
"ผมรู้สึกว่าความชอบมันเปลี่ยนได้เรื่อยๆ อะครับบางทีผมมองไปแล้วรู้สึกอยากลองเป็นเบื้องหลังบ้างนะ ฝ่ายผลิต ฝ่ายโปรดิวเซอร์อะไรอย่างงี้ อาจจะมีอะไรสนุกๆ ที่ทำแล้วให้คนดูได้เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้ถามว่าชอบการแสดงมั้ยตอนแรกผมค่อนข้างไม่เปิดใจให้การแสดง ผมคิดว่าผมไม่เหมาะ หลังๆ มาพอเริ่มแสดงเราก็รู้สึกเราเริ่มทำได้ดีขึ้นนะ เราพัฒนามาเยอะเหมือนกัน แล้วเราก็เริ่มมีความสุขกับมัน
จริงๆ อยากทำหลายๆ อย่างเลยครับ พอสมมติไปเรียนต่อกลับมาอยากทำงานในวงการ อยู่หน้ากล้องด้วย หลังกล้องด้วย หรือว่าอยากทำธุรกิจไปด้วย ถึงจะไม่มีงานวันหนึ่งผมก็เชื่อว่าวันหนึ่งเราอยากเป็นโปรดิวเซอร์ เราก็รู้จักมีคอนเน็กชั่นต่างๆ ที่อยากกลับมาช่วย เขาก็จัดการได้ ผมก็รู้สึกว่าการทำงานเป็นการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด"
นอกจากนี้ 2 หนุ่ม แม็กซ์-ตุลย์ ได้ฝากแฟนๆ ให้ติดตาม ซีรีส์เรื่อง พฤติการณ์ที่ตาย ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วย
ตุลย์ "ตอนนี้มีซีรีส์เรื่องเดียวที่คู่กับเลยครับ คือพฤติการณ์ที่ตายครับ จะบอกว่าทำงานมา 8 ปี ชอบเรื่องนี้ที่สุด อยากให้ทุกคนได้ดู ช่วงนี้เป็นช่วงที่อยู่บ้านกันอยากหาซีรีส์ดีๆ ดูสักเรื่องหนึ่ง ตุลย์รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ดีมาก เมื่อก่อนเราไม่เคยเล่นแบบนี้ เราก็ตื่นเต้นเพราะมีทั้งเรื่องการแพทย์ เรื่องกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม
แล้วก็เรื่องความรักที่เราเขินมากๆ พอมันเป็นบทที่โตขึ้นพอโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ก่อนเราสกินชิพกันเยอะมาก เดี๋ยวนี้แค่มีคำบทสนทนาเราแค่มองหน้าตาก็รู้สึกว่ามันเขินแล้วนะ มันบวกกับตัวละครที่โตขึ้นด้วย จากเราเองที่เล่นหลายเรื่องก็ค่อนข้างกล้าทำนู่นทำนี่ในการแสดง
ซึ่งเรื่องนี้ต่างจากเรื่องที่เคยเล่นมากเลยครับ บทของตุลย์ เป็นหมอนิติเวช ด้วยความที่บทมันมาเป็นหมอเต็มตัว เป็นอาจารย์แพทย์ด้วย โดนส่งไป observer ตั้งแต่ก่อนถ่ายเลยครับว่าแพทย์จริงๆ เวลาผ่าศพเขาทำงานยังไง ทุกคนก็จะจริงจังกับบทในเรื่องเยอะมาก"
แม็กซ์ "ของผมบทเป็นติวเตอร์ครับ เป็นครูสอนพิเศษ แต่กลางคืนรับทำงานที่บ้านธุรกิจสีเทา เป็นมาเฟีย มันคนละคาแรกเตอร์ที่เคยเล่นมาเลยครับ เรื่องก่อนหน้านี้ผมเคยเล่นเป็นนักข่าวก็จะตลกคอมเมดี้ เล่นกับพี่ นุ่น วรนุช แล้วก็ พี่แอนดริว เกร้กสัน มันก็จะมีจังหวะโบ๊ะบ๊ะๆ
บ้างพอมาเปลี่ยนอารมณ์เป็นแบบติวเตอร์ที่ต้องมาเจอเรื่องที่ซีเรียสขนาดนี้จริงๆ เบื้องหน้าเรารักเด็ก อยากให้ความรู้เด็ก แต่เบื้องหลังเราเป็นคนคอยเก็บหนี้ที่บ้าน คอยตามเช็ดสิ่งสกปรกที่บ้านตัวเองเป็นคนทำ คอยตามเก็บเรื่องเก็บงานให้ ซึ่งมันต่างกันมาก ตอนเช้าๆ ก็ยิ้มแย้มพอกลางคืนก็อีกคน"
"ตอนนี้ซีรีส์ ออนแล้วครับที่ทาง WeTV ครับ เป็นออริจินัล คอนเทนต์ของ WeTV เลยครับ ทุกวันจันทร์ 2 ทุ่มครับ ตอนนี้ EP10 แล้วครับ มีทั้งหมด 14 EP เรื่องจะเข้มข้นน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ แล้วผมดีใจมากที่ได้ผู้กำกับที่เก่งมากๆ พี่มะเดี่ยว ชูเกียรติ มากำกับให้
เราก็ไม่คิดว่าจะได้เล่นวายแบบเป็นสืบสวนสอบสวนมันมีทุกรส เพราะพี่มะเดี่ยวเขาเก่งเรื่องความสัมพันธ์ตัวละครอยู่แล้วครับ เขาทำได้แน่นมาก เขาเคยทำสิ่งที่แบบโรแมนติกที่สุด แฟนตาซีที่สุด ซีรีส์ใสๆ เขาก็เคยทำ หากว่าสื่อสารเกมสยองก็อีกแนวหนึ่งไปเลย แล้วเขาเหมือนมีลายเส้นของเขาครับ เรื่องนี้มันก็เลยรวม ซีเรียสมาก โรแมนติกก็รักกันมาก พอจะจริงจังก็ขีดสุด แอ็กชั่นก็ดีมากครับ".
ผู้เขียน : โอ้ว...ซาร่า
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun