- สถานการณ์ละครจอแก้ว ไม่ยึดติดเพื่ออยู่รอด ใครปรับตัวได้ก่อนอาจรอดก่อน
- เรตติ้ง "ตราบฟ้ามีตะวัน" และ "จากศัตรูสู่หัวใจ" ทางทีวีเป็นอย่างไร?
- ลงลึกเรตติ้งละคร 2 เรื่องทีเด็ดช่อง 3 และช่อง 7 ฉายชัดความเปลี่ยนแปลง
ไม่ยึดติดเพื่ออยู่รอด ใครปรับตัวก่อนอาจรอดก่อน
จริงๆ สถานการณ์แวดวง “ละครไทย” ก็เริ่มสั่นคลอน เพราะโดน digital disruption เมื่อคนดูละครหันไปเสพคอนเทนต์ที่มีหลั่งไหลมาอย่างมากมาย
ยุคนี้ต้องยอมรับว่าผู้ชมคนเมือง ที่ไม่ได้นับแต่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ แต่จังหวัดใหญ่ๆ กลุ่มผู้ชมคนรุ่นใหม่ก็มีช่องทาง OTT (Over-The-Top) เป็นอีกทางเลือก ที่ทำให้ผู้ชมสามารถหาดู Content หลากหลายจากทั่วโลกผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งยูทูบ, ไลน์, เฟซบุ๊ก และช่องสตรีมมิงต่างๆ ซึ่งทางเลือกต่างๆ เหล่านี้แบ่งชิ้นเค้กไปจาก “ละคร” ในฟรีทีวีบ้านเราที่เคยผูกขาดความบันเทิงของคนมาหลายสิบปี
แต่ปี 2020 ต้องบอกว่าศึกหนักจริงๆ ของ “ละครไทย” เพราะนอกจากพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเพราะมีทางเลือกที่มากขึ้นแล้ว ปีนี้ยังเจอปัจจัยภายนอกของสถานการณ์สังคมกระทบเข้าอย่างจังทั้งสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ของบ้านเมือง ที่ส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของประชาชน ส่งผลทำให้ความสนใจของผู้คนไปสนใจข่าวสารบ้านเมืองที่กระทบกับปากท้องตัวเองดีกว่า
...
ระยะหลังจึงเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ช่องฟรีทีวีเองเริ่มส่ง “ละคร” ของตัวเองเป็น Content ให้กับ OTT เอง ไม่ต้องมากั๊กฉายแต่เฉพาะในเครือข่ายของตัวเอง สู้ขายต่อให้คนอื่นสร้างรายได้เต็มๆ แบบไม่ต้องรับความเสี่ยงใดๆ เวิร์กกว่า
ช่อง 3 ขยับเต็มตัวก็กับเรื่อง “ตราบฟ้ามีตะวัน” ที่ยอมฉายรวดเดียวจบพร้อมการขายลิขสิทธิ์ฉายที่จีนไปเลย และฉายสดใน WeTV ขณะที่ช่อง 7 เองยังไม่ขยับกับกลยุทธ์นี้ ยังยืนหยัดฉายเฉพาะ Bugaboo ของตัวเองอยู่
เรตติ้ง "ตราบฟ้ามีตะวัน" และ "จากศัตรูสู่หัวใจ" ทางทีวีเป็นอย่างไร?
หากหันมาดูที่เรตต้ิงละครที่ทั้งช่อง 7 และช่อง 3 ส่งดาราระดับแม่เหล็กมาดึงดูดผู้ชมช่วงใกล้สิ้นปี ที่ต้องบอกว่าเป็นทีเด็ดที่ทั้งสองช่อง ตั้งความหวังไว้สูงมาก อย่าง “ตราบฟ้ามีตะวัน” ช่อง 3 ที่มีชื่อของพระเอกตัวขาย “หมาก ปริญ” และช่อง 7 ได้ “อั้ม พัชราภา” ที่ห่างหายจากจอแก้วไป 3 ปีกลับมาอีกครั้งกับ “จากศัตรูสู่หัวใจ”
ซึ่ง “ตราบฟ้ามีตะวัน” อย่างที่บอกไปว่า ช่อง 3 เลิกกั๊ก ปล่อยฉายสดไปพร้อมระบบ OTT และลิขสิทธิ์ที่จีน ไม่ต้องมานั่งกั๊กหวงเรตติ้งหวังเอาเรตติ้งมาขายโฆษณาหาสปอนเซอร์อีกต่อไป เพราะทุกวันนี้อะไรที่ว่าชัวร์ก็ไม่แน่นอน ที่ว่าเปรี้ยงแน่ๆ ก็แป๊กให้เห็นมานักต่อนัก สู้ขายเอารายได้เห็นๆ ไว้ก่อนดีกว่า กำขี้ดีกว่ากำตด ขณะที่ช่อง 7 ยังคงกลยุทธ์เดิมออนแอร์ผ่านโทรทัศน์และมีให้ดูสดผ่านโซเชียลมีเดียของช่องเท่านั้น
ซึ่งบทสรุปหลังออนแอร์จนจบทั้งสองเรื่องก็ต้องบอกว่า “ตราบฟ้ามีตะวัน” สำหรับเรตติ้งในจอทีวีก็ต้องบอกว่าไม่น่าเกลียด อัดฉายต่อเนื่องก็ดึงคนดูที่มาได้พอตัว จบที่เรตต้ิงเฉลี่ย 3.154 เรตต้ิงสูงสุดอยู่ที่ตอนจบ 4.387 ซึ่งตัวเลขนี้นอกจากจะเป็นที่น่าพอใจแล้ว ยังมาพร้อมกับรายได้ที่ได้จากขายคอนเทนต์ในเม็ดเงินสูงปรี๊ด
ขณะที่ “จากศัตรูสู่หัวใจ” ช่อง 7 เรตติ้งอยู่ที่ 5.446 สูงสุดคือเรตต้ิงตอนจบ 6.135 แม้จะเป็นตัวเลขที่สูงกว่าช่อง 3 เยอะ แต่นอกจากเรตติ้งที่ได้มานอนกอด ช่อง 7 อาจจะต้องมีการทบทวนกลยุทธ์เพิ่มเติมว่าในทุกวันนี้นอกจากตัวเลขเรตติ้งที่มากกว่าคู่แข่งแล้ว ยังมีช่องทางหารายได้ทางอื่นมาเพิ่มจากคอนเทนต์ละครหรือเปล่า เพราะหากมองอย่างยอมรับความเป็นจริงก็ต้องบอกว่าเรตติ้งที่เห็นก็ลดลงทุกวันจากมาตรฐานเดิมของช่อง และมีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ
...
ลงลึกเรตติ้งฉายชัดความเปลี่ยนแปลง
นอกจากตัวเลขเรตติ้งเพียวๆ แล้ว เมื่อลองลงลึกไปที่รายละเอียดเรตต้ิงของทั้ง 2 เรื่องจะพบว่า ตราบฟ้ามีตะวัน นอกจากเรตติ้งเฉลี่ยทั่วไทยจะอยู่ที่ 3.15 โดยสูงสุดอยู่ที่ตอนจบ 4.387 และต่ำสุดอยู่ตอนที่ 4 ที่ได้ไปเพียง 2.000
โดย ตราบฟ้ามีตะวัน มีเรตติ้งเฉลี่ยแต่ละภาค มากสุดอยู่ที่กรุงเทพฯ 4.496 รองลงมาคือภาคกลาง, ภาคตะวันออก, ภาคตะวันตก 3.127 ตามมาด้วย ภาคอีสาน 3.031 ภาคใต้ 2.828 และน้อยสุดที่ภาคเหนือ 2.535
ขณะที่ช่วงอายุที่รับชมจนมีเรตติ้งสูงสุดของ ตราบฟ้ามีตะวัน อยู่ที่อายุ 40-44 ปี 4.218 ตามมาด้วย 45-49 ปี 3.819 และอายุ 50 ปี+ อยู่ที่ 3.805 และมีผู้หญิงชมอยู่ที่ 4.005 ขณะที่ผู้ชายเพียง 2.261
...
ส่วน จากศัตรูสู่หัวใจ เรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 5.446 สูงสุด ตอนที่เรตติ้งสูงสุดอยู่ที่ตอนจบได้ไปถึง 6.135 ต่ำสุดคือตอนที่ 2 ได้ไป 4.197
ขณะที่ เรตติ้งเฉลี่ยแต่ละภาค สูงสุดอยู่ที่ภาคใต้ 5.849 สูสีกับภาคกลาง, ภาคตะวันออก, ภาคตะวันตกที่ได้ 5.676 และภาคอีสานก็เรตติ้งไม่ทิ้งห่างอยู่ที่ 5.662 ภาคเหนือได้ไป 4.953 และรั้งท้ายที่กรุงเทพฯ ที่ได้เรตติ้งไป 4.743 ส่วนช่วงอายุที่รับชมจนมีเรตติ้งสูงสุดของ จากศัตรูสู่หัวใจ รั้งอันดับ 1 อยู่ที่อายุ 50 ปี+ 7.013 ตามมาด้วย 30-34 ปี 6.807 และสุดท้ายช่วงอายุ 45-49 ปี 6.606 มีผู้หญิงชมอยู่ที่ 6.238 ขณะที่ผู้ชายเพียง 4.615
ซึ่งหากมองที่รายละเอียดจะเห็นอย่างชัดเจนถึงที่มาเรตติ้งในจอแก้วที่ต่างกันของช่อง 3 และ 7 ปัญหาช่อง 3 อยู่ที่ตลาดต่างจังหวัด ขณะที่ช่อง 7 ก็อยู่ที่ตลาดกรุงเทพฯ งานนี้ทั้ง 2 ช่องก็ยังไม่สามารถแก้จุดบอดตรงนี้ของตัวเองได้ แต่ที่เหมือนกันเห็นจะเป็นตัวเลขอายุของผู้ชมที่อยู่ในฐานอายุที่สูงกันทั้งคู่ โดยเฉพาะช่อง 3 น่าเป็นห่วงเพราะอายุผู้ชมสูงไปถึงวัย 40+ เลยทีเดียว ขณะที่ช่อง 7 แม้จะมีวัย 30+ แทรกเข้ามาแต่ช่วงอายุที่รับชมสูงสุดก็คือวัย 50+ ไปเลยเช่นกัน
...
ในขณะที่กลุ่มคนรุ่นใหม่นอกจากไม่ได้อยู่ในแพลตฟอร์มโทรทัศน์แล้ว ความนิยมในการดูละครช่อง 3 ช่อง 7 ก็ดูจะลดลงเรื่อยๆ ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นโจทย์ใหญ่ที่ทั้ง 2 ช่อง (รวมถึงช่องอื่นๆ ที่หวังพึ่งละครแมสๆ) ต้องแก้ให้ตก หากยังหวังพึ่งกลุ่มเป้าหมายเดิมๆ ไม่พยายามขยายฐานคนดูวัยใหม่ๆ นี่อาจหมายถึงอนาคตอันใกล้ "ละครไทย" ที่เคยเป็นแม่เหล็กดึงคนดู อาจกลายเป็นรายการไม้ประดับของจอแก้วก็เป็นได้.
เรื่อง : ดินสอเขียนฟ้า
กราฟิก : Sathit Chuephanngam