• จุดเริ่มต้นการทำงานในวงการบันเทิงของ จา กับ เฟิร์ส
  • คู่จิ้นสุดป่วนใน TharnType The Series ซีซั่น 2 
  • การเปลี่ยนแปลงของชีวิตหลังเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง

เป็นอีกหนึ่งคู่ที่กำลังได้รับความสนใจจากแฟนซีรีส์ TharnType The Series ซีซั่น 2 อย่างมาก สำหรับ จา พชร สวนศรี และ เฟิร์ส ฉลองรัฐ นอบสำโรง 2 หนุ่มที่จะเข้ามาสร้างความอาถรรพ์ให้กับรัก 7 ปีของ ธารและไทป์ ที่แสดงโดย มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ กับ กลัฟ คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ ใน TharnType SS2 โดยในวันนี้ บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ จะพาแฟนๆ ซีรีส์มาทำความรู้จัก 2 หนุ่ม จา-เฟิร์ส ให้มากขึ้น 

โดยเราได้นัดเจอกับ จา และ เฟิร์ส ที่ The Pattern café คาเฟ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมบูทิค บรรยากาศสุดอบอุ่น โดยทั้ง 2 หนุ่มมาในเสื้อผ้าโทนสีเดียวกัน นั่งคุยกับเราในแบบสบายๆ 

นักแสดงน้องใหม่ของวงการซีรีส์วาย

...

จา "ผมไม่ได้เป็นเรื่องแรกครับ มีสองเรื่องก่อนหน้านี้ บิวตี้บอยเดอะซีรีส์ กับ ด้ายแดงเดอะซีรีส์ ครับ"

เฟิร์ส "ของเฟิร์สมีเป็นรับเชิญครับ ก่อนหน้านี้เรื่อง ลูกผู้ชาย กับ คั่นกู ครับ"

จา "สำหรับผมไม่ได้ติดตามซีซั่นแรกมา เพราะว่าอาจจะไม่ได้ดูวายขนาดนั้น แต่ว่าพอเริ่มตัดสินใจมาแคสต์ก็ เริ่มดูแล้วว่าซีซั่นแรกเป็นยังไง พอดูเราก็รู้สึกน่าสนใจดี เลยลองมาแคสต์ดูครับ แคสต์หลายรอบมาก เพราะว่าเป็นโปรเจกต์ของวายไอคอน ไม่ได้ไปแคสต์ที่ห้องแล้วได้เลย แต่เขาเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ และคัดเลือกอีกทีนึง กว่าจะได้มาเล่นหลายสเตปมาก คนมาแคสต์หลายร้อยคนครับ" 

เฟิร์ส "ของเฟิร์สเหมือนกับจาครับ แคสต์มาด้วยกันพร้อมกัน เจอกันครั้งแรกเลย วิธีการแคสต์เหมือนกันหมดเลย"

จา "คือตอนแรกที่มาแคสต์แบบเดี่ยวๆ ก่อน แล้วเรามาเข้าคู่กันก่อน เอาคู่นี้มาผสมคู่นี้ หลายๆ คนเข้าคู่กัน สมมติเฟิร์สก็จะไปลองคนนู้นคนนี้ก่อน"

เฟิร์ส "ส่วนผมก็จะไปลองกับคนนู้นคนนี้เหมือนกัน"

จา "บทของเราในเรื่องนี้ เป็นอะไรที่เพิ่มมิติของ ธารไทป์ มาก เหมือนเป็นตัวเสริมให้คำว่า “7 years of love” ให้สมบูรณ์ครับ ว่า 7 years มันเกิดอาถรรพ์ยังไง ทำไมถึงได้มาเจอกัน แล้วพวกเราไปเกี่ยวข้องยังไงกับ ธาร-ไทป์ ด้วยครับ"

เฟิร์ส "ตัวละครทางผมชื่อ เฟียซ ครับ จะเป็นคนที่เข้าไปป่วนกับคู่ของ ธาร-ไทป์ จะมีบทบาทเข้าไปเป็นมือที่ 3 ของธาร-ไทป์ ซึ่งมันไม่เหมือนกับในนิยายที่พี่เมย์เป็นคนเขียน เขาจะปรับแต่งจากในนิยายให้เหมาะสมกับในซีรีส์มากขึ้น

โดยตัว เฟียซ เขาเป็นนักกีฬาบาสแล้วประสบอุบัติเหตุ พอเจ็บเข่าก็ได้ไปรักษาที่โรงพยาบาล ก็ได้เจอกับ ไทป์ แล้วก็ถูกใจ ชอบ ไทป์ แต่ต้องบอกก่อนว่า ไทป์ เขามีแฟนอยู่แล้วชื่อ ธาร พอ เฟียซ รู้ว่ามีแฟนเขาก็ยังอยากได้อยู่ แล้วมีตัวละคร เลโอ ที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กห้ามเอาไว้"

จา "แต่ตัวละคร เฟียซ จะไม่ค่อยฟังครับ มันจะมีเหตุการณ์ที่ส่งว่า เฟียซ เข้าไปยุ่งเกิดจากอะไร ให้ติดตามรอในซีรีส์ครับ ตอนนี้เริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วครับ แต่ละตอนมันจะมีปมไขปริศนาว่าทำไมถึงทำอันนี้ แล้วจะเกิดอะไรต่อไป"

...

จา "เรื่องความยากง่ายของการแสดง สำหรับผม ผมว่ายากในระดับหนึ่งครับ เพราะตัวละครจากสองเรื่องที่ผมเล่นมา คือช่วงอายุมันต่างกันครับ เรื่องแรกจะอีกช่วงอายุหนึ่ง พอมาเรื่องนี้ก็อีกช่วงอายุหนึ่ง เราต้องศึกษาช่วงอายุว่าเจออะไรบ้างในแต่ละช่วง รูปแบบของอารมณ์จะเป็นยังไง"

เฟิร์ส "ถามว่ายากมั้ย ยากครับ แต่พอเวลาเราเริ่มรู้จักตัวละคร เริ่มศึกษา เริ่มคุ้นเคย ก็จะไม่ค่อยยากแล้ว เพราะตัวละครค่อนข้างจะคล้ายกับตัวเรา เรื่องการแสดงออกท่าทาง ไม่คิดว่ายากไปครับ แต่ของ เลโอ น่าจะยากกว่า เพราะตัวละครจริง เลโอ มีความซับซ้อนอยู่ในตัว"

จา "แต่เราก็เวิร์กช็อปกันนานครับ หลายรอบมาก ยิ่งเวิร์กช็อปทำให้เราเข้าถึงตัวละครมากขึ้น ได้รู้จักคู่ของเรามากขึ้น ได้คุยกันมากขึ้นด้วย"

ชมเปาะ มิว-กลัฟ เป็นรุ่นพี่ที่มีความเป็นมืออาชีพ

จา "ทั้ง พี่มิว ทั้ง กลัฟ มีความมืออาชีพในตัว เรื่องงานเขาผ่านมาหลายงานมาก เขาเข้าซีนคาแรกเตอร์ ธาร-ไทป์ ได้ลื่นไปหมดเลย มันเป็นอีกตัวอย่างนึงที่เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจะเก็บจากเขามาใช้กับเราได้บ้าง"

...

เฟิร์ส "ตอนที่เข้าซีนแสดง เรียกว่าเขาเป็นรุ่นพี่ในวงการดีกว่า เข้าฉากกับเขาไม่ค่อยยาก เพราะว่าเขามีความเป็นมืออาชีพ เขาคุ้นชินกับตัวละครนี้มาแล้ว และคุ้นชินกับตัวละครตัวนี้อยู่แล้ว พอเข้าฉากปุ๊บเขาสวมความเป็น ธาร กับ ไทป์ ได้เลย

ความยากอยู่ตรงที่เราว่าเรากังวลว่าจะเล่นดีไหม กวนเขารึเปล่าในบางครั้ง ถ้าแสดงด้วยกันจะไม่ยากตรงที่ เราส่งไป เขารับดี เขาส่งมาดีเราก็รับได้ง่าย แรกๆ ก็จะตื่นเต้นนิดนึงครับ หลังๆ ผ่อนคลาย"

จา "เราจะมีเข้าไปถามบ้าง อย่างฉากเลิฟซีน บางทีเราเล่นแรกๆ เราจะเข้าถึงตัวละครให้ดีที่สุดยังไง"

เฟิร์ส "ถามว่าเกร็งมั้ย ตื่นเต้นครับ เกร็งด้วย แล้วมันเป็นซีรีส์เรื่องแรกที่เราสองคนเล่นเต็มตัว และรับบทละครเต็มๆ จะตื่นเต้น สำหรับตัวผม ผมคิดว่าผมตื่นเต้น แล้วยิ่งต้องมาแสดงกับศิลปินที่ดังอยู่แล้ว ตื่นเต้นเป็นเรื่องปกติครับ"

เฟิร์ส "เรื่องนี้แฟนๆ ก็มีอิน มีบ้างครับ ว่าทำไมผมต้องไปแย่งเขา ผมมีแอบไปนั่งอ่านในทวิตเตอร์ พอหอมปากหอมคอ น่ารักๆ ครับ"

...

จา "ถามว่าเรื่องนี้เลิฟซีนเยอะมั้ย ก็เริ่มมีมาแล้วครับ ก็มีฉากคู่กันมากขึ้น"

เฟิร์ส "หลอกถามนะเนี่ย(หัวเราะ) ต้องติดตามดูครับ"

จา "ตอนเวิร์กช็อป เราก็มีเลิฟซีนกันนะครับ เป็นฟีลให้คุ้นชินกับร่างกายเพื่อน เวลาจับ เวลาโดนตัวเพื่อน จะได้ไม่เขินเวลาอยู่ใกล้กัน มีเขินบ้างครับเวลาจ้องตากัน"

จา "วันที่เรามาแคสต์ก็ไม่ได้คิดว่าเราจะได้ ก็จะมีประหม่า เครียด ตื่นเต้น ตอนไฟนอลแคสต์วันสุดท้ายที่เขาจะประกาศว่าใครได้นี่คือลุ้นและตื่นเต้นมาก แต่เราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็ได้มาลอง"

จากนักกีฬา - นายแบบ สู่นักแสดงซีรีส์ดัง

จา "ผมเริ่มแคสต์จากซีรีส์เลย ที่ผ่านมามีถ่ายแบบบ้าง มีผู้จัดการของพี่ที่เรียนด้วยกันชวนไป เราก็ลองดูแคสต์ดู ถือว่าเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ดีมากครับ ก่อนหน้าที่จะมาแคสต์งานผมยังไม่เคยทำงานอะไรในวงการนี้เลย งานที่เล่นเรื่องแรกถือว่าเป็นมือใหม่มากๆ สำหรับวงการบันเทิง

ก่อนหน้านั้นเล่นซีรีส์มา 2 เรื่องครับ เรื่อง ธารไทป์ เป็นเรื่องที่ 3 ครับ ผมอยู่ในวงการบันเทิงมา 3 ปีแล้วครับ ผมว่าทุกการแสดงมีอะไรให้เราเรียนรู้ตลอดเวลา เพราะว่าเราเป็นมือใหม่ เราจะไปถามทุกคนไม่ได้หรอก สุดท้ายเราต้องลงมือทำเอง ผมไปเล่น ด้ายแดง ก็จะมีผู้ใหญ่สอนเรา เขาให้หนังสือเล่มหนึ่งมาอ่าน มันพัฒนาการแสดงผมมาก"

เฟิร์ส "ของผมเริ่มจากแคสต์โฆษณาครับ ค่อยๆ แคสต์มาเรื่อยๆ เป็นแคสต์ละคร ซีรีส์ ตอนนั้นเราก็จะได้โฆษณาบ้าง แต่ทางซีรีย์ยังไม่มี แคสต์มาปีนิดๆ แรกๆ เฟลถ้าเราไม่ได้งาน เราหวังทุกงาน สุดท้ายมันก็ไม่ได้ เรารู้สึกท้อ เหนื่อย เราก็ฮีลตัวเองแล้วกลับมาใหม่ ตอนนั้นยังไม่มีผู้จัดการครับ จะมีพี่ๆ ถามสะดวกไหม เราก็จะเข้าไปแคสต์ครับ"

จา "ผมไม่ได้คิดมาก่อนครับ ว่าจะได้เข้ามาทำวงการบันเทิง ช่วงเรียนมีโอกาสเข้ามาพอดี เราอยากลองหลายๆ อย่าง ลองเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ทางครอบครัวก็สนับสนุนผมครับ เขาสนับสนุนทุกเรื่อง ขอแค่เราเป็นคนดี ตอนนี้เรียนจบแล้วครับ จาก สถาบันการบินพลเรือน ถ้าไม่ได้ทำวงการบันเทิงน่าจะทำการบินต่อ

ผมรักการบินมากตั้งแต่ตอนเด็กๆ พอจุดหนึ่งเราอาจจะไปไม่ถึงจุดนั้น เราเลยมาเรียนปริญญาตรีแทน ผมอยากรู้ทุกส่วนของเครื่องบิน ว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง ซึ่งเราเน้นจุดประสงค์ของการบินทั้งหมด งานพวกนี้จะเป็นทำงานประจำ งานการบินจะบินเช้า - เย็นช่วงดึกด้วย ค่อนข้างยากถ้าจะทำควบคู่กัน ตอนนี้ผมมุ่งมาทางวงการบันเทิงก่อน"

เฟิร์ส "ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นนักบิน ยิ่งโตความฝันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ด้วยประสบการณ์การเจออะไรต่างๆ พอเริ่มโตคิดได้ระดับหนึ่ง เราไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับวงการบันเทิง เรารู้แค่ว่านี่ดาราๆ แต่ตอนนั้นพ่อแม่สนับสนุนด้านกีฬามากกว่า อยากให้ลูกสุขภาพดี ก่อนหน้านี้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำก่อน แล้วเปลี่ยนเป็นแบดมินตัน

พอเวลาผ่านไปเราก็เข้าวงการบันเทิง มันก็เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่เราจะดำรงชีวิตกับมันได้ แต่ว่าเรายังไม่ปักใจว่าจะเข้าวงการบันเทิง ใจเราไป 3 ทาง กีฬา เรียน นักแสดง วันหนึ่งเราต้องเลือกแล้วเราจะไปทั้ง 3 ทางไม่ได้ เราเลยตัดสินใจมาทางวงการบันเทิง เราเริ่มรู้สึกชอบ เราได้งาน

เริ่มชอบการแสดง มีความสุขกับมัน เราอยากจะทำตรงนี้ ครอบครัวถ้าตอนเด็กๆ อยากให้เป็นนักกีฬา พอเราโตแล้ววางแผนในชีวิตได้ เขาก็จะบอกว่าแล้วแต่เรา เลือกเอาดีๆ เอาที่คิดว่ามั่นใจ เขาจะส่งเสริมถ้าเราทำแล้วมีความสุขให้เต็มที่"

เฟิร์ส "ผมยังเรียนไม่จบครับ ตอนนี้ผมเรียนมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ คณะสถาปัตย์ครับ ปี 4 แล้วครับ ผมว่าเรื่องเรียนก็สำคัญ ปี 4 แล้วด้วย มันสำคัญทั้งสองทาง เรียนและงาน

งานเหมือนให้เราก้าวมาอีกขั้นหนึ่งของการเป็นผู้ใหญ่ เราต้องแบ่งเวลาไม่ใช่แค่ตัวเองแล้ว มีนักแสดงท่านอื่นด้วย ทีมงานอื่นๆ ด้วยครับ อยู่ที่เราต้องแบ่งเวลาให้ถูก ต้องเอาให้ลงตัวที่สุดครับ อาจจะวุ่นนิดหน่อยต้องอดทนครับ"

วงการบันเทิงช่วยปรับเปลี่ยนนิสัยส่วนตัว

จา "ผมว่า วงการบันเทิงทำให้ผมเปลี่ยนตัวเองมากขึ้นในการวางตัว เช่น การพูดจาครับ เราอาจจะพูดกับเพื่อนด้วยความสนุกสนาน แต่บางคำอาจจะพูดข้างนอกไม่ได้ อาจจะดูไม่ดี อาจเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้เด็กๆ ไปไหนมาไหนเราจะเจอคน ผมอาจจะยังไม่ได้เจอของจริง แต่ว่าเท่าที่เจอ มีคนทักเราบ้าง

อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องปรับเปลี่ยน คือ อารมณ์ครับ สมมติเราทำอะไรสักอย่างแล้วหงุดหงิดจังเลย หน้าบูดไปหมดเลย บางทีเราอาจจะเจอใครสักคนที่เดินผ่าน อาจทักเฟิร์ส เรายังมีอารมณ์นั้นค้างอยู่ มันดีตรงที่ว่าถ้าเราหงุดหงิด เรารู้ตัว โอเคแค่นั้นพอจบ มันก็หายไปแล้ว จะไม่ส่งต่อให้คนอื่นๆ ด้วย"

เฟิร์ส "การแต่งตัวครับ เมื่อก่อนผมไปฟิตเนสในห้างก็จะแต่งตัวฟิสเนตไปเลย พอมีคนรู้จักมากขึ้น ผมจะใส่กางเกงบอลไปไม่ได้ (หัวเราะ) ผมต้องแต่งตัวเพิ่มขึ้นหน่อย"

มองซีรีส์วายก็เหมือนซีรีส์ทั่วไป เป็นความรู้สึกใหม่ในการทำงาน

จา "เหมือนศิลปะการแสดงอย่างหนึ่ง แต่ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างเปิดกว้างขึ้น มันสำคัญไม่แพ้อย่างอื่นเลย ไม่ว่าจะเป็น ซีรีส์ชาย-หญิง ซีรีส์ตลก มันคือศิลปะเหมือนกัน ใช้เทคนิคเดียวกัน แค่เนื้อเรื่องอาจจะต่างกัน"

เฟิร์ส "ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วครับ ทุกคนยอมรับได้จริงๆ คำว่า LGBTQ ไม่น่าเอาแบ่งแยกแล้ว ผมคิดว่าทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง มีสิทธิ์ที่จะเลือก สิทธิ์ที่จะทำ การบูลลี่สมัยนี้ไม่ใช่เอามาตัดสินคนได้ ซีรีส์วายจะเสนออีกด้านหนึ่ง เป็นเรื่องที่น่ารักนะ แบบไหนก็น่ารักเหมือนกัน ความรักไม่มีกฎตายตัว ทุกอย่างผมคิดว่าอยู่ที่มุมมองของคนที่จะเลือกมอง"

เฟิร์ส "ผมยังไม่มองถึงขั้นตรงนั้น ตรงนี้เราคู่กันแล้ว เราสนิทกัน ผมมองแค่ปัจจุบัน มองอนาคตหน่อยเดียว อยากแสดงกับเขาอยู่ในผลงานต่อๆ ไป ตอนจับเป็นคู่จิ้นกันก็น่ารักนะ ผู้ชายตัวสูงๆ กับคนตัวเล็กๆ ตอนแรกเรารู้สึกแปลกๆ เราไม่เคยมองในมุมหลายๆ มุม แต่พอมีซีรีส์วายขึ้นมา เราก็มีแบบนี้ด้วยหรอ มีการนำเสนอแบบนี้ด้วยหรอ แล้วเราได้เล่นมันจะน่าศึกษา เราก็ไปดูหลายๆ เรื่องก่อน เรื่องที่ผ่านมาว่าเป็นยังไง"

จา "ผมรู้สึกเขิน มันเป็นความรู้สึกรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นมา พอเราเข้ามาในซีรีส์วายในซึมซับไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยกล้าดูตัวเอง เพราะเขินครับ (หัวเราะ)"

จากคนธรรมดากลายเป็นคนรู้จักมากขึ้น ขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ต

เฟิร์ส "ผมดีใจนะครับที่มีคนรู้จักเรา แฟนคลับมาคุยกับเราด้วย เหมือนเราสื่อสารเรื่องเดียวกัน ทำให้เรามีความสุขไปด้วย ทำให้สบายใจว่า ผลงานที่เราทำออกไปมันดีนะ"

จา "ดีใจครับที่มีแฟนคลับมาคอยติดตาม แต่ช่วงแรกเกร็งทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไง ยืนยิ้มอย่างเดียว แฟนคลับก็บอกไม่ต้องเกร็ง หลังๆ มาผมรู้สึกว่าปรับตัวได้มากขึ้น ผมก็จะชอบคุยกับแฟนคลับ บางทีในทวิตเตอร์เขาถามคำถามมา ชอบทำอะไร ชอบฟังเพลงอะไร ผมก็ชอบเข้าไปตอบ มันเหมือนเราได้แลกเปลี่ยน เหมือนการอ่านหนังสือ แต่อ่านกับคน"

เฟิร์ส "ฝากแฟนคลับทุกๆ คนนะครับ ทุกคนทำเต็มที่มากกับ TharnType The Series Season 2 นี้ครับ อยากจะฝากทุกๆ คนนะครับ ทางช่องวัน 31 ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 22.45 น."

จา "อยากให้แฟนคลับช่วยรีทวิตเตอร์ และคอยติดตามเราเลโอกับเฟียซด้วยครับ(ยิ้ม)".

ผู้เขียน : โอ้ว...ซาร่า

ช่างภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun