• ทำความรู้จักกับ 2 หนุ่มอารมณ์ดี ป๊อด-ข้าวตัง จากซีรีส์ ต้นหนชลธี 
  • ป๊อด ศุภกร จากเชฟหนุ่มอารมณ์ดี สู่พระเอกซีรีส์ดัง
  • ข้าวตัง ธนวัฒน์ ว่าที่วิศวกรหนุ่ม ยิ้มเก่งจนตาหยี มัดใจสาวๆ สายวาย

กำลังโกยเรตติ้งได้ดีสุดๆ สำหรับซีรีส์เรื่อง ต้นหนชลธี ที่สร้างขึ้นจากนิยายชื่อดัง ปลายปากกาของ นทกร พร้อมเสิร์ฟความสนุกลงจอ ออกอากาศทางช่อง GMM25

กับเรื่องราวของ ชลธี หนุ่มหน้าใสหัวใจสีชมพูที่แอบรักพี่ชายบ้านใกล้อย่าง ต้นหน แต่ก็ทำได้เพียงเฝ้ามองพี่ชายกับแฟนสาวอยู่ห่างๆ กระทั่งโชคชะตาเข้าข้าง เมื่อพี่ชายขึ้นสเตตัสโสด คนเป็นน้องจึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อหวังพิชิตใจ ต้นหน ให้สำเร็จ

นำแสดงโดย 2 หนุ่มวัยรุ่นมาแรง ป๊อด ศุภกร ศรีโพธิ์ทอง กับ ข้าวตัง ธนวัฒน์ รัตนกิจไพศาล ที่โคจรมาจับคู่จิ้นกันเป็นครั้งแรก ล่าสุด บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ 2 หนุ่ม ป๊อด และ ข้าวตัง ถึงการทำงานด้วยกันครั้งแรก 

ครั้งแรกเมื่อเราได้เจอหน้า 2 หนุ่ม ทั้งคู่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะ และพลังแบบเกินร้อย คุยกันไป ขำไป ด้วยความเรียลเลยทำให้เราทั้ง 2 ฝ่ายไม่รู้สึกเกร็งกันอีกต่อไป แต่ทั้งคู่ต่างก็ถ่อมตัวว่า ตอนนี้ยังไม่ดังมาก แต่ดีใจสุดๆ ที่มีคนพูดถึงเยอะ

การเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงครั้งแรก 

ป๊อด “ดีใจครับ มีแต่คนพูดถึง ไปไหนก็มีแต่คนทัก”

ข้าวตัง “โดยเฉพาะซีนแรก(หัวเราะ) ซึ่งเป็นซีนที่ ชลธี ดูซีรีส์แล้วจินตนาการตัวเองว่าคือตัวละครในนั้น คู่กับพี่ต้น มีเหาะเหินเดินอากาศ”

ป๊อด “จริง(ยิ้ม) ซึ่งตอนถ่ายตั้งใจกันมาก เพราะก่อนถ่ายเราก็ต้องไปซ้อมกับพวกพี่สแตนด์อิน แล้วก็มาถ่ายจริง ไปถึงกองถ่ายตี 5 เริ่มถ่ายแต่เช้าจนถึง 6 โมงเย็น เสร็จประมาณ 1 ทุ่มครับ ซึ่งมีอุปสรรคหลายอย่าง ทั้งมีฝน คนเยอะ เลยทำให้ถ่ายไม่ค่อยได้”

ข้าวตัง “ผมเคยอ่านนิยายเรื่องนี้ครับ ตั้งแต่ที่รู้ว่าจะได้มาเล่นครับ ก็ไปหาอ่านเลย”

ป๊อด “ส่วนของผมก็ไม่ค่อยได้ติดตามซีรีส์วายมากเท่าไรครับ แต่ว่าก็จะมีดูซีรีส์บ้าง แต่ไม่ได้เป็นสายวาย คือไม่ได้คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสมาอยู่จุดนี้”

ข้าวตัง “ของตังมีดูครับ ถ้าของค่ายจะเป็นเรื่อง ทฤษฎีจีบเธอ ที่เคยดู แล้วก็จะเป็นหนังต่างประเทศตามเน็ตฟลิกซ์”

ป๊อด “ผมเริ่มจากการที่มาถ่ายรายการกับพี่ป๋อมแป๋ม ช่วงพ่อค้าแซ่บ แล้วก็ได้มีโอกาสเข้ามาคุยกับพี่ถา (สถาพร พานิชรักษาพงศ์) ครับ ตอนนั้นยังไม่ได้ลงซีรีส์ เพราะว่าเราไม่ได้มีความรู้ด้านนี้เลย เพราะเราเรียนทำอาหารมา แล้วเขาก็ส่งไปเรียน

ผลงานเรื่องแรกก็คือ Kiss Me Again ครับ ช่วงนั้นยังไม่ได้เล่นอะไรเยอะ คาแรกเตอร์เป็นแบบนิ่งๆ แล้วก็เหมือนมาร่วมซีรีส์นิดหน่อย แล้วก็มาเป็น Dark Blue Kiss ครับ แล้วก็มีเป็น 3 Will Be Free ครับ จากนั้นก็มาเป็น ต้นหนชลธี”

ป๊อด “เขาเอาบทมาให้อ่าน แล้วให้ลองเล่นดู แล้วก็มาบอกเราอีกทีว่าได้หรือไม่ได้ครับ”

ข้าวตัง “ของข้าวตังเริ่มจากที่พี่เอโกะครับ ทักอินสตาแกรมมาบอกว่า ลองแคสต์ดูมั้ย ตอนนั้นอยู่เชียงใหม่ครับ เรียนอยู่ มช. คือเราก็ไม่มีความรู้ในด้านนี้เหมือนกัน แค่อยากลองทำอะไรใหม่ๆ ดูครับ ก็เลยตัดสินใจมา ปรากฏว่าได้ เล่นเรื่องแรกก็คือ อาตี๋ของผม

คือก็มีไปเรียนการแสดง ไปแอ็กติ้งคลาส พอได้เล่นหลายๆ เรื่องเข้ารู้สึกมันสนุกกับการทำงาน สนุกกับการได้ทำการแสดง ก็เหมือนทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองขึ้นทุกวันๆ เพราะมันรู้สึกสนุกจริงๆ เป็นสิ่งที่หนึ่งที่เราลองได้ทำแล้วชอบมากๆ”

ดีใจที่รู้ว่าจะได้เล่นซีรีส์ด้วยกัน 

ป๊อด “อย่างของป๊อดเอง 3 เรื่องที่เคยเล่นมา จะเป็นคาแรกเตอร์แบบนิ่งๆ ขรึมๆ ไม่แสดงอารมณ์มาก แล้ว 2 เรื่องแรกเล่นเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายเลย อย่างเรื่องนี้ต้องเล่นเป็นผู้ชาย ซึ่งมันมีความยากอยู่ที่ว่าเราจะเล่นยังไงไม่ให้ติดภาพ 2 เรื่องนั้น ก็จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ท้าทาย ลองเล่นกับกระจก ลองอ่านบท ดูตัวเองในกระจกมันต่างจากเรื่องที่แล้วมั้ย”

ข้าวตัง “มิติตัวละครที่มันมากขึ้นครับ ความลึกตื้นหนาบางของอารมณ์ แต่ที่เล่นผ่านๆ มาส่วนใหญ่เพื่อนจะเฮฮาสนุกสนานกันตามปกติ แล้วก็มีเคยเล่นเป็นตัวร้ายด้วยครับ(หัวเราะ) แต่พอมาเรื่องนี้ เป็นคาแรกเตอร์อีกคาแรกเตอร์หนึ่งที่ไม่มีใครเคยเห็นในเรื่องไหนมาก่อน

เราก็ไม่รู้ว่าเราสามารถทำมาได้ดีมั้ย มันก็จะฉีกไปเลย อย่างล่าสุดในตัวละคร ฟ่ง จากเรื่อง คั่นกู เพราะเราคู่กัน ก็จะเป็นแบบเพื่อนตัวฮาๆ แต่พอมาใน ชลธี ความฟ่งอ่ะมันก็หายไป มันเป็นอีกแบบหนึ่งเลยครับ”

ป๊อด “พี่กู่ก็จะบอกเราในตอนแรกว่า ซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้เป็นตลก คอมเมดี้ มันก็จะทำให้ ต้นหน ก็จะไม่ใช่แบบโหดเข้มตลอด ก็จะมีความแบบซึนๆ บ้าง หลุดๆ รั่วๆ บ้าง เป็นความตั้งใจของผู้กำกับอยู่แล้ว เพิ่มความสนุกสนานเฮฮาให้กับเรื่องครับ”

ป๊อด “วันแรกที่เจอกันไม่เกร็งเลยครับ ตอนที่เรารู้ว่าจะเล่นด้วยกัน ดีใจ เพราะเราเรียนแอ็กติ้งคลาสมาด้วยกันมานานแล้ว ไม่ได้มาคิดว่าเราจะต้องปรับกันยังไง จะเข้าหากันยังไง หรือจะเริ่มคุยกันยังไง พอรู้ต่างคนต่างแบบสบายใจ โล่งใจเลยที่เป็นเขา”

ป๊อด “แรกๆ วันแรกเลยมีเขินว่าจะเล่นกันยังไง แต่พอถ่ายไปเรื่อยๆ แกล้งกันได้เต็มที่เลย เล่นกันไปมา จนชินแล้ว ถ่ายได้ราบรื่น มีเขินบ้างตามฟีลตัวละครบ้างครับ(ยิ้ม)”

ผู้ชายทำครัว กับ หนุ่มเทคนิคการแพทย์

ข้าวตัง “ผมเรียนเทคนิคการแพทย์ครับ คือความตั้งใจจริงๆ แล้วจะซิ่วอีกรอบหนึ่งเพื่อสอบหมอหรือหมอฟันก็ได้ครับ ตอนนั้นยังไม่ทันเรียนเลยครับ แค่รับน้องก่อนเฉยๆ

จริงๆ ช่วงที่เข้ามาเล่นซีรีส์เป็นช่วงปลายปีครับ ในระหว่างนั้นเราตั้งใจว่าจะสอบหมอฟัน สอบหมอตามที่เราคิดไว้แต่แรก แต่พอเหมือนเราได้เข้ามาทำงานตรงนี้ เลยคิดว่าถ้าเราจะไปเรียนหมอคงไม่น่าไหวแน่ๆ ก็เลยเบนสายมาวิศวะที่ ม.เกษตรฯ ครับ ตอนนี้เรียนปี 3 แล้วครับ”

ป๊อด “ป๊อดเรียนจบแล้วค่ะ เรียนจบการทำอาหาร เป็นหลักสูตรบริหารธุรกิจ แตกออกเป็นสาขาทำอาหารครับ คือป๊อดชอบทำอาหารตั้งแต่เด็กแล้วครับ ชอบกิน

เหมือนช่วงนั้นมีรายการแข่งทำอาหาร อยากไปแข่งทำอาหาร แต่สกิลการทำอาหารทุกอย่างและเทคนิคคือ 0 ก็เลยลองหาดูแล้วเห็นว่าที่นี่สอนทำอาหารและเป็นโรงเรียน ได้เข้าครัวทำอาหารที่เราชอบ”

ป๊อด “ตอนพี่ป๋อมแป๋มไปเจอ ป๊อด เพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆ เลย แต่เราไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ซึ่งตอนนั้นมีงานรวมร้านอาหารร้านดัง และร้านเราก็ยังไม่มีชื่อ ก็เลยลงทะเบียนไปออกบูธ ก็ไปเปิดร้านกับเพื่อน วันแรกก็มีคนมาซื้อ 2-3 คน

ตอนนั้นขายไก่ทอดเกาหลีครับ ป๊อดก็ทอดไก่เกาหลีอยู่หลังร้าน สักพักเงิยหน้าขึ้นมาก็เจอแถวยาว ก็มีรายการมาสัมภาษณ์ ตอนนั้นน้องทำงานอยู่ที่ตึกแกรมมี่พอดี เขาก็ถามว่าลองส่งชื่อมาดูมั้ย เผื่อได้ออกรายการกับยาย เราก็คิดว่าจะได้เหรอ มันไม่น่าได้หรอกมั้ง ก็เลยลองส่งมา สรุปฟลุกได้ออกรายการ โชคดีมาก”

ข้าวตัง “พี่ป๊อดเขาเคยเอาขนมหวานมาให้ผมชิมครับ อร่อยมาก(ยิ้ม)”

ป๊อด “อาหารทำได้ทุกอย่างครับ ถ้าเป็นขนมก็จะเป็นเบเกอรี่ ขนมไทยก็ชอบทำครับ เพราะเราชอบทาน แรกๆ ที่มาเล่นซีรีส์ เราก็ไม่ได้มีความรู้ ไม่ได้เก่งมากอะไร แบบเราเล่นไปเรื่อยๆ อาศัยให้คนโน้นคนนี้สอน

อย่างเรื่องล่าสุดต้องบอกว่า ข้าวตัง เป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีมากเวลารับส่งอารมณ์ เขาเก่งมาก บางเรื่องน้องก็สอนเราหลายอย่าง เราไม่ได้เก่งคนเดียว เราก็ต้องพึ่งพากันหลายอย่าง ดีใจที่ได้เขามาเป็นพาร์ทเนอร์เรา”

ครอบครัวไฟเขียวพร้อมสนับสนุนเต็มที่

ป๊อด “มีครับ มีความฝัน อยากมาเล่นบ้าง แต่เราก็เป็นเด็กอ้วนๆ เตี้ยๆ ป๊อดอ้วน แล้วก็ตัวเล็กๆ มาสูงตอนช่วง ม.ต้น เพื่อนแกล้งเยอะ เก็บกด ออกกำลังกาย กินนมวันละลิตร แล้วมันก็สูงขึ้นมาเลย เหมือนเราตั้งใจ เราอยากดูแลตัวเอง เราอยากดูดี มันเป็นรางวัลของเราเอง ทุ่มเททุกอย่าง คุมอาหาร ก็ภูมิใจที่ทำได้”

ข้าวตัง “ไม่เคยคิดเลยครับว่าจะต้องเข้าวงการบันเทิง ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเราจะเข้ามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง อาจจะมีจินตนาการดูหนัง ดูคอนเสิร์ต จินตนาการว่าถ้าเราได้ไปเล่นมันจะเป็นยังไงน๊า พอมาวันหนึ่งเรามาอยู่ตรงนี้ได้ ก็ดีใจครับ (เหมือนความฝันที่เราคิดไว้เลย?) ก็ไม่เชิงครับ

ในจินตนาการมันอาจจะดูง่ายเวลาเล่นละคร แต่พอได้มาทำจริงๆ มันมีปัจจัยหลายอย่างมากที่เราจะต้องจดจ่อ มีสมาธิด้วยมมันยากกว่าที่เราคิดไว้เยอะเหมือนกัน”

ข้าวตัง “ไม่ใช่เด็กเรียนครับ แต่โชคดีที่หัวไว แต่ว่าเป็นเด็กขี้เกียจ จำได้ครับแต่ไม่ค่อยชอบอ่าน(หัวเราะ) ตอนที่สอบติดเทคนิคการแพทย์ คือตอนนั้นไม่รู้จะเรียนอะไรครับ

แต่ว่าแม่อยากให้เรียนหมอ หมอฟัน วิศวะ ตามประสาผู้ใหญ่ ก็ได้ มันก็เป็นอาชีพที่มั่นคง ก็พยายาม ตอนแรกก็สอบไม่ติดหมอฟัน แล้วก็มาสอบวิศวะใหม่ เพราะเคยสอบไว้แล้วมีคะแนนด้วย ก็เลยสอบเพิ่มแล้วได้มาครับ”

ป๊อด “ที่บ้านเขาไม่ได้ว่าอะไร ชอบทำอะไรก็ทำเลย ทำให้เต็มที่เลย อย่างป๊อดทำอะไร ป๊อดทำเต็มที่และตั้งใจเลย เขาก็เลยเห็นว่าไม่ต้องเป็นห่วงว่าเราจะเหลวไหล หรือออกนอกลู่นอกทาง

ป๊อดมีน้องชายครับ น้องน่ารักกว่าและสูงกว่าเราด้วย คือตอนเด็กๆ ป๊อดชอบโดนเพื่อนแกล้ง เราก็เลยเก็บกด พอมีน้องก็ซื้อนมให้น้องกิน อัดเต็มที่ เราอายุห่างกัน 7 ปีครับ”

ข้าวตัง “ผมมีน้องสาว 1 คนครับ อายุห่างกัน 4 ปี ตอนนี้น้องอยู่ ม.6 น้องจะน่ารักๆ มีเนื้อให้หยิก(ยิ้ม) ตัวผมเองที่บ้านก็ปล่อยเหมือนกัน แต่ผมค่อนข้างดื้อเงียบ อะไรที่เราอยากทำถ้าแม่ห้ามก็จะแอบมีความไม่ค่อยยอม

แต่เรารู้ว่าอะไรดีไม่ดี แต่ดื้อในที่นี้คือเราอยากจะลองทำ จริงๆ ก่อนเข้ามาทำงานในนี้ก็มีเถียงกับแม่เหมือนกันว่าเราจะเอายังไง จริงๆ แม่อยากให้เรียน แต่เราอยากลองทำ เลยได้ย้ายมาเรียนที่ ม.เกษตรฯ นี้แหละ แต่สุดท้ายก็คุยกันได้ครับ

แค่เราสร้างความมั่นใจให้เขา ทำให้เขาเห็นว่าเขาสามารถปล่อยเราได้นะ ตอนนี้ก็ทำเต็มที่ครับ ตอนนี้แม่อยู่เชียงใหม่ครับ แต่เขาจะโทรมาทุกวันครับ(หัวเราะ) แต่เราไม่ใช่คนเหลวไหล อาจจะมีดื้อบ้างนิดๆ แต่เราก็ดูแลตัวเองได้ครับ เราไม่ทำไรให้เสียหายกับตัวเองอยู่แล้วครับ พ่อกับแม่ก็ไว้ใจเรามากขึ้นครับ”

ข้าวตัง “ถ้าเกิดผมไม่ได้มาทำงานตรงนี้ ก็คงเรียนหมอฟัน อยากเป็นหมอฟันครับ เพราะเราเคยเข้าค่ายแล้วเรารู้สึกชอบ มันสนุกดี แต่ตอนนี้เลือกเรียนวิศวะ เพราะเราต้องทำงานไปด้วย ผมเลือกเรียนวิศวะสิ่งแวดล้อมครับ

เราคิดว่าอนาคตมันมีส่วนสำคัญมากๆ ในชีวิตประจำวัน เราก็เลยเลือกเรียนอันนี้ด้วย ตอนแรกเราคิดว่าจะได้เรียนเกี่ยวกับดอกไม้ใบหญ้า ทุ่งหญ้าสวยๆ ต้นไม้บรรยากาศดีๆ อันนี้เป็นความคิดแรกเลยที่เราอยากเรียน

แต่ความจริงคือ เราเรียนเกี่ยวกับน้ำเน่า น้ำเสีย มลพิษต่างๆ นานาครับ(ยิ้ม) เราได้ยินว่าสิ่งแวดล้อมไง คิดว่าต้องสวยงามแน่ๆ แต่ความจริงคือบำบัดน้ำเสีย(หัวเราะ)”

ป๊อด “ของป๊อดเคยคิดว่าอยากเปิดคาเฟ่ อยากทำเป็นร้านอาหารเล็กๆ”

ทุกครั้งที่ได้ทำงาน มันคือการเรียนรู้

ป๊อด “เคยคิดเหมือนกันครับ ว่าเรามาเล่นซีรีส์เราจะไปได้ไกลถึงจุดไหน ซึ่งสุดท้ายไม่ใช่ว่าเราเล่นปุ๊บแล้วเราจะดังขึ้นมา เหมือนเราต้องเรียนรู้ตลอด มันก็เหมือนการเรียนรู้นอกห้องเรียนอย่างหนึ่ง

ซึ่งเราก็ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา มันไม่ใช่สิ่งที่เราถนัดตั้งแต่แรก เราไม่เคยมาทางนี้แต่แรก เราก็ต้องค่อยๆ ฝึกตัวเองตลอดเวลา วันนี้เขาชมว่าเราเล่นดีแล้ว วันข้างหน้าอีกเรื่องหนึ่ง เราต้องเล่นให้ดีกว่านี้”

ป๊อด “เราทั้งคู่เริ่มมีแฟนคลับ พอแฟนๆ เขารู้ว่าเรามาเล่นซีรีส์ด้วยกัน ก็กลายเป็นกลุ่มใหญ่มากขึ้น มีคนมาติดตามมากขึ้น”

ป๊อด “ไม่ได้เคยคิดว่ามันคือจุดสูงสุด อย่างที่บอกเราต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ เก่งขึ้นเรื่อยๆ”

ข้าวตัง “เราต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ”

คนรู้จักเยอะขึ้น ต้องปรับตัว

ป๊อด “ดีใจนะที่มีคนรู้จัก เวลาอยู่ข้างนอกก็เขิน ที่แบบนิ่งๆ นี่ไม่ได้หยิ่งนะ แต่เขินไม่รู้จะทำหน้ายังไง คือมันทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ไม่มีคนรู้จักใช่มั้ย จะเดินไปไหนก็ได้ แต่มาตอนนี้มีคนทักปุ๊บเราก็ เอ๊ะ ทำยังไงดีน๊า เราก็เขินแล้วทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน(ยิ้ม)”

ข้าวตัง “ก็อาจจะมีบ้างที่เข้ามาทักครับ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะดังอะไร แค่มีคนรู้จักมากขึ้น แต่เราก็ยังเป็นเราคนเดิมครับ เวลามีคนทักก็สวัสดีครับ(ยิ้มตาหยี)”

ข้าวตัง “ตอนนี้ก็มีงานเยอะขึ้นครับ(หัวเราะ)”

ป๊อด “มีงานเยอะขึ้นครับ แล้วก็ดูแลตัวเองเยอะขึ้น”

ข้าวตัง “ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองเยอะขึ้น พอเราได้ทำงานแล้วได้กลับมาพัก รู้สึกว่าเราโฟกัสกับตัวเองเยอะขึ้น ดูแลตัวเองเยอะขึ้น ผมรู้สึกดีนะ เหมือนได้กลับมาทบทวนตัวเองที่บ้านทุกวัน”

ป๊อด “คิดมากขึ้นเวลาจะออกนอกบ้านแต่งตัวยังไง ก่อนหน้านี้เยินออกนอกบ้านตลอด รองเท้าแตะ กางเกงขาสั้น เสื้อตัวหนึ่งเยินๆ ก็ออกมาแล้ว”

เป็นทั้งคู่จิ้น และพาร์ทเนอร์ที่ดีต่อกัน

ป๊อด “ไม่ได้ทุกวันขนาดนั้น แต่ว่ามีอะไรก็คุยกันมากขึ้นครับ คือเราทั้งคู่อยู่ใน GMMTV มา 3-4 ปีแล้วครับ เวลามีกิจกรรมในส่วนของบริษัทนอกเหนือจากงาน เราก็จะเจอกันตลอด ก็จะสนิทกันครับ

ถ้าในพาร์ทที่ไม่ใช่ทำงาน เราก็จะมีไปเที่ยวด้วยกันบ้างครับ แต่ในพาร์ทการทำงานพอเราได้เล่นคู่กันปุ๊บ ได้ทำงานด้วยกัน ก็จะมีเรื่องให้คุยมากขึ้นกว่าปกติครับ”

ข้าวตัง “พอเราคุยกันเรื่องงานมากขึ้น แล้วเหมือนเรื่องอื่นมันก็มาเอง กลายเป็นความสบายใจอีกหนึ่งความสบายใจของเราไปด้วย”

ป๊อด “เรื่องอายุก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะคิดว่าเราเด็กตลอดเวลา(หัวเราะ)”

ข้าวตัง “ไม่มีปัญหาครับ ด้วยความที่เขาเป็นพี่เรา เขาให้คำปรึกษาเราได้ในหลายเรื่องเราที่เพิ่งเจอ แต่เขาเจอกันมาก่อนแล้ว”

ป๊อด “เราไม่ค่อยโกรธค่อยเครียดให้กันเท่าไร ส่วนมากป๊อดจะเป็นคนที่เครียดแล้วไม่ค่อยแสดงออก อย่างเวลาเราเครียดเราก็จะไม่เอาความเครียดไปให้ใคร เวลาใครมีปัญหาก็มาเลย เราพร้อมรับฟังว่าอันไหนที่เราพร้อมแนะนำได้ เราเคยผ่านมา เราก็จะแนะนำวิธีให้เขา แต่ก็อยู่ที่ตัวเขาว่าจะทำยังไง เอาไปใช่มั้ย”

ข้าวตัง “ถ้าโกรธนี่ยากมากเลยครับ ด้วยความที่เป็นคนชิลๆ เราจะหาเหตุผลให้กับหลายๆ เรื่องเสมอ เราก็จะมองว่าเขาก็มีเหตุผลของเขามั้ง เราก็ไม่โกรธเขา แต่ถามว่า ข้าวตัง มีมุมเงียบๆ มั้ย ก็มีปกติครับ เป็นมุมที่อยู่กับตัวเอง”

ป๊อด “ทุกวันนี้ก็เป็นปกติครับ ก่อนหน้านี้เป็นคนยังไง ก็เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าพอดังแล้วนิสัยเปลี่ยน แต่เราดูแลตัวเองเยอะขึ้น แล้วระวังตัวเองมากขึ้น เหมือนคนรู้จักเรามากขึ้น เหมือนกับว่าต้องระวังคำพูด ระวังการกระทำหลายๆ อย่างมากขึ้นครับ”

ข้าวตัง “ด้วยความที่ข้าวตังไม่ค่อยได้ไปไหนอยู่แล้ว ก็ยังเป็นเหมือนเดิมครับ ก็ระวังตัวเองมากขึ้น พัฒนาตัวเองมากขึ้น เพื่อที่คนที่ติดตามเรา หรือคนที่คอยซัพพอร์ตเราจะได้เห็นอะไรมากขึ้นกว่านี้ ให้เขาได้ชื่นใจครับ(ยิ้ม)”

ขอบคุณทุกคนที่คอยซัพพอร์ตด้วยดีเสมอมา

ป๊อด “ก็ฝากซีรีส์ ต้นหนชลธี ด้วยครับ เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ไม่ใช่แค่ตลกจนเหมือนไม่มีอะไร แต่ยังไม่สอดแทรกแง่คิด สอดแทรกสาระเอาไว้ในเรื่องครับ ซึ่งอยากให้ตั้งใจดูจริงๆ เพราะว่าเราตั้งใจทำงานกันมากจริงๆ(ยิ้ม)”

ข้าวตัง “ถ้าเครียดๆ หรืออะไรมาดูผ่อนคลายได้นะ ผมรู้สึกว่าดูแล้วยิ้มได้ เป็นซีรี่ส์ที่ฟีลกู๊ดอีกเรื่องหนึ่งสำหรับผมเลย ไม่ได้อวยตัวเองนะ แต่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ(หัวเราะ) ก็อยากให้มาดูกันครับ คลายเครียดสนุกสนานครับ”

ป๊อด “ขอบคุณแฟนๆ ที่คอยซัพพอร์ต คอยสนับสนุนตั้งแต่แรกๆ เลย จนถึงวันนี้ก็ยังคอยเป็นกำลังใจมาให้กันตลอด ขอบคุณมากเลยครับ”

ข้าวตัง “ขอบคุณที่คอยซื้อน้ำซื้อข้าวให้กินครับ(หัวเราะ)”

ป๊อด “ใช่ครับ อร่อยมากเลย ขอบคุณทุกคนมากครับ(ยิ้ม)”

ข้าวตัง “ฝากซีรีส์ ต้นหนชลธี ด้วยนะครับ ตอนนี้ก็จะเข้า EP4 แล้วครับ ดูได้ทุกวันศุกร์เวลา 21.30 น. ทาง GMM25 แล้วก็ทาง AIS PLAY ครับ”

ป๊อด “ฝากด้วยนะครับ แล้วก็ฝาก ป๊อด-ข้าวตัง ด้วยนะครับ (ยิ้มอ้อนๆ)”.

ผู้เขียน : โอ้ว...ซาร่า

ช่างภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun