ดราม่าวงการนางงามยังไม่จบง่ายๆ สำหรับกรณี ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ไม่เซ็นสัญญากับ บริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์จัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ จนเกิดดราม่าโต้กันไปมาผ่านโซเชียล และฝ่ายฟ้าใสก็ได้แถลงข่าวชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วเมื่อ 9 พ.ย. 2563

ล่าสุด ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก และ ณะ ณรงค์ เลิศกิตศิริ ผู้อำนวยการกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ บริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด ร่วมด้วย นก ชวาลา ป้องขันธ์ และทนาย นายวิชิต แก้วธนะสิน, นายบัณฑิต เทพอยู่ ผู้ช่วยทนาย ได้แถลงข่าวโต้กลับถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ณ สตูดิโอ 2 สถานีโทรทัศน์ PPTVHD 36 ถนนวิภาวดีรังสิต

ฟ้าใส ปวีณสุดา ขอบคุณภาพจากไอจี @paweensuda
ฟ้าใส ปวีณสุดา ขอบคุณภาพจากไอจี @paweensuda

...

วันนี้อยากชี้แจงอะไรบ้าง?
ปุ้ย “หลายคนบอกว่าเราออกมาช้า เราไม่ได้ช้า เราติดภารกิจอยู่ เราไม่ได้มีความสุขเลยที่มีเรื่องแบบนี้ แต่ในเมื่อมันมีกระแสอยากให้ทางเราออกมาชี้แจง เราก็มา และจะเป็นการชี้แจงในเรื่องนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว

ต่อให้มันจะมีเรื่องอะไรอีกต่อจากนี้ก็ตาม จะมีอีก 100 แถลงก็ตามแต่ทาง TPN ขอหยุด เพราะเรามีสิ่งอานที่จะต้องทำอีกมายมากเลย วันนี้ขออัญเชิญพระแก้วมรกตมาไว้ ณ ตอนนี้ด้วย เพราะพระแก้วมรกตเป็นสิ่งสูงสุดที่พวกเราเคารพนับถือกัน องค์นี้มาจากที่ห้องพระบ้านพี่ปุ้ย ซึ่งตกทอดมาหลายรุ่นแล้ว”

ณะ “ที่เราต้องนำมาเพราะวันนี้เราอาจจะต้องพูดในสิ่งที่มันเป็นหลักฐานที่ไม่มีลายลักษณ์อักษร แต่สิ่งที่เราพูดทั้งหมดต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพรักในวันนี้ ก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น เลยขอเรียนอัญเชิญพระแก้วมรกตที่บ้านพี่ปุ้ยมาเป็นประธานในการแถลงข่าวของเราในวันนี้”

ไม่แถลงข่าวร่วมเพราะ?
ปุ้ย “หลายคนบอกว่าทำไมไม่เชิญฟ้าใสมาเผชิญหน้ากันตามที่เขาบอก ในความคิดของเราอย่าเอาประเด็นก่อนหน้ามาพูดมันคนละเรื่องกัน ประเด็นก่อนหน้าที่เราต้องการให้มาอยู่ต่อหน้าเพราะว่าเราพร้อมที่จะเปิดคลิป ซึ่งมันต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าตัวเปิดได้หรือไม่

แต่ครั้งนี้มันคนละเรื่องกัน การจะมานั่งดีเบตใครผิดใครถูก ใครพูด ใครไม่ได้พูด คิดว่ามันไม่ใช่ เราจะไม่ทำอย่างนั้น จะไม่สร้างกระแสแบบนี้ แล้วเราจะๆ ไม่เชิญใครเลยที่ไม่ได้อยู่ในห้วงเวลานั้นมาเพราะเขาไม่รู้ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เขาจะพูดยังไงก็ได้ ส่วนใครจะแถลง จะพูดยังไงก็เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของเขา”

นก ชวาลา เล่าบันทึกข้อตกลง
นก “ในวันที่ 6 มิ.ย. 2019 เราได้นัดผู้ปกครองเขามาอ่านข้อตกลงร่วมกัน มีเพียง 1 คนเท่านั้น จะเป็นพี่เลี้ยงหรือผู้ปกครองก็ได้ คนที่เซ็นบันทึกข้อตกลงก็คือคนที่จะอยู่ทำงานกับเราต่อ และมีการคุยเรื่องการทำงานต่างๆ และช่วงบ่ายเป็นการถ่าย VTR ชุดว่ายน้ำ

เรามีการบอกไว้ก่อนแล้วว่า ในฉบับที่พี่เลี้ยงหรือผู้ปกครองอ่านบันทึกข้อตกลงการเช้าร่วมการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ซึ่งหลังจากนี้คนใดคนหนึ่งของเราได้ตำแหน่งเราจะต้องเข้ามาเซ็นสัญญากันอีกครั้งหนึ่ง ใครไม่เข้าใจให้ยกมือถาม

ก็มีการย้ำแล้วว่าลำดับที่ 1 2 3 4 5 จะต้องเข้ามาเซ็นสัญญาอีกครั้ง แล้วยังบอกอีกด้วยว่าปีนี้เราจะทำวงการนางงามให้พัฒนาขึ้นต่อไป

ดังนั้นน้องที่อยู่ในท็อป 10 ทาง TPN จะเรียกเข้ามาเซ็นสัญญาด้วยเป็นศิลปินในสังกัด เราก็มีคลิปมาให้ดูว่ามีการเซ็นสัญญากันเกิดขึ้นโดยที่ทุกคนเข้าใจในข้อตกลง ไม่มีการทักท้วงอะไร ยกเว้นน้อง 3 คนที่ถูกตัดสิทธิ์ไป ในวันที่เราให้เซ็นก็เขียนไว้ชัดเจนว่าเป็นข้อตกลง”

ทนาย นายวิชิต แก้วธนะสิน พูดในแง่ของกฎหมาย
ทนายวิชิต : “ขอชี้แจงในส่วนของข้อตกลงในการเช้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 บันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นเพียงบันทึกที่เป็นนิติกรรมที่มีเงื่อนไข โดยจะต้องมีการทำสัญญาขึ้นใหม่อีกครั้งนึงในอนาคต ขอบเขตของสัญญา คือผูกพันตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 อันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ในข้อตกลงดังกล่าว

...

ขณะที่ทำบันทึกฉบับนี้ในวันที่ 6 มิ.ย. ทางบริษัทและผู้ให้สัญญายังไม่สามารถที่จะระบุได้ว่าผู้ใหญ่สัญญาทั้ง 60 คน ใครจะได้รับตำแหน่งนั้น ดังนั้นจึงมีเงื่อนไขในการที่จะเข้าถึงสัญญากับบริษัทอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ผู้ให้สัญญาได้รับตำแหน่งการประกวดนั้นแล้ว โดยสัญญาที่จะทำขึ้นดังกล่าวจะระบุตำแหน่งของผู้ให้สัญญา เพื่อให้ผู้รับสัญญาได้รับเงินรางวัล ของรางวัลตามที่บริษัทไดทำบันทึกฉบับวันที่ 6 มิ.ย. ไว้”

“ซึ่งทางบริษัทได้ตกลงจะให้เงินรางวัลแก่ผู้ให้สัญญาในระยะเวลา 30 วัน นับจากลงนามในสัญญา ซึ่งมันมีเงื่อนไขตรงนี้อยู่ในข้อตกลงตัวนั้นแล้ว ของฟ้าใสก็จะมีระบุไว้ด้วยในการรับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 จะมีการแสดงข้อตกลงดังกล่าวว่าคู่สัญญาต้องสัญญาอีกฉบับนึงกับบริษัท

บันทึกดังกล่าวจึงยังถือเป็นสัญญาไม่ได้ หรือถ้าจะถือเป็นสัญญา สัญญาตัวนั้นก็ยังไม่เกิดขึ้นเพราะยังไม่ได้มีการทำตามกำหนดในบันทึกข้อตกลง ทางฝ่ายกฎหมายก็ได้มีการคุยกับน้องฟ้าใสแล้วก็ได้คุยกับทนายและญาติของน้อง โดยน้องประสงค์ว่าไม่มีความต้องการที่จะเข้ามาทำสัญญากับทางบริษัท และมีข้อตกลงกันว่าจะไม่เปิดเผยในรายละเอียดต่างๆ”

เซ็นข้อตกลงต่อด้วยทำสัญญาเป็นธรรมเนียมที่ทำมาตลอด?
ปุ้ย “สำหรับเราบันทึกฉบับนี้เป็นธรรมเนียมที่ทำกันมาไม่รู้กี่สิบปีแล้ว ทุกเวทีปฎิบัติเป็นประเพณีปฏิบัติ ไม่ใช่อยู่ดีๆ เราทำขึ้นมา ซึ่งทุกคนก็รับรู้และเข้าใจดีว่ามันคือข้อตกลง

เราได้ถามนางงามของเราทุกซีซั่นว่าสิ่งเหล่านี้พวกหนูเรียกมันว่าอะไร น้องทุกคนบอกว่าข้อตกลงค่ะ แล้วใครที่เดินไปคว้ามงกุฎ ไปคว้าดวงดาวได้จะต้องกลับมาทำสัญญาตามระบบ น้องบางคนบอกว่าพอได้มงกุฎ สายสะพายเขาก็เซ็นเลยวันนั้น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องผิด มันเป็นเรื่องที่ควรจะต้องทำ เราลองไปถามเวทีอื่นเขาก็บอกว่ามันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติจริงๆ ก็ไม่มีใครมีปัญหาอะไรเลย”

...

สัญญามีการแก้ไขไปมา? สัญญาถูกเปลี่ยนเพราะจะมีโปรเจกต์ร่วมกับฟ้าใส?
ปุ้ย “ขอเคลียร์เรื่อง 3 ปี กับ 50 เปอร์เซ็นต์ ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พี่ปุ้ยนับถือ บูชา และสวดมนต์ในทุกๆ โอกาส ในทุกๆวันพระ ขอบอกตรงนี้ว่าเราไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตรงนี้เลย เพราะไม่ได้คิดว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลง”

ณะ “เรานั่งคุยกัน เราเห็นพ้องต้องกันถึงอนาคตของฟ้าใสว่าเราควรจะทำอะไรต่อไหม ณ เวลานั้นเราเห็นว่าฟ้าใสเป็นคนที่มีศักยภาพหนึ่งคน เราจึงพูดถึงเรื่องการตั้งอะคาเดมี่นางงามขึ้น”

ปุ้ย “เราไม่ได้พูดถึงว่าถ้าเขาได้ตำแหน่งแล้วจะทำ ได้ไม่ได้เราไม่พูดถึง เอาไว้ก่อน เราพูดว่าเสร็จสิ้นการประกวดแล้ว พอเรากลับมาจากแอตแลนต้า เราจะทำอะไรด้วยกัน”

ณะ “เขาก็บอกว่าเขาอยากจะทำอะคาเดมี่ สอนทุกอย่างเพื่อจะปั้นนางงามที่มีคุณภาพของประเทศไทย เพื่อที่เราจะไปคว้ามงกุฎในเวทีต่างๆ นั้นคือสิ่งที่น้องอยากทำแล้วเราเห็นด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของการทำสัญญา ก็คุยกันว่าเราตั้งให้น้องเป็นผู้บริหารนะ เราก็มาคุยกันว่าทำสัญญายังไง น้องเขาก็บอกว่าเป็นสัญญาตลอดชีวิตไหม”

ปุ้ย “ เราก็บอกไปว่าฉันให้เธอทำไปตลอดชีวิตนั้นแหละ เพราะเดี๋ยวมันก็จะมีรุ่นอื่นๆ มาต่อด้วย ทำเพื่อสร้างอาณาจักร MUT ของเราให้ยิ่งใหญ่ นี่คือสิ่งที่พูดในห้องประชุมด้วยกัน น้องเขาก็กังวลว่าจะจ้างเขาแค่ปีเดียว เราก็บอกว่างั้นเอาต่อทีละ 3 ปีแล้วกัน อย่านานกว่านี้เลย ปวดหัว 

แล้ว 3 ปีมันไม่ใช่เวลาที่โหดร้าย เพราะทุกเวทีก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งสัญญาตัวนี้ไม่ได้แยกมาจากสัญญามิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 มันอยู่ในสัญญารวมของการทำงานทั้งหมด แต่สัญญาที่จะเป็นนางงามนี่ 1 ปี ที่เหลือปฏิบัติงาน 2 ปี มาถึงเรื่อง 50 : 50 ก่อนที่จะไปประกวดเป็นเดือนเลย

...

เรามีการคุยกันว่าถ้ามีงานที่ต่างประเทศจะอะไรก็ตามเราขอไว้ซัก 50 : 50 เพื่อเราจะรับผิดชอบดูแลทั้งหมด ค่าอะไรต่อมิอะไร รวมถึงค่าเดินทาง จึงเป็นที่มาของ 50 : 50”

เรื่องวันที่ 17 ก.ค.?
นก “ในวันนั้นไทม์ไลน์มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราประกวดเสร็จวันที่ 19 แต่ระหว่างทางมันมีการแยกสัญญาแต่ละฉบับของผู้ชนะเลิศต่างๆ 1 2 3 4 5 มันต้องมีการทำแยกฉบับกันจากก่อนหน้านี้ที่เราเขียนรวมไว้

ระหว่างที่ผู้ได้รับตำแหน่งไปปฏิบัติหน้าที่ เรารู้แล้วว่าวันที่ 17 ทีมจะได้กลับมาเจอกันครั้งแรก เราก็บอกว่างั้นพี่ปุ้ยก็ให้ทุกคนเซ็นสัญญาวันนี้ให้เสร็จไปเลยเพราะจะได้เจอกันครบทุกคนครั้งแรก ซึ่งในวันที่ 17 ก.ค. ทุกคนรู้กันหมดว่าเราจะมาทำงานด้วยกัน เจอกันครบและเซ็นสัญญา แต่ปรากฏว่า 4 สาวมาเจอเราเลย นัมเบอร์วันของเราไปฟิตติ้งอีกชุดนึงกับสปอนเซอร์อีกท่าน มาเจอกันตอนเย็น”

ปุ้ย “ที่น้องบอกว่าน้องไม่รู้ว่าจะต้องเซ็นสัญญาในวันที่ 17 ก.ค. อย่าไปโทษว่าทำไมเพื่อนๆ ไม่บอก คือ 4 คนเขารู้กันหมด ของอย่างนี้มันมีเหตุจำเป็นไหมที่จะต้องงุบงิบพูด

สมมติถ้าน้องไม่รู้เลยจริงๆ แล้วตลอดระเวลาเวลา 3-4 เดือนก่อนจะไปประกวด น้องได้ตำแหน่ง และเป็นผลประโยชน์ของน้อง น้องจะไม่ถามสักคำเลยเหรอว่าทำไมหนูยังไม่ได้เซ็น ไม่ใช่ว่า TPN เพิกเฉยหรือไม่ได้ทวงถามเชิญเข้ามาเซ็นสัญญา”

นก “ดูจากไทม์ไลน์กรุ๊ปแชต จะเห็นว่าเรานัดเข้ามาเซ็น มีการบอกกันว่าจะมาเซ็นวันที่ 11"

น้องไม่เข้าใจทำไมต้องมีการเซ็นสัญญาฉบับที่ 2 ที่ 3?
ปุ้ย “แล้วที่ว่ามันต้องมีการเซ็นสัญญาฉบับที่ 2 ที่ 3 เกิดขึ้น จะชี้แจงว่ามันไม่ได้มีสัญญาที่ 2 ที่ 3 ที่พูดมาทั้งหมดก่อนหน้านี้มันเป็นการพูดถึงร่างสัญญา แต่ยังไม่ได้มีการทำสัญญาจริงเกิดขึ้น ยังไม่มีการเซ็น ซึ่งเราแจ้งไปแล้วว่าจะมีการเซ็นกันใหม่อีกรอบ”

นก “ในข้อตกลงระบุไว้ว่าคุณจะต้องเข้ามาเซ็นสัญญานับจากวันที่ลงนามในสัญญา 30 วัน คือมันมีการบอกไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีการเข้ามาเซ็นสัญญาภายใน 30 วันหลังจากได้รับตำแหน่ง ซึ่งเขาก็รับรู้ในวันนั้นแล้วเพราะน้องเซ็นรับทราบไว้เรียบร้อย”

ปุ้ย “ในนี้จะเขียนไว้เลยงวดแรกจ่ายเงิน 750,000 ถ้วนภายในระยะเวลาลงนามในสัญญา งวดที่ 2 จ่ายเงินจำนวน 750,000 ถ้วนภายใน 30 วันหลังจากส่งมอบตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ในปีถัดไป มงกุฎ เกียรติยศ สายสะพาย รถยนต์ ที่พักระหว่างดำรงตำแหน่ง”

แปลว่าเอกสารฉบับนี้ชัดเจนว่าเมื่อคุณได้มงกุฎ คุณจะต้องเซ็นสัญญาต่อ?
ปุ้ย “ถูกต้อง เรื่องเงินรางวัลข้อ 4 บริษัทตกลงมอบเงินรางวัลและของรางวัลให้แก่ผู้ให้สัญญาคือมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 นั่นหมายความว่าแต่ละฉบับจะมีข้อความตรงนี้เปลี่ยนไป คือรองอันดับ 1-4 จะแยกสัญญาเลย”

สัญญาไม่ถูกเซ็นเพราะผลประโยชน์ที่ให้มีการเปลี่ยนแปลงจาก 1 ปี เป็น 2 ปี 3 ปี?
ปุ้ย “ไม่มีจาก 1 ปี ไป 2 ปี 3 ปีค่ะ มีสัญญานางงาม 1 ปี และสัญญาที่ลงไว้ 2 ปี เป็น 3 ปี นั่นก็คือสิ่งที่พี่พูดไปแล้ว ในเรื่องการเปิดบริษัทร่วมกัน จะสร้างอะคาเดมี่ร่วมกัน เราก็ลงไว้ให้ 3 ปี ถามว่าถ้าน้องไม่พอใจ ไม่เห็นด้วย ไม่ชอบใจ ทำไมทิ้งร้างไว้ พี่ปุ้ยก็โทรศัพท์ติดตามด้วยให้มาเซ็นได้แล้ว เพราะมันใกล้เวลาไปประกวดที่ต่างประเทศแล้ว”

ที่ไม่เซ็น ทางฝั่งนั้นเหมือนการตกลงไม่ตรงกัน จริงๆ เราไม่เซ็นเพราะอะไร?
ปุ้ย “การเซ็นสัญญาต้องประกอบโดยผู้ให้สัญญาและผู้รับสัญญา แล้วพี่อยู่กับพี่ณะ 2 คนจะให้เซ็นกับใคร พี่ก็ไม่ใช่ไม่เรียก”

เขาบอกว่าเขาก็พยายามทวงถามตลอด?
ปุ้ย “น้องขึ้นไทม์ไลน์ 1 อันใช่ไหมคะ เดี๋ยวอันนั้นเราจะขึ้นไทม์ไลน์ไว้ว่าสิ่งที่น้องทวงถามวันนั้น น้องต้องการเข้ามาเซ็นสัญญาอะไร เอาทีละซีรีส์”

ณะ “คือซีรีส์แรกคือก่อนไปประกวด ซึ่งน้องต้องเซ็นสัญญาตั้งแต่ก่อนไปประกวดแล้ว”

ปุ้ย “พี่ขอถามไปถึงเวทีทุกเวที การที่เราจะส่งนางงามตัวเองไปประกวดเวทีระดับโลก อันนี้เป็นข้อผิดพลาดของพี่ปุ้ยและพี่ณะ เพราะไม่ได้คิดว่าสัญญาเป็นเรื่องสำคัญ

แต่สิ่งที่สำคัญกว่าสัญญาคือสัญญาใจและสัจจะที่ให้ต่อกัน อันนี้พี่พลาดเอง ซึ่งได้มีการทวงถามตลอด เพราะการกรอกเอกสารทางเวทีใหญ่แจ้งเราช้า เพราะต้องหาเมืองที่จะจัดการประกวด เรามีเวลาน้อยมากในการเตรียมเอกสาร และเอกสารเขาเยอะมาก เราจะต้องแนบสัญญาที่ผู้เข้าประกวดมีต่อองค์กร เพื่อยืนยันว่าเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ที่ถูกต้องทางกฎหมาย

ในเรื่องสัญญาจะเป็นเรื่องที่กองแม่เซ็นกับ ND ของตัวเอง เราก็ทวงถามตลอดทั้งด้วยวาจา ทั้งโทรศัพท์ ตอนนั้นเราก็เข้าใจว่าน้องยุ่งมาก น้องเหนื่อย ซ้อมหนัก จนกระทั่งมันใกล้วันก็ยังไม่มีการเซ็นสัญญากัน จนเป็นที่มาของผู้จัดการกองและฝ่ายทำเอกสารเขาเอาไปฝากให้น้องก่อนจะเดินทาง”

น้องบอกว่ากองให้สัญญามาช้ามาก ส่งให้เที่ยงคืนก่อนจะบิน?
ปุ้ย “เป้าหมายของ TPN คือมงที่ 3 จะต้องมาสู่ประเทศไทยแล้ว มันมีเหตุผลอะไรที่จะต้องบ่ายเบี่ยงหรือไม่ให้น้องเห็นสัญญา เรามีพยานบุคคลหลายคนที่เห็นน้องดูสัญญา ซึ่งไม่ใช่คนของ TPN ด้วยซ้ำ”

ณะ “มันมีหลายครั้งมากที่ขอสัญญาแล้วขอสัญญาอีกเพราะน้องทำหาย เราก็มีการคุยกันด้วยซ้ำ ส่วนตัวพี่ณะโกรธด้วยซ้ำว่าทำไมสัญญาทำหายได้ไง เป็นเรื่องสำคัญนะ ส่งแล้วส่งอีก มีพยานหลายคนเห็นที่น้องเอากลับไปดูเพื่อศึกษาและปรึกษาผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร

ก็มีการแนะนำมาตลอดว่าถ้าน้องไม่พอใจสัญญาข้อไหนก็มาคุยกันสิ เพราะนั่นเป็นแค่ร่างสัญญา เราต้องไปที่โน่นแล้ว เราไม่มีสัญญาฉบับนี้ เราจะไปยื่นให้เขาได้ยังไง เราจะตอบกองแม่ได้ยังไงว่า National Director ของเราส่งเอกสารไม่ครบ เราอายเขานะ”

ปุ้ย “ถามว่าทำไมในที่สุดได้ประกวด พี่ก็บอกกับทางผู้ใหญ่ของน้องว่าพี่ต้องไปคุยกับผู้ใหญ่ของกอง และเซ็นรับรองว่าทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย น้องได้มีข้อตกลงกับกองเรียบร้อยแล้ว ขอยืนยัน ซึ่งนั่นเกิดขึ้นตอนไปที่แอตแลนตาแล้ว”

แสดงว่าตอนฟ้าใสไปประกวดก็ไม่เข้าเกณฑ์ของกองแม่ แต่เราไปขอเขา?
ปุ้ย “ก็ขอเขานะคะ คือพี่ปุ้ยมองว่าทางกองแม่ไม่ได้มีเจตนาจะมาบอกว่านิดนึงก็ไม่ได้ เพียงแต่เราไปยืนยันตัวตนและมีลายเซ็นของกรรมการ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้เหมือนกัน

พี่ปุ้ยต้องเซ็นกับกรรมการทั้งหมด 10 คนในรอบไฟนอล พี่ณะเป็นคนถือไป เพราะกรรมการ 10 คนนี้เป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคม โดยให้เซ็นว่าตัดสินให้คนนี้เป็นมิสยูนิเวิร์สในวันนั้น ซึ่งเขามีแบบฟอร์มนี้อยู่แล้ว”

ณะ “นอกจากนี้วันนั้นคนที่มอบมงกุฎให้น้องคือ แคทริโอน่า เกรย์”

ปุ้ย “ในการทำงานของทุกประเทศทุกองค์กร ถึงแม้ทุกคนจะทราบว่าเขาเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ แต่ประเด็นคือส่งเอกสารให้ครบรึยัง พี่ปุ้ยไม่อยากพาดพิงเยอะเพราะมันจะไม่ดีมากๆ”

น้องทราบมั้ยว่าการที่เขาไม่เซ็น มันส่งผลกระทบยังไงกับเขาและกองบ้าง?
ปุ้ย “ทำไมจะไม่ทราบ พี่ปุ้ยเป็นคนพูดเองค่ะ”

สุดท้ายการที่น้องไปประกวด คือ ทางกองแก้ปัญหาเองแม้ว่าจะไม่มีสัญญา?
ปุ้ย “ค่ะ ก็พี่ปุ้ยได้เซ็นรับรองและแจ้งคุณแม่ของน้องด้วย มีการไปเซ็นด้วยตัวเอง เพราะถ้าผิดพลาดอาจจะโดนปลด ทำเพื่อให้มันจบ”

อันนี้มีผลต่อการไม่ได้มงกุฎมิสยูนิเวิร์สมั้ย?
ปุ้ย “พี่ไม่ทราบค่ะ เพราะไม่ได้เป็นกอง MU ค่ะ”

คิดว่าน้องไม่ยอมเซ็นสัญญาเพราะอะไร ผู้จัดการกับน้องมีการเปลี่ยนหรือรีเควสท์สัญญาตรงไหน?
ปุ้ย “ถามพี่ปุ้ย พี่ปุ้ยก็ไม่ทราบเลย พี่ปุ้ยรอตลอดให้เข้ามาคุย ตามความเข้าใจของพี่คือไม่อยากกดดัน”

เขาย้ำตลอดว่าปัญหาคือสัญญาแต่ละฉบับ ตัวเลขปีผูกพันเปลี่ยนไป เราเลยอยากรู้ว่าเปลี่ยนจากกี่ปีเป็นกี่ปี เปอร์เซ็นต์เปลี่ยนไปยังไง?
ณะ “คือต้องบอกก่อนว่าไทม์ไลน์ช่วงแรกก่อนไปแอตแลนตา น้องยังอยู่ในกองประกวด ดูแลโดยผู้จัดการคนเก่า เขาไม่เข้ามาเซ็น ไม่มีการต่อรองอะไรสักอย่าง ทวงถามแล้วก็ไม่ส่งสัญญาณอะไรเลย สัญญาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง”

เขาบอกว่าเราเรียกผลประโยชน์เยอะ?
ปุ้ย “ข้อสัญญาในประเทศก็ยัง 70 : 30 เหมือนเดิม น้องได้ 70 เราได้ 30 แต่แรกที่คุยกันไว้เรื่องงานต่างประเทศ ก็ยังเป็น 50 :50 จนกระทั่งแอตแลนต้า น้องก็ยังไม่เซ็น เขาบอกว่ามีเวลาหลายวันเดี๋ยวค่อยคุย

(เปิดร่างสัญญาที่คุณแม่ของฟ้าใสขอให้แก้) อันนี้เป็นสัญญาที่มีมาตั้งแต่ Day 1 แต่ตอนไปถึงแอตแลนต้า น้องบอกว่าลืมเอามา เราก็ตกใจเลย ก็เลยให้ทีมงานทีมที่ 2 ที่บินตามมาเอาสัญญามาให้อีก หลังจากนั้นคุณแม่ก็ได้อ่านสัญญาและขอแก้สัญญา พี่ปุ้ยก็แก้ให้หมดค่ะ”

มีข้อไหนที่ขอให้แก้แล้วตกใจ?
ปุ้ย “พี่ไม่ได้ตกใจหรอก แต่พี่ก็แก้ให้หมด อย่างข้อการกุศล เดิมทีพี่ปุ้ยเน้นเรื่องนางงามต้องทำงานการกุศล พี่ปุ้ยบอกว่าจะต้องทำการกุศลปีนึงไม่น้อยกว่า 12 ครั้ง แต่คุณแม่ขอแก้เป็นไม่เกิน 12 ครั้งต่อปี พี่ปุ้ยก็ย้ำให้เป็น 12 และเซ็นกำกับต่อหน้าคุณแม่ แต่คุณแม่ไม่เซ็นก็ไม่เป็นไร

ข้อ 5.3 เรื่องการถ่ายให้สปอนเซอร์ ถ้าในสัญญาข้อตกลงคือ 1 ครั้ง แต่อันนี้เราได้ยกออกไปแล้ว ซึ่งแก้ตามความประสงค์ของคุณแม่แล้ว แต่คุณแม่ไม่เซ็นค่ะ คือมีการตามตลอด และพี่ปุ้ยก็มีพยานบุคคล เพราะพี่ปุ้ยก็วิ่งไปปรินท์ที่โรงแรม ไปรอรับ และทุกครั้งจะมีน้องๆ ที่ร่วมทีมไปด้วย มีการโทรคุยกันว่าจะแก้ และพี่ปุ้ยเขียนไปว่าสัญญาแก้ตามที่ตกลงกันแล้ว”

มีข้อตกลงไหนที่ไม่ยอมแก้ให้ไหม?
ปุ้ย “เรื่องการได้เงิน เพราะการได้เงิน พี่ปุ้ยเขียนในสัญญาว่าขอเป็น 60 วัน ซึ่งคุยกันตั้งแต่แรกแล้ว มีแค่นี้ค่ะ ถามว่าเป็นจุดนี้รึเปล่าที่เขาไม่ยอมเซ็นสัญญา ก็ไม่รู้ค่ะ ถามว่าเรื่องเปอร์เซ็นต์รึเปล่าก็ไม่ทราบอีกเหมือนกันค่ะ แต่ในสัญญามันระบุชัดเจนอยู่แล้ว”

ตอนไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส เราก็ต้องตามล่าสัญญาเพื่อจะส่งให้กองประกวดใหญ่?
ปุ้ย “พูดเบาๆ อายเค้า ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ พี่ปุ้ยถามว่าอยู่โรงแรมไหนจะได้ไปเอา เขาก็บอกว่าออกมาแล้ว อยู่บนรถ เราก็เลยบอกว่าจะกลับมาถึงกี่โมงให้แจ้งจะได้ให้คนไปรับเอกสาร อันนี้สำคัญมากๆ ถามว่าทำไมต้องตามขนาดนั้น ในเมื่อฟ้าใสเข้ากองประกวดแล้ว เพราะไม่อยากให้เขาว่าทำปีแรกก็ไม่เป็นมืออาชีพ ส่งเอกสารไม่ครบ

ตอนแรกที่เขารับจากมือพี่ปุ้ย คุณแม่บอกว่าเดี๋ยวดูให้ เพราะน้องอาจไม่อยากปรึกษาใคร รอคุณแม่มาอ่าน แต่เขาก็ไม่เซ็น และคุณแม่พูดโทรศัพท์กับพี่ว่าไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวน้องกลับไปเมืองไทยน้องก็เซ็นเอง เพราะน้องอายุ 26 แล้ว อยากเซ็นทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ใช่คุณแม่ไปทำแทน พี่ก็โอเคไม่เป็นไร เพราะประกวดไปแล้ว ก็เลยรอกลับไปเซ็นที่เมืองไทย

พอกลับมาเมืองไทย เราจะจัดงานปีใหม่ 31 ม.ค. แล้ววันที่ 15 ม.ค. น้องเข้ามาที่ TPN พร้อมญาติผู้ใหญ่ 2 ท่าน เราก็เอาสัญญาต้นฉบับที่เราแก้ตามคุณแม่ทุกอย่างมาให้ดู คุณลุงคุณป้าก็ช่วยดู ซึ่งคุณลุงคุณป้าก็น่ารัก บอกแล้วแต่จะสะดวกใจยังไง เราก็บอกให้เขาเอากลับไปอ่านอีกครั้ง แล้วเดี๋ยวนัดกันมาว่าจะเซ็นวันไหน ลุงถามว่าจะอ่านกี่วัน น้องบอกว่าจะอ่าน 3 วัน”

เรื่องสปอนเซอร์ล่ะ?
ปุ้ย “สปอนเซอร์ทำคู่สัญญากับ TPN อย่างวันนี้เราให้ MUT 2020 ไปรับรถ TPN เป็นคนเซ็นสัญญา และต้องจ่ายค่าภาษีโฆษณา เขาเซ็นกับเราค่ะ เราก็ต้องแนบด้วยว่าเด็กคนนี้เซ็นสัญญากับเราแล้ว เพื่อจะปฏิบัติภารกิจโฆษณาของ Third Party นี่คือเหตุผลทำไมต้องมีสัญญา

(ถ้าไม่เซ็นสัญญาจะมีผลต่อสปอนเซอร์?) ค่ะ ถ้าเรามั่วๆ เอาบันทึกข้อตกลงให้เขา พี่ท้าให้ถามทุกสปอนเซอร์เลยว่าใครจะไปจ่ายของ เพราะในนั้นไม่ได้ระบุเลยว่าใครจะได้ตำแหน่ง คนๆ นั้นจะไปตอบแทนสปอนเซอร์ตามที่ทำสัญญากับบริษัทหรือไม่ นี่คือคำถามเหมือนกัน

ตอนนั้นพี่ยังทำเช็ครอไว้เพราะคิดว่าน้องจะเซ็นสัญญา เพราะพี่ปุ้ยมองว่าเขาเซ็นแล้วควรจะได้ตังค์แล้ว พอเวลาผ่านไปหลายวัน บริษัทก็เลยทำหนังสือไปแจ้งบอกกล่าวในวันที่ 27 ม.ค. โดยผู้จัดการกองนำไปให้กับมือ

ซึ่งจะมาบอกว่าไม่ได้รับการติดตามทวงถามจากบริษัทก็เป็นไปไม่ได้ ถามว่าทำไมถึงส่งโนติสไป คือปรึกษากับฝ่ายกฎหมาย เพราะเพื่อนที่เป็นสปอนเซอร์ทวงถามแล้ว พอส่งเอกสารไปเขาก็ได้รับ ก็มีโอกาสคุยกับผู้จัดการ เขาบอกว่าจะไปหาเช้าวันที่ 28 ม.ค. จะไปยื่นให้ด้วยตัวเองที่คอนโด

ซึ่งน้องก็รับทราบแล้ว แล้วหายกันไปอีก จนกระทั่งมีไลน์ที่น้องบอกว่าเป็นคนทวงถาม แต่คือจริงๆ โนติสถูกส่งไปแล้วถึงเกิดเหตุการณ์นี้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ น้องมาทวงถาม น้องเล่าตัดตอนไปนิดนึง ในที่สุดก็ได้มาเจอในวันที่ 21 ก.พ. เขาก็มากับคุณลุงญาติผู้ใหญ่ท่านเดิมพร้อมกับทนาย แต่น้องมาพร้อมกับสัญญาที่ทำมาเอง

โดยสัญญาระบุว่าเงินรางวัล 1.5 ล้านบาท แบ่งจ่าย 2 งวด งวดแรก 7.5 แสนบาท จ่ายในวันที่ลงนาม งวดที่ 2 7.5 แสนบาท จ่ายภายใน 14 วัน

แต่ข้อที่ 4.1.1 ซึ่งเกี่ยวกับงานสาธารณกุศล บอกว่า ในกรณีที่ผู้ให้สัญญาปฏิบัติหน้าที่ครบ 12 ครั้งแล้ว ผู้ให้สัญญาสามารถปฏิเสธงานต่อๆ ไป หรือเรียกร้องค่าตอบแทนจากบริษัทเป็นจำนวนเงิน 15,000 บาท/ครั้ง สำหรับงานในกรุงเทพฯ หรือ 30,000 บาท/ครั้ง/วัน สำหรับงานต่างจังหวัด ทั้งนี้การปฏิบัติงานไม่เกิน 3 ชม./วัน

พี่ถึงกับถอดแว่นและบอกว่าข้อนี้ทำใจไม่ได้จริงๆ การทำงานการกุศล TPN ไม่สามารถไปเรียกเงินได้หรอก ไม่เขียนซะดีกว่า ถ้าคุณไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา

มาถึงข้อ 4.11 พี่ก็ถอดแว่นอีกรอบ เพราะน้องใส่มาว่า ผู้ให้สัญญาสามารถรับงานอื่นๆ นอกเหนือจากข้อ 4.7 คืองานบันเทิงถ่ายแบบโฆษณา น้องบอกว่า อาทิ งานสอนพิเศษ งานเบื้องหลัง งานนอกจอ และ/หรือช่องทางออนไลน์เป็นของตนเองได้โดยไม่ต้องแบ่งค่าตอบแทนใดๆ ให้บริษัท ทั้งนี้ผู้ปฏิบัติต้องให้คิวงานกับผู้ดูแลเป็นหลัก และแจ้งให้บริษัทหรือผู้ดูแลทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับตารางงานนอกเหนือจากที่ผู้ดูแลจัดเตรียมให้ ข้อนี้พี่อาจตีความผิดก็ได้ รู้สึกว่าหนูไม่ต้องเซ็นก็ได้ หนูรับเองทั้งหมด พี่ดูแล้วก็อย่าเลย

และมันมีหน้าที่ของบริษัทข้อ 5.4 ที่บอกว่าต้องมีการจัดการเรียนการสอนฝึกอบรมศิลปิน อันนี้พี่ไม่ติด แต่มาติดข้อสุดท้ายว่า ทั้งนี้การเข้าร่วมเวิร์กช็อปขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ให้สัญญาด้วย มันมีมั้ยคะสัญญาแบบนี้ คุณไปสมัครงาน น้องมีส่งสัญญาส่วนตัวให้บริษัทด้วย เป็นไปได้มั้ยคะ

แล้วก็มีข้อ 5.7 คือ ต้องไม่ดูหมิ่นเหยียดหยาม หรือกระทำการอื่นใดที่เป็นการไม่สมควรแก่ผู้ให้สัญญา ครอบครัวผู้ให้สัญญา ผู้ดูแล 5.8 ต้องไม่ทำให้ผู้ให้สัญญาเสื่อมเสียชื่อเสียง และมีอีก ข้อ 5.9 ต้องไม่ประพฤติตนให้เป็นที่เสื่อมเสียชื่อเสียงจนมีผลกระทบต่ออาชีพของผู้ให้สัญญา

แปลว่าบริษัทห้ามทำอะไรที่เสื่อมเสียชื่อเสียงที่ทำให้เธอเสื่อมเสีย ซึ่งสัญญาแบบนี้เป็นสัญญาที่บริษัทควรทำกับลูกน้องในบริษัทมั้ย หรือลูกน้องทำสัญญาว่าเจ้าของบริษัทต้องไม่ทำให้น้องเสื่อมเสีย เราก็เลยงง

และมีเรื่องของค่าตอบแทน ในกรณีลูกค้าจ่ายค่าจ้างให้บริษัทช้ากว่ากำหนด ทางบริษัทต้องชำระค่าตอบแทนเป็นเครดิตให้แก่ผู้ให้สัญญาใน 30 วัน หลังจากที่ผู้ให้สัญญาปฏิบัติหน้าที่หรือปรากฏตัวในงานเป็นที่เรียบร้อย ในกรณีที่ผู้จ้างจ่ายค่าจ้างให้เร็วกว่ากำหนด บริษัทสามารถจ่ายค่าตอบแทนให้ผู้ให้สัญญาได้ก่อนกำหนด

ข้อ 7.2 แม้สัญญาจะไม่ครบกำหนดในระยะเวลา บริษัทสามารถบอกเลิกสัญญาได้ โดยทำเป็นลายลักษณ์อักษรบอกกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน

โดยบริษัทต้องชำระค่าตอบแทนงานที่ผู้ให้สัญญาได้ทำไปเรียบร้อยแล้ว และค่าตอบแทนที่จะได้รับจากงานในอนาคตที่จัดเตรียมผู้ให้สัญญา รวมถึงมอบเงินรางวัลและของรางวัลเงื่อนไขอื่นๆ ตามเงื่อนไขข้อ 3 ให้ครบถ้วนกับผู้ให้สัญญาในวันยกเลิกสัญญา

ข้อนี้แปลว่าถ้ามีการยกเลิกสัญญา พี่ต้องจ่ายให้หมดเลย จ่ายทั้งของรางวัลทุกอย่าง รวมถึงงานในอนาคตที่ยังไม่เกิดด้วย มันไม่ใช่อะ”

สัญญาฉบับนี้เป็นสัญญาสุดท้ายที่ตกลงกันหรือยัง?
ปุ้ย “ยังค่ะ เพราะเรามองแล้วว่าเราไม่สะดวกใจ กับเงื่อนไขของทางฟ้าใส ซึ่งไม่เกี่ยวกับตัวเงิน แต่เป็นเรื่องของอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าน้องน่าจะไม่มีความสุขถ้าอยู่กับทางกอง จึงเป็นที่มาของการคุยกันในวันนั้นเลย โดยทางฟ้าใสยื่นข้อเสนอไม่ขอเข้าทำสัญญากับทางบริษัท นัยสำคัญมีอยู่ว่า

- ฟ้าใสมีความประสงค์ไม่เข้าทำสัญญาผูกพันกับบริษัททั้งในฐานะ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 และในฐานะนักแสดงภายใต้สังกัดของบริษัทอีกต่อไป

- ฟ้าใสจะปฏิบัติหน้าที่อำลาตำแหน่ง ในวัน เวลา ที่บริษัทกำหนดไว้ในการประกวด MUT 2020 เราก็ขอวงเล็บไปว่า ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเชิญผู้ให้สัญญามาในวันที่อำลาตำแหน่ง แต่ในที่สุดด้วยความที่อยากจบด้วยดี ก็เชิญน้องมาในวันอำลาตำแหน่ง และให้มอบมงกุฏให้ผู้ชนะ ถ่ายสูจิบัตร

- มีการตกลงกันว่า จะให้เงินรางวัลตามที่ทางฟ้าใสร้องขอ พร้อมสายสะพาย ส่วนของรางวัลอื่นที่ตามข้อตกลงที่สองฝ่ายที่เคยทำขึ้น นอกจากตามที่ตกลง จะยกเลิกทั้งสิ้น ในส่วนที่ฟ้าใสมาขอทำมงกุฎเอง ทางบริษัทก็อนุญาต”

ฟ้าใสยังเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ไหม?
ปุ้ย “ในความรู้สึกที่ไม่เกี่ยวกับตัวสัญญา เราก็ให้เขาเป็นเพราะผ่านการประกวดมาแล้ว”

ทำไมไม่ปลด?
ปุ้ย “คือเรื่องมันตั้งแต่กุมภาพันธ์ และทางเราก็อยากให้จบด้วยดี ในกรณีที่ของรางวัลมูลค่าค่อนข้างเยอะ แต่ฟ้าใสขอเพียง 5 แสนบาทนั้น คาดว่าน้องคงไม่สะดวกใจที่จะทำงานกับทางเราต่อ ยืนยันว่าที่ผ่านมาพยายามดูแลน้องอย่างดี

เรื่องมงกุฎน้องขอไปทำเอง ไม่ได้เรียกร้องอะไร ก็เป็นไปตามสัญญาสุดท้าย แต่ถ้ามีใครมาถามว่า มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 คือใคร เราก็ต้องตอบว่า ปวีณสุดา ดรูอิ้น อยู่แล้ว ไม่ได้อยากให้ตีความทางกฎหมาย อยากให้ตีความที่ความรู้สึก ที่ผ่านมาเราก็ทำกิจกรรมด้วยกัน จริงๆ ไม่ได้อยากมาพูดอะไร แต่ด้วยกระแสต่างๆ ออกมา จึงต้องออกมาพูด

สัญญาทาส?
ปุ้ย “ต้องถามน้องๆ ว่าทาสหรือเปล่า ถ้าเรามองก็ไม่ คงไม่ใช่สัญญาทาส ต่างคนต่างวิเคราะห์แล้วกัน แต่ถ้าเรื่องสัญญา 3 ปี ส่วนแบ่งในประเทศ 70 : 30 มีเวทีนี้เวทีเดียวเหรอที่ทำแบบนี้

และการทำสัญญาถ้าเป็นความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย มันไม่ใช่เรื่องผิดเลย กับเรื่องนี้มันไม่ได้มีการเข้ามาทำสัญญา จึงไม่เกิดสัญญา ต่างคนต่างไม่แฮปปี้ ไม่เซ็นก็ไม่มีใครผิด ก็จบลงด้วยบันทึกข้อตกลงไม่เข้าทำสัญญา”

ปัญหาเรื่องวินัย แฟนๆ ก็ว่าทำไมทีพีเอ็นไม่ปกป้องน้อง?
ปุ้ย “เราไม่พูดเรื่องพวกนี้คือปกป้องแล้ว แต่วันนี้ต้องพูด ขอยก 1 เหตุการณ์ ในวันที่ต้องเข้ากองประกวด MU 2019 ที่มีกระแสว่ากองไม่แจ้งเวลาน้องว่าต้องเข้ากี่โมง น้องต้องจัดกระเป๋า น้องท้องเสีย

ขอยืนยันว่าเราก็อยากจะให้น้องเข้ากองเป็นคนแรกๆ เพื่อจะได้ไปเลือกเสื้อผ้าก่อน ทางน้องบอกไม่พร้อมขอเลื่อน 1 วัน เราก็โอเคแม้เราจะเตรียมแผนไว้แล้วก็ตาม เราก็ขอน้องไปว่าขอให้เข้าตามฤกษ์ที่วางไว้ และทางเราก็ได้วางลุคน้องไว้ในแต่ละวันในกระเป๋าเดินทางไว้หมดแล้ว แต่ทางน้องอยากจะปรับเปลี่ยนใหม่ ก็รื้อกันใหม่ เราก็ตามทุกวันเรื่องจัดกระเป๋า สุดท้ายก็เอาตามเดิม

ในวันที่เข้ากองที่ทางน้องบอกว่าน้องไม่ได้ตื่นสาย ก็ไปปลุกน้องตั้งแต่ 6 โมงเช้า ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ ทางคนไปปลุกก็บอกว่าติดต่อน้องไม่ได้ เราก็ตกใจ เพราะเรานัดผู้ใหญ่ไว้ เราก็ไปปลุกเขา ตอนใกล้เวลาที่ต้องออกแล้ว เราก็ให้น้องรีบ เร่งทุกคนมาช่วยน้องแต่งตัว ก็เลทไปประมาณหนึ่ง

ก่อนลงรถน้องยังถามเลยว่าเราจะตอบเขายังไงดี ทางน้องก็บอกขอโทษและบอกว่าตัวเองท้องเสีย คือเรื่องนี้อย่ามาด่าทางเรา เพราะหลายๆ คนบีบตลอดว่ากองไม่ออกมาปกป้องน้อง การปกป้องน้องคือการไม่ออกมาพูด ไม่พูดมาก จนวันนี้ต้องพูด มันจบแล้ว ขอให้จบด้วยดีได้ไหม

มีคนถามว่าทำไมไม่ปลด ไม่ฟ้องกลับ คือเราไม่ทำ ทำไมต้องทำ มันไม่มีประโยชน์ ฟ้องแล้วได้อะไร ถ้าน้องฟังแล้ววันนี้จะออกมาโต้แย้งยังไงนั้น หรือทางผู้จัดการส่วนตัวน้องจะโพสต์อะไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่วันนี้ทางเราจบแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดอะไร เราจะไม่ออกมาตอบโต้แล้ว ส่วนใครจะเลือกเชื่อสิ่งไหน ก็อยู่ที่ความพอใจ

หลายคนมองว่าปัญหาเรื่องนี้จะเกิดขึ้นซ้ำใน MUT 2020 ไหม?
ปุ้ย “ไม่มีปัญหา เพราะอแมนด้า ชาลิสา ออบดัม เซ็นสัญญาแล้ว และได้รับของรางวัลไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาตัวเดียวกับฟ้าใส นอกจากนั้นในปีนี้ตำแหน่งรองทั้ง 4 คน ก็ได้อยู่คอนโดฟรีตลอดระยะการปฏิบัติภารกิจด้วย”

ฝากถึงฟ้าใส?
ปุ้ย “ทางเราไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับน้อง มีเรื่องราวเกิดขึ้นก็เสียหายทั้งคู่ ต่างคนต่างพัฒนาตัวเองดีกว่า เราคงยังต้องเจอกันอีก”

ถามถึงเรื่องมงกุฎ?
ปุ้ย “ถ้าอยู่กับทางเรา เราก็ไม่ได้ใส่หรอก ซึ่งเดิมทีเราก็คิดว่าจะเอาไปประมูลแล้วเอาเงินไปให้การกุศลไหม ซึ่งไม่คิดจะเอามงกุฎมาวนอยู่แล้ว เราทำใหม่ทุกปี ถ้าฟ้าใสคิดว่ามีความชอบธรรมที่จะได้รับมงกุฎ เรายกให้น้อง ติดต่อมาเลย มารับด้วยตัวเอง เราจะไม่พูดถึงเรื่องสัญญาแล้ว วันนี้อยากให้จบด้วยความดีงาม”.