หลังจากที่คุณแม่ของนักแสดงสาว นิต้า อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์ พี่สาวคนสวย แนท อนิพรณ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 มีกลุ่มผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยระบุถูกหลอกชักชวนลงทุนธุรกิจโมเดลลิ่งและงานถ่ายโฆษณา สูญเงินรวมหลายล้านบาท

ล่าสุด ได้เจอสาวนิต้าเลยขออัปเดตเรื่องคดีความของคุณแม่ ที่งานบวงสรวงละคร พระจันทร์แดง ที่ลานหน้าตึก จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ซึ่งสาวนิต้าได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า

อัปเดตคดีคุณแม่?
“ตอนนี้คุณแม่ก็คุยกับเจ้าหนี้ และเริ่มไกล่เกลี่ยกันแล้วเรียบร้อย เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว”

ก่อนหน้านี้ลูกหนี้ติดต่อผ่านเรา?
“ใช่ค่ะ หนูเป็นคนที่เขารู้สึกว่าหนูน่าจะเป็นคนที่ใจดีที่สุด ผ่านได้ง่ายที่สุดเลยติดต่อผ่านหนู”

ตอนนี้เรามีความเครียดหรือกังวลอะไรมั้ย?
“ไม่อยู่แล้วค่ะ เพราะว่าด้วยความที่ทางบ้านเราเองก็ไม่ได้มีฐานะรวย การที่เคยเป็นหนี้เราเคยเป็นอยู่แล้ว เลยไม่ได้รู้สึกเครียด ถามว่าตกใจมั้ยที่คนติดต่อมา ตอนแรกก็ตกใจค่ะ แต่หลังๆ เริ่มรู้ว่ามีปัญหาตรงนี้ค่ะ”

ได้คุยกับคุณแม่มั้ย?
“ได้คุยเรียบร้อยแล้วค่ะ”

...

ก่อนเป็นข่าวเราได้คุยกันในครอบครัวก่อนมั้ย?
“ไม่ได้คุยค่ะ เลยไม่ได้รู้เรื่อง มารู้เรื่องพร้อมพวกพี่ๆ ตอนที่เป็นข่าว หนูก็เลยตกใจ”

เรารู้มาก่อนไหมว่าแม่เขาทำธุรกิจแบบนี้?
“หนูไม่รู้ค่ะ ปกติเวลาถามแม่ เราจะคุยกันเรื่องสบายดีมั้ย กินข้าวหรือยัง เราไม่ได้ก้าวก่ายในเรื่องของงานค่ะ”

ตอนนี้เราซัพพอร์ตแม่ยังไงบ้าง?
“ตอนนี้ก็คุยกับคุณแม่และให้กำลังใจ เพราะด้วยปัญหาที่มันมีหลายๆ เรื่อง ก็ให้กำลังใจ และคอยหาทางออกให้ท่านเท่าที่ช่วยได้”

คุณแม่จะใช้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น?
“ใช่ค่ะ แม่เขาบอกว่าเขาไม่ได้หนีอยู่แล้ว ขอเวลากับเจ้าหนี้นิดนึง เพราะเราต้องหาเงินมาใช้ค่ะ”

แล้วกับ แนท อนิพรณ์ ได้คุยกันมั้ย?
“คุยค่ะ กับแนทก็คุย เพราะเราจะเป็นตัวกลางผ่านไปบอกแม่ เพราะตอนแรกๆ แม่กับน้องเขาไม่ได้คุยกัน ส่วนที่คนมองว่าน้องจะค่อนข้างเครียดกว่าเรา แต่จริงๆ เขาเป็นคนชิลๆ นะคะ”

ตอนนี้แนทคุยกับคุณแม่หรือยัง?
“ตอนนี้คุยกันแล้วค่ะ”

ในส่วนของชั้นศาลมีส่วนเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยมั้ย?
“ไม่เกี่ยวกับชั้นศาลเลยค่ะ มีแค่แม่คุยกับเจ้าหนี้เท่านั้นค่ะ ไม่ได้เอาตัวน้องเข้าไปเกี่ยวข้องค่ะ”

เราเองได้มีโอกาสเคลียร์กับเจ้าหนี้แทนแม่มั้ย?
“ส่วนตัวนิต้าเองเจ้าหนี้เขาเคยโทรมาหาหนูค่ะ ด้วยความที่เราไม่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด เราก็สามารถตอบได้เท่าที่เรารู้ค่ะ”

เราตกใจมั้ยที่อยู่ดีๆ คนก็โทรมาทวงหนี้เรา?
“ตกใจค่ะ ตอนแรกคิดว่าเขาจะติดต่องาน (หัวเราะ) เพราะหนูขึ้นหัวไอจีเป็นเบอร์โทรตัวเองค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ คือหนูมั่นใจว่าทุกบ้านต้องมีปัญหาค่ะ แค่หาทางออกแค่นั้นเองค่ะ เรื่องการเป็นหนี้เป็นสินเป็นเรื่องปกติค่ะ เรายืมเขามาเราก็ต้องใช้ค่ะ ตอนนี้ก็กำลังหาทางออกที่ดีที่สุด แต่ต้องขอเวลานิดนึงนะคะ”

ไม่ได้มีผลกระทบมาถึงตัวเรากับแนท?
“ไม่มีเลยค่ะ ด้วยความที่ปัญหาที่เกิดขึ้นคุณแม่เขาไม่ได้บอกให้เรารู้ก่อน เลยรู้สึกว่าเราแค่ตกใจ ณ จุดนั้น แล้วก็หาทางแก้ ไม่ได้เครียดอะไรมาก ไม่ได้ถึงขั้นยกเลิกงาน”

...

ตอนนี้เราเป็นตัวกลางประสานทุกอย่าง?
“ใช่ค่ะ หนูเป็นคนที่อยู่ตรงกลาง ถ้าแม่บอกมา หนูก็บอกน้อง แต่หลังๆ เขาเริ่มคุยกันเองแล้ว”

คุณแม่ขอโทษเรามั้ยกับสิ่งที่เกิดขึ้น?
“ใช่ คุณแม่บอกว่าจริงๆ ไม่อยากให้หนูกับน้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พอเห็นมีข่าว แม่เลยไปออกรายการกับพี่หนุ่ม กรรชัย แม่ก็พูดชัดเจนเลยค่ะว่าเราสองคนไม่ได้รู้เรื่องด้วย แต่เราสองคนเป็นลูกค่ะ เราก็ต้องรับรู้ และช่วยแก้ปัญหา

คือเขารู้สึกผิดมาก เพราะว่าตอนแรกธุรกิจมันไปได้ดี ไม่ได้คิดว่ามันจะต้องเจอโควิด แต่เราจะโทษโควิดไม่ได้ เราทำอะไรเราก็ต้องวางแผน มันเป็นเหตุสุดวิสัย ทำธุรกิจเกิดเรื่องขึ้นมาก็ไม่เป็นไร เราก็หาเงินใช้หนี้”

คุยกับแม่มั้ยว่าหลังจากนี้แม่จะเดินหน้าธุรกิจนี้ต่อมั้ย?
“อ๋อ หนูคุยกับแม่แล้วค่ะ ด้วยตอนนี้คุณแม่มีการไกล่เกลี่ยกับทางชั้นศาล และหนูถามว่าจะเอายังไงต่อ คุณแม่ก็บอกว่าเขาจะสู้ค่ะ เพราะว่าเงินหาได้ ยังไงเขาก็หาได้”

ก่อนหน้านี้หลายคนจับตามองเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแนทกับคุณแม่ที่มีปัญหางอนๆ กัน?
“ตอนนี้เขาคุยกันแล้วค่ะ ไม่มีปัญหา ชิลๆ แต่ก่อนหน้านี้มีปัญหากันจริง น้องไม่รับรู้ คือด้วยความที่เราไม่รับรู้อะไรเลย และน้องเขาก็มีปัญหาก่อนหน้านั้นแล้วค่ะ เขางอนกัน

ด้วยความที่แม่กับน้องเขานิสัยคล้ายกัน ใจร้อนทั้งคู่ น้องเป็นคนพูดเร็ว แม่ก็พูดเร็วค่ะ แล้วเขาคุยกันฟังกันไม่รู้เรื่อง อารมณ์ร้อนทั้งคู่ ที่บ้านมีหนูคนเดียวค่ะที่ฟังทั้งสองฝ่าย”

...

พอเหตุการณ์นี้เข้ามาทำให้เรารักกันมากขึ้นมั้ย?
“หนูรู้สึกว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตทำให้หนูเก่งขึ้น แกร่งขึ้น เพราะว่าหนูด้วยความเป็นเด็กที่อยู่ในโลกของดิสนีย์ ก็ชิลๆ พอเริ่มประกวดนางงาม รับรู้ปัญหา ก็รู้สึกว่าหนูเก่งขึ้น”

เราเป็นคนกลางรู้สึกลำบากใจบ้างมั้ย?
“ไม่เลยค่ะ ด้วยความที่หนูเป็นผู้ชอบฟัง เวลาใครเล่าอะไรมาเราก็ฟังและสรุปใจความสำคัญให้เขา แล้วมาบอกอีกทีหนึ่งว่าแบบนี้ เรามีการเชื่อมโยงที่เก่งค่ะ”

หนี้จะเคลียร์หมดภายในกี่ปี?
“หนูไม่แน่ใจว่าจะสามารถหมดในกี่ปีนะคะ แต่ตอนนี้เขาก็เริ่มใช้บางส่วนแล้วนะคะเท่าที่เขาหาได้”

จากร้อยเปอร์เซ็นต์ตอนนี้เหลืออีกเท่าไหร่?
“90 แหละค่ะหนูว่า น่าจะยังเยอะอยู่ เพราะเราไม่กล้าตอบว่าตอนนี้ไปกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าเกิดสมมติว่าถ้าเจ้าหนี้เขามาได้ยินแล้วบอกว่ายังไม่ได้ใช้ฉันเลย”

ถ้าเคลียร์หนี้หมดแม่ก็เดินหน้าธุรกิจต่อใช่มั้ย?
“ใช่ค่ะ คุณแม่หนูเป็นนักสู้อยู่แล้วค่ะ ครอบครัวหนูถูกเลี้ยงมาเป็นนักสู้ มีปัญหาก็แก้ เดินหน้าต่อไปค่ะ ไม่เครียด”

ความเชื่อมั่นกับคนที่จะเข้ามาทำงานกับคุณแม่ล่ะ?
“ความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาทำงานด้วยเหรอคะ เรื่องนี้หนูว่ามันเป็นความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่ เวลาเราทำธุรกิจถ้าเราคุยกันดี เวลามันล้ม เราก็สามารถปรับความเข้าใจได้ แต่ธุรกิจที่แม่ทำ ตอนที่เขาพูดเขาไม่คิดว่ามันจะพับลงมาแบบนี้ค่ะ”

ถือว่าทิศทางดีขึ้น?
“ใช่ค่ะ ทิศทางดีขึ้น แต่จ้างงานหนูกับน้องได้นะคะ (ยิ้ม)”

...

ตอนนี้ที่บ้านเหมือนเดิมแล้วใช่มั้ย?

“เหมือนเดิมค่ะ ด้วยความที่มีคุณตา คุณยาย มีน้าที่คอยคุยกันตลอดเวลา ทำให้บ้านเราสนิทกันมากขึ้น จากที่สนิทกันอยู่แล้วก็สนิทกันมากขึ้นค่ะ”