- คอปเตอร์ เป็นคนรักความสงบ ไม่ค่อยติดโซเชียล ใช้เวลาอยู่อย่างมากแค่ 1-2 ชม. เท่านั้น
- ยังคงเป็นคู่จิ้นกับ คิมม่อน วโรดม เหมือนเดิม เพราะไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง
- เปิดตำแหน่งใหม่ของ คอปเตอร์ SBFIVE ในฐานะเจ้าของค่ายเพลง Hunter Record
จากเด็กหนุ่มผู้มีความฝันอยากเป็นนักร้อง แต่สุดท้ายจับพลัดจับผลูได้มาเล่นซีรีส์จนมีชื่อเสียงโด่งดังและมีแฟนคลับเป็นที่รู้จักกันทั่วเอเชีย สำหรับ คอปเตอร์ ภานุวัฒน์ เกิดทองทวี วัย 23 ปี หรือที่รู้จักกันในชื่อของ คอปเตอร์ SBFIVE หนึ่งหนุ่มในสมาชิกวงบอยแบนด์ชื่อดัง ที่เขามีตำแหน่งเป็น แร็ป ของวง
จากซีรีส์เรื่อง "เดือนเกี้ยวเดือน เดอะซีรีส์" (2Moons The Series) ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักอย่างมาก บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปทำความรู้จักในอีกมุมหนึ่งของหนุ่ม คอปเตอร์ ซึ่งเขาบอกว่า ตอนนี้ใช้ชื่อ คอปเตอร์ CTR เพราะเขากำลังมาในบทบาทใหม่คือการเป็นศิลปินเดี่ยว อีกทั้งกำลังนั่งแท่นผู้บริหารของค่าย Hunter Record ค่ายลูกของ Star Huter ที่ดูแลโดย คอปเตอร์ CTR นั่นเอง
...
เป็นหนุ่มรักความสงบ ไม่ติดโซเชียล
คอปเตอร์ บอกกับเราว่า เป็นคนไม่ค่อยติดโทรศัพท์ ถึงขั้นต้องพยายามกระตุ้นตัวเองให้โพสต์อะไรลงโซเชียลบ้าง "จริงๆ แล้วคือพื้นฐานเป็นคนไม่ค่อยติดโซเชียล แต่คือทำงานในวงการบันเทิงแหละเนอะ โซเชียลมันเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับได้ดี แต่ด้วยพื้นฐานเดิมเราเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่กับโซเชียลเยอะ
ส่วนมากเวลาอยู่บ้านก็จะทำเพลง เล่นเกมบ้าง มีคุณแม่นี่แหละที่คอยกระตุ้นให้โพสต์อะไรในโซเชียลบ้าง ถ้าสังเกตเลยคือในอินสตาแกรมนานๆ ทีจะโพสต์รูปตัวเอง ส่วนใหญ่เวลามีงานถึงจะโพสต์ลง บางทีเวลาเพื่อนไลน์มาคุย ก็จะใช้เวลาข้ามวันเลยกว่าจะตอบ ซึ่งเพื่อนก็บ่นเรื่องนี้กันเยอะมาก คือผมเป็นคนไม่ค่อยอ่านไลน์จริงๆ เวลาแม่ไลน์มาหาผมก็ไม่ค่อยอ่าน จนโดนแม่ดุให้อ่านไลน์บ้าง แต่ถ้าอยากคุยเร็วๆ ก็ต้องโทรเอาครับ
คือพื้นฐานเราเป็นคนไม่ติดโซเชียลด้วย ตอนที่โซเชียลมันเริ่มเข้ามา ผมเพิ่งอายุ 12-13 เอง ตอนนี้ 23 แล้ว เลยไม่ค่อยติดเท่าไหร่ ผมชอบใช้ชีวิตให้มันสงบสุขมากกว่า อยู่ในห้อง มองโน้นมองนี่แล้วก็นั่งทำงานไปเรื่อยๆ ผมว่าผมไม่ติสต์นะ ผมก็ปกตินะจริงๆ ผมว่ามันเป็นไลฟ์สไตล์
อย่างเวลา พี่คิม เขาไลน์มา บางทีก็มีข้ามวันเหมือนกัน เราปิดเสียงโทรศัพท์และปิดแจ้งเตือนไว้ตลอดเวลา ถ้าบางทีอยากอ่านเราก็จะบังคับตัวเองให้เข้าไลน์ ถึงรู้ว่า เอ้า มีอันนี้ ส่วนมากถ้าอยากติดต่อก็จะติดต่อคุณแม่กับพี่ผู้จัดการ คือผมแค่รู้สึกว่า การเข้าไปอยู่ในโซเชียลเยอะเกิน มันเสียเวลาชีวิตจริงของเราบางอย่างไป ก็เลยไม่ค่อยได้เล่นครับ"
"อย่างในทวิตเตอร์ก็มีติดเทรนด์ตลอด มีขึ้นมา แม่ก็จะบอกว่า อ่ะนี่ เข้าไปเล่นหน่อยนะ แฟนคลับเขาเล่นกัน ผมก็จะเข้าไปเล่นบ้าง หรือบางทีเรามีผลงานใหม่ เราก็ต้องกระตุ้นโซเชียลหน่อย อันนี้มันคือหน้าที่ และเป็นสิ่งที่เราพึงควรปฏิบัติ เราก็จะเข้าไปกระตุ้น แต่ว่าเราจะอยู่กับมันได้แค่ 1-2 ชม. สักพักหนึ่งมันก็จะมีสิ่งอื่นที่เราอยากรู้สึกว่าเราจะโฟกัสและเราอยากจะไปเลย เราก็ไปทำสิ่งนั้น"
...
ยังคงคู่จิ้นกับ คิมม่อน วโรดม เหมือนเดิม เพราะไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง 4 ปีที่ผ่านมามันสนิทใจแล้ว
คอปเตอร์ เล่าให้ฟังว่า เขากับ คิมม่อน ก็ยังเหมือนเดิม คบกันจนสนิทใจแล้ว ไม่อยากเริ่มต้นใหม่ "เหมือนเดิมครับ เพราะว่าเราทำงานด้วยกันมานานแล้ว เข้าปีที่ 4 แล้ว มันซี้กันแล้ว อยู่กันเหมือนพี่น้อง ไปไหนมาไหนด้วยกันมันสนุกอ่ะ ไม่อยากเริ่มต้นใหม่(ยิ้ม)
คือเราเล่นด้วยกัน เราเล่นกับคนที่มันสนิทใจกันแล้ว พอเข้าขากันมันก็สนุกกว่า มันก็เป็นแก๊งแบบผู้ชายๆ ทำงานด้วยกันมันสนุกอยู่แล้ว และมันไม่ค่อยจะมีเรื่องอะไรให้มาต้องมาบาดหมางใจกัน เพราะเราก็ทำงานด้วยกัน อยู่ค่ายเดียวกัน และมีผู้จัดการคนเดียวกัน มันก็ไม่มีอะไรต้องห่วง"
เมื่อเราถามว่า เวลา 5 หนุ่ม SBFIVE รวมตัวกัน เป็นยังไง คอปเตอร์ รีบบอกทันทีว่า "ผมเรียบร้อยที่สุด"
"เหมือนจับปูใส่กระด้งประมาณหนึ่งครับ แต่ว่าผมยืนยันได้ว่าผมเรียบร้อยสุด(หัวเราะ) ส่วนพี่คิม เขาจะเป็นคนที่ คือจริงๆ เขาโตนะ แต่นิสัยบางอย่างเขาจะเด็กอยู่ ด้วยความที่เขาอยู่กับน้องๆ ด้วยแหละ ด้วยความเป็นพี่โตเขาจะเล่นกับน้องๆ เหมือนเป็นรุ่นเดียวกัน ซึ่งเราก็ไม่เคยมองแบบว่าพี่เขาเป็นพี่โตเกิน คือมาสนิทกันเหมือนเพื่อนเลยครับ เล่นอะไรก็สนุกสนาน เฮฮาตลกดี
...
เราก็มีกรุ๊ปไลน์ SBFIVE นะ แต่จริงๆ เราก็ไม่ค่อยคุยอะไรกันหรอก เพราะเราเจอกันข้างนอกมากกว่า แต่ในกรุ๊ปไลน์ที่ส่วนมากจะคุยกันก็คือชวนกันเล่นเกมกันมากกว่า แต่ว่าพี่คิมเขาจะรู้ว่าผมเป็นคนไม่ค่อยอ่านไลน์ เขาก็จะโทรมาชวนเล่นเกมมั้ย ถ้าว่างก็เล่น แต่ถ้าไม่ว่างก็จะบอกเขาไปว่า มีงานนะพี่
แต่ถ้าในชีวิตจริง แก๊งพวกผมเวลาไปไหนด้วยกัน เขาจะปวดหัว เพราะเฮฮากันมาก ถ้าไม่ใช่ช่วงโควิด 1 อาทิตย์พวกเราจะเจอกันทุกวัน เพราะทำงานด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด มันก็สนุกสนานเลยแหล่ะ มีช่วงนี้นี่แหละที่ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กบ่อยสุดแล้ว เพราะว่าเราต้องติดต่อกับพี่บ้าง น้องบ้าง"
...
พอถามว่า เคยทะเลาะกันบ้างมั้ย คอปเตอร์ รีบบอกทันทีว่า "ไม่มีเลย ของพวกเราเอาจริงๆ ตั้งแต่ทำงานมา พวกเราไม่เคยทะเลาะกันเลย
คือถามว่าจะมีอะไรที่แบบดูซีเรียสจริงจังหน่อย เช่น เวลาเราจะต้องไปซ้อม ไปทำงาน หรือว่ามาช่วยกันคิดโชว์อะไรที่จะเสิร์ฟให้แฟนคลับดูในวันนั้น อันนี้จะจริงจังหน่อย แต่มันก็ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่เราจะทะเลาะกัน มันก็คือผู้ชายคุยกันว่าอันนี้ดี ไม่ดี แต่สุดท้ายก็มันจะออกมาเป็นตรงกลางของความคิดทุกคนเสมอ"
บทบาทใหม่ในมาดผู้บริหารค่ายเพลง Hunter Record
คอปเตอร์ เล่าให้เราฟังว่า ค่ายนี้เกิดจากการที่ตนเองได้เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ว่า อยากเปิดค่ายเพลงและทำเบื้องหลังงานเพลง ซึ่งผ่านการอนุมัติของ พี่โอ๋ เจ้าของค่าย Star Hunter มาแล้ว จึงได้ไว้ใจให้ คอปเตอร์ มาดูแลอย่างเต็มตัว
"ผมเปิดค่าย Hunter Record ซึ่งเป็นค่ายลูกของ Star Hunter เป็นค่ายเพลงของผมเอง แล้วก็มีน้องๆ ศิลปินใหม่เข้ามา ในอีกพาร์ทหนึ่งของผม ผมก็เป็นผู้จัดการค่าย ดูเรื่องของเพลงเป็นหลัก และปั้นศิลปินใหม่ขึ้นมา ซึ่งในพาร์ทนี้เราจะทำเบื้องหลังเป็นหลัก และเป็นโปรดิวเซอร์
คือผมเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ว่าอยากเปิดค่ายเพลง จนเขาให้เราดูแลค่ายนี้ ซึ่งเป็นของผมเองเลย เพื่อนๆ ก็ยังไม่ได้มาช่วย เพราะคาแรกเตอร์ส่วนบุคคลมันต่างกัน คือเราชัดเจนมาตั้งแต่เข้าวงการแล้วว่า เราชอบเบื้องหลัง เราชอบสร้างผลงาน เราทำงานศิลปะมานานแล้ว
ไม่ใช่เบื้องหน้าเราไม่ชอบนะ เราชอบ แต่พอรู้สึกว่าเราได้มานั่งทำเบื้องหลัง มาดูภาพรวม ทำเบื้องหลังอะไรบางอย่างเพื่อเสิร์ฟออกไป เรารู้สึกว่าเราสนุกกว่า แฮปปี้และท้าทายกว่า ในส่วนตรงนี้เราทำมาตั้งนานแล้ว เพียงแค่ว่ามันยังไม่ชัดเจน
เพราะตอนทำเพลงของ SBFIVE ในหลายๆ เพลง ผมก็แต่งด้วย และมันก็เป็นผลงานออกมา มันอาจจะเป็นโอกาสตรงนี้แหล่ะ ที่ทำให้ผู้ใหญ่เห็นศักยภาพของเรา ซึ่งผ่านการอนุมัติจากพี่โอ๋ เจ้าของค่ายสตาร์ฮันเตอร์ครับ ก็ยาก และสนุกดีครับ เพราะอย่างพี่เต้ พี่คิม พี่ตี๋ เขาก็ชัดเจนในเรื่องของการแสดง ส่วน บาส ก็ยังเป็นศิลปินในค่ายสตาร์ฮันเตอร์ครับ"
"อย่างล่าสุด ผมก็ทำเพลงประกอบซีรีส์ The Moment...Since และร้องเพลงประกอบด้วย แต่มันจะไม่เหมือนกับการทำงานเพลงทุกครั้ง เพราะที่ผ่านมางานเพลงของ เตอร์ จะทำในมุมมองของตัวเอง หรือเป็นเรื่องราวเหตุการณ์ที่เขียนมาจากมุมมองชีวิตตัวเอง เราก็เรียบเรียงเองทำเอง แต่อันนี้เป็นครั้งแรกที่เราต้องมาถ่ายทอดความเป็นตัวละครของซีรีส์นี้
จริงๆ มันเคยมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เราทำสต๊อกของเราไว้ในซุปเปอร์บอย 5 คนที่ชนะ ครั้งนี้พอเรามีโปรเจกต์ของซีรีส์เดอะโมเมนต์ขึ้นมา ก็เลยมาคุยกันว่า ถ้าจะสร้างซีรีส์ที่เป็นมิวสิกชอตฟิล์มขึ้นมา สานต่อเรื่องราวของ หมอกและเบย์ มา เราจะหยิบยกเรื่องไหนมาทำให้เรื่องราวมันดำเนินต่อไป เราก็เลยหยิบเพลงนี้ขึ้นมา เพราะว่ามันชื่อเพลงว่า Since (ตั้งแต่นั้น) เลยได้มาเป็นเมนหลักของซีรีส์เรื่องนี้ด้วย และได้เป็นตัวเพลงนี้ขึ้นมาด้วย
เป็นซิงเกิลเดี่ยวที่เท่าไหร่ไม่รู้ ปีนี้ผมทำงานเพลงออกมาเยอะมาก ตั้งแต่เพลง จะตายแล้ว, Only U, แล้วก็มีที่ไป ฟีเจอริ่งกับพี่ส้ม มารี เพลง วิ้ง และยังมีเพลงอื่นๆ อีก ปีนี้ผมทำงานเพลงออกมามากครับ"
"ตอนนี้ก็ใช้ชื่อ คอปเตอร์ CTR ก็ถ้าทุกคนอยากติดตาม เตอร์ ในพาดเดี่ยว ที่ไปร่วมงานฟีเจอริ่งกับคนอื่น ก็จะใช้ชื่อ CTR เหมือนกับเราก็ชัดเจนว่า เราไปทำงานที่เป็นงานเดี่ยวๆ ของเราแยกไป ก็จะใช้ชื่อนี้เป็นหลัก แต่ว่าเวลาเราทำในพาร์ทของ SBFIVE ที่เป็นเพลงกลุ่ม ก็จะเป็น คอปเตอร์ SBFIVE เหมือนเดิม"
เห็นหนุ่ม คอปเตอร์ น่ารัก มีความตั้งใจ และมุ่งมั่นขนาดนี้ แฟนต้องสนับสนุนกันแล้วเนอะ เพื่อที่น้องจะได้มีผลงานออกมาให้เราได้ติดตามกันต่อไป และบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับ คอปเตอร์ ทำจุดมุ่งหมายตามที่ตั้งใจไว้สำเร็จนะคะ.
ผู้เขียน : โอ้ว...ซาร่า
ช่างภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun