เป็นประเด็นดราม่าอีกระลอก สำหรับนักแสดงหนุ่ม นิก คุณาธิป ปิ่นประดับ และผู้กำกับชื่อดัง พชร์ อานนท์ เมื่อนิกโพสต์ภาพแชตไลน์กรุ๊ปสนทนา ซึ่งมีข้อความทวงเงินค่าโปรโมตภาพยนตร์เพื่อจะเอาไปจ่ายค่าเทอม และทีมงานบอกว่าเงินค่าโปรโมตหนังยังไม่ออก พร้อมทั้งยืนยันว่าสิ่งที่ตนเคยพูดไปทั้งหมดนั้นเป็นความจริงทุกอย่าง แถมยังโดนห้ามรับงาน ทำไมต้องโดนอะไรแบบนี้ทั้งที่ตนไม่ได้ทำอะไรผิด
...
โดย นิก คุณาธิป โพสต์ภาพแชตไลน์สนทนากับทีมงานภาพยนตร์ พร้อมทั้งเขียนข้อความว่า “ผมขอออกมาปกป้องตัวเองบ้างนะครับ หลังจากที่ไม่เคยมีโอกาสได้พูดได้อธิบายเลย ทำให้หลายๆ คนเข้าใจผมผิด ห้ามพูด ห้ามออกมาอธิบาย ผมขอยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดไปทุกอย่างคือความจริง มีผู้ใหญ่หลายๆ คนให้คำปรึกษาให้คำเเนะนำ ว่าเราเป็นเด็กถ้านิ่งได้จะดี พูดอะไรไปยังไงก็ดูเป็นเด็กก้าวร้าว ดูไม่น่ารัก
แต่ก็ดูเหมือนสิ่งที่ผมทำตามมันจะไม่มีอะไรดีขึ้น นี่ก็ผ่านมาปีกว่าเเล้ว กับการที่อยู่โดนห้ามรับงาน ทำไมผมต้องโดนอะไรเเบบนี้กับสิ่งที่ผมไม่ได้ทำผิด เเค่ว่าผมเป็นเด็กเเล้วไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้นหรือ... #สิ่งที่ผมพูดไปทุกอย่างตั้งเเต่ต้นผมขอสาบานว่าผมพูดเรื่องจริง#ทุกคำพูด”
นอกจากนี้ นิก คุณาธิป โพสต์ภาพที่ พชร์ อานนท์ เคยโพสต์ในไอจีส่วนตัวว่าโอนเงินค่าตัวและค่าโปรโมตภาพยนตร์ให้หมดแล้ว ซึ่งมีการโอนเงิน 3 แสนบาท 2 ครั้ง ในวันที่ 11-12 มี.ค. 2563 แต่จริงๆ แล้วมีการเช็กคิวเพื่อเดินสายโปรโมตภาพยนตร์ในวันที่ 29 มี.ค. 2563 โดยมีการระบุว่าจะให้ค่ารถวันละ 10,000 บาท ซึ่งหนุ่มนิกเดินสายโปรโมตภาพยนตร์หลายวัน แต่กลับไม่ได้เงินตามที่ตกลงกันไว้
พร้อมทั้งเขียนข้อความว่า “จากรูป 1 อ้างว่าได้โอนให้เเล้วครบถ้วนทั้งค่าแสดงเเละค่าโปรโมต (รวมกัน) แต่จริงๆ เป็นแค่ค่าตัวการแสดง เเต่ค่าโปรโมตยืนยันได้จากเเชตวันเเละเวลา ดูกันเทียบกัน วันที่ 11-12 เดือน 3 (2019) บอกว่าจ่ายค่าโปรโมตรวมเเล้ว แต่จากรูป 2 วันที่ 29 เดือน 3 (2019) มีการคุยขอคิวคุยเรื่องค่าตัว โดยจากรูป 3 ยืนยันว่า 13 เดือน 5 (2019) เงินค่าโปรโมตยังไม่ออก เรียบเรียงวันเเละเวลาดู ลองคิดตามครับ ยืนยันสาบานว่า พูดเเต่เรื่องจริงตั้งเเต่ต้น ถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เงิน ไม่ได้อยากได้หรอกเงินอะ ขอความยุติธรรม เราต่างรู้ว่าเรื่องเป็นยังไง”
...
ซึ่งหลังจากที่ นิก คุณาธิป โพสต์ภาพและข้อความดังกล่าวไป ก็มีแฟนๆ เข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้ความจริงจะเป็นอย่างไรคงต้องรอดูต่อไป.