มาร่วมงานบวงสรวงละคร “ฟ้ามีตะวัน” ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 พอได้เจอกับนักแสดงสาวหน้าหวาน เจี๊ยบ พิจิตตรา สิริเวชชะพันธ์ เลยถามถึงการกลับมาร่วมงานกับช่อง 7 อีกครั้งในรอบ 10 กว่าปี ซึ่งมีกระแสข่าวลือว่าการกลับมาเล่นละครกับช่อง 7 ครั้งนี้ ทำให้ผู้ใหญ่ในสังกัดเดิมอย่างช่อง 3 ไม่ปลื้มอย่างแรง

บันเทิงไทยรัฐออนไลน์เลยถามถึงเรื่องนี้กับเจ้าตัว รวมทั้งถามถึงธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นที่ทำร่วมกับสามี บอย อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี หรือ บอย พีซเมคเกอร์ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง หลังเจอผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ด้วย

เจี๊ยบ พิจิตตรา
เจี๊ยบ พิจิตตรา

หายไปนานกลับมาอีกครั้งพอใจกับการแสดงเรามากน้อยแค่ไหน หลังจากหายไป 3 ปี ต้องมาเล่นบทร้ายเลย?

“เจี๊ยบว่ามันก็เป็นที่สุดของเราค่ะ หมายถึงว่าทุกซีนเจี๊ยบจะค่อนข้างทุ่มเททุกซีนเหมือนกันค่ะ ค่อนข้างมั่นใจมากค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าพอใจมั้ย เราก็รู้สึกว่าเราทำดีที่สุดเลย ก็ทุ่มหมดแล้วค่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าตอนอ่านบทเราก็พยายามคิดว่าเราจะปรับตัวเองเข้ากับเค้าได้มั้ย เราก็พยายามประมาณตัวเองว่ามันได้แค่ไหนค่ะ แต่ความโชคดีอย่างที่บอกก็คือมีพี่เติ้ลคอยประกบตลอดค่ะ”

...

ด้วยความที่อยู่ช่อง 3 มาตลอด พอกลับมาเล่นละครกับช่อง 7 อีกครั้ง คนจะมองว่าหมดสัญญาหรือมีปัญหากับอีกช่องรึเปล่า?
“จริงๆ ตอนมาเล่น เจี๊ยบโชคดีที่ผู้ใหญ่ทางช่อง 3 ก็น่ารักกับเรามาก ตั้งแต่อยู่จนมาถึงตอนนี้ค่ะ คือเจี๊ยบเป็นคนที่มีอะไรเจี๊ยบจะบอกทุกสเต็ป เราก็เป็นคนพูดตรงๆ อย่างนี้ เจี๊ยบก็ไปขอ

แต่จริงๆ เจี๊ยบหมดสัญญานานแล้วค่ะ อยู่กับช่อง 3 ด้วยสัญญาใจ ผู้ใหญ่ทุกคนก็รักและเอ็นดูเรา เพราะฉะนั้นเราก็บอกตรงๆ เลยว่าเราอยากเล่นนะ เขาก็ไม่ว่าอะไรค่ะ ก็ยังมีละครให้เราเล่นอีกเรื่องนึงของช่อง 3 เขาเข้าใจว่าเราเป็นอิสระนานแล้ว แต่เราก็ยังอยู่กับเขาอยู่”

แต่ก็มีกระแสว่าทางผู้ใหญ่ไม่พอใจที่เรามาเล่นที่นี่ อันนี้จริงรึเปล่า?
“อืม...เจี๊ยบว่าคงไม่หรอกค่ะ ด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาคงไม่มีไม่พอใจ แต่เขาอาจจะแบบว่า... เอ่อ...จะตอบว่าไงดี เจี๊ยบว่าถ้าเขาไม่พอใจ เขาคงไม่มีอะไรให้เราเล่นแล้ว แต่ก็ยังมีละครให้เราได้เล่นต่อ”

ข่าวออกมาค่อนข้างแรง เหมือนพูดประมาณว่ามาเล่นที่นี่ไม่โอเคหรอก คนไม่น่าจะสนใจ?
“ตัวเจี๊ยบเองก็ยังไม่รู้ค่ะ เจี๊ยบไม่ได้มาช่อง 7 นานมากแล้ว เจี๊ยบก็ไม่รู้ว่าแฟนๆ ละครช่อง 7 จะโอเคกับเรามั้ย พูดตรงๆ ก็มีความกังวลอยู่

แต่ว่าอย่างที่บอกเจี๊ยบก็ทำเต็มที่ในทุกซีน แต่เรื่องที่ผู้ใหญ่บอก เจี๊ยบเชื่อว่ามันมีความเป็นห่วงมากกว่าค่ะ ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะเป็นห่วงว่าเราจะบาดเจ็บมั้ย หมายถึงว่ามาแล้วจะเป็นแผลกลับบ้านมั้ยมากกว่า คงไม่ได้พูดเหมือนว่าไม่อยากให้มา เพราะเราก็เคลียร์ทุกอย่างหมดแล้ว”

จริงๆ เราหมดสัญญานานแล้ว พอมีบทเรื่องนี้มาก็อยากเล่น?
“ใช่ค่ะ หมดนานแล้ว ตอนนี้เป็นแค่สัญญาใจ ก็เลยบอกเค้าว่าอยากเปลี่ยนบทบาทค่ะ”

ก่อนมาเล่นเรื่องนี้ เราได้ขอกับทางช่อง 3 มั้ย?
“ขอค่ะ เจี๊ยบก็จะบอกหมดทุกอย่างค่ะ อย่างที่บอกเราเป็นเด็กที่บอกๆๆ จะไม่ไปทำแล้วให้เค้าเห็นเอง ไม่ใช่เจี๊ยบค่ะ เราจะบอกตรงๆ เลยว่าอยากเล่นอยากทำ ถึงแม้เราหมดสัญญานานแล้ว แต่เราให้เกียรติเขา บอกว่าจะมาเล่นที่ช่องนี้ เป็นบทแบบนี้ค่ะ”

รู้สึกยังไงบ้างที่มีกระแสว่าพอเราย้ายมาที่นี่ จะต้องมีปัญหากับอีกช่องหนึ่งแน่นอน?
“อืม...เจี๊ยบไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นยังไงนะคะ แต่สำหรับเจี๊ยบ ผู้ใหญ่ก็ยังน่ารักกับเจี๊ยบอยู่ อย่างที่บอกพอเปิดเรื่องนี้มาสักพักก็มีอีกเรื่องนึงอยากให้เล่น เราก็ยังกลับไปรับใช้เหมือนเดิมค่ะ เพราะปีนี้เจี๊ยบก็กะรับแค่ 2 เรื่อง ก็คือเรื่องนี้กับช่อง 3 และก็ไม่ได้รับกับใครแล้วค่ะ”

กลัวมั้ยว่าหลังจากเล่นเรื่องนี้ไปงานกับช่อง 3 อาจจะน้อยลง เพราะภาพเราก็มาเล่นที่นี่แล้ว?
“ด้วยอายุของเราด้วยค่ะ เราก็ไม่ได้เหมือนเด็กที่มารับละครทีละ 3-4 เรื่องเหมือนแต่ก่อน เจี๊ยบว่าความสัมพันธ์กับช่อง 3 มันเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้องไปแล้วค่ะ

...

มันเป็นเหมือนครอบครัวไปประมาณนึงค่ะ เหมือนเขามีอะไรเค้าจะพูดกับเราตรงๆ ว่าเราทำอย่างนี้ไม่ได้ ได้ไม่ได้เขาก็จะบอก แต่เรื่องที่จะมีละครน้อยลงมั้ย ก็ต้องแล้วแต่ผู้ใหญ่พิจารณาเหมือนกันค่ะว่าจะยังไง”

เจอกระแสแบบนี้รู้สึกแย่มั้ย ย้ายมาก็โดนจับตามอง?
“เจี๊ยบได้ยินมานะคะ คือเจี๊ยบโชคดีที่เจี๊ยบไม่ชอบเก็บอะไรไปคิดเลยค่ะ เป็นคนที่จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะทำงานให้ใครเราก็ต้องทำให้ดีที่สุดสมกับที่เขาไว้วางใจเรามากกว่า จะไม่ค่อยคิดว่าทำอย่างนี้มากไปจะโกรธมั้ย ก็คือเต็มที่ทั้ง 2 ที่เลยค่ะ”

ยืนยันว่ากับทางช่อง 3 ก็ยังดีกันอยู่?
“ใช่ค่ะ ยังสามารถกลับไปทำงานกันได้เหมือนเดิมค่ะ”

ตอนนี้นอกจากช่อง 7 แล้ว มีละครของที่อื่นติดต่อมามั้ย?
“อย่างตอนนี้ก็มีเรื่อง "ฟ้ามีตะวัน" ทางช่อง 7 และเรื่อง "สร้อยสะบันงา" ทางช่อง 3 ที่ถ่ายแน่ๆ 2 เรื่อง แต่ส่วนอื่นๆ ก็จะเป็นเรื่องของระยะเวลา ปีนี้อาจจะไม่ได้ทำอะไรเยอะค่ะ ก็มีติดต่อมาเรื่อยๆ ค่ะ ตอนนี้มีแค่นี้ก่อน ต้องให้เวลาสามีด้วยค่ะ (หัวเราะ)”

...

พูดถึงสามี เป็นยังไงบ้างกับเรื่องงานเรื่องธุรกิจ?
“ตอนนี้ก็เรื่อยๆ ค่ะ พี่บอยก็ยังทัวร์คอนเสิร์ตอยู่เรื่อยๆ แต่มีช่วงนี้ที่ลดลง เค้าก็ทำเพลงเบื้องหลัง ทำเพลงละครด้วยค่ะ โปรเจกต์เค้าค่อนข้างเยอะเหมือนกัน แต่พอแต่งงานแล้วเราก็มีหน้าที่เพิ่มมากขึ้น เรื่องการดูแลเค้า หลายๆ อย่างเพิ่มขึ้นนิดหน่อย”

ช่วงนี้ก็มีเรื่องของโควิด-19 มันกระทบกับธุรกิจร้านอาหารเรามั้ย?
“กระทบเยอะค่ะ เพราะว่าหนึ่งคือคนไม่ออกจากบ้าน สองของเจี๊ยบเป็นชาบูและร้านอาหารญี่ปุ่น คนไม่ทานอาหารญี่ปุ่นเลย ณ ตอนนี้ ทานน้อยมาก แต่โชคดีที่เรามีชาบูด้วย ก็ยังมีเนื้อหมู เนื้อไก่ ที่กินได้

แต่ว่าอาหารญี่ปุ่นคนเบรกเยอะมาก เข้าใจว่าส่งมาจากญี่ปุ่นกลัวจะติดเชื้ออะไรแบบนี้ค่ะ แต่เราเข้าใจได้นะ เพราะว่าถ้าเป็นเราเราก็อาจจะไม่กล้ากิน เพราะฉะนั้นมันลดไปตามกาลเวลาอยู่แล้วค่ะ เจี๊ยบว่ามันไม่ใช่แค่ร้านเราร้านเดียว เป็นร้านอื่นด้วย”

ตอนนี้เรามีมาตรการรับมือยังไงบ้าง?
“อย่างที่ร้านก็ทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกวันค่ะ ต้องเน้นว่าทุกวันเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ แต่ว่าอย่างอื่นมันนอกเหนือการควบคุม เด็กเราก็ให้ล้างมือ ใส่แมสก์ อย่างอื่นเราก็ไม่รู้ว่ายังไงค่ะ เรื่องเด็กไปต่างประเทศก็ไม่มีอยู่แล้วในร้าน เพราะตัวเราเองก็ไม่ได้ไปไหนเลย นานแล้ว”

...

เห็นว่าเรื่องหนี้ธุรกิจก็เคลียร์เรียบร้อยแล้ว?
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ก็เหลือในส่วนของบ้าน (เป็นยังไงบ้างฝ่าฟันมาค่อนข้างเยอะ?) ก็ค่อนข้างเยอะ แต่เรามาถึงจุดนี้ได้มันก็สบายแล้วค่ะ ก็โล่งใจ รู้สึกว่าเงินเป็นของเราแล้ว (หัวเราะ) ทำงานมาก็ได้เก็บเป็นของเราแล้ว เรียกว่าไม่ต้องจัดสรรอะไรเยอะค่ะ ก็จัดสรรแค่ตัวเรา ปวดหัวน้อยลง”

อย่างตอนนี้มีโควิด-19 อาจจะทำให้สะดุดในเรื่องของค่าใช้จ่ายมั้ย?
“เจี๊ยบว่าไม่ได้เป็นที่เราคนเดียวค่ะ ก็เลยรู้สึกทำใจว่าเศรษฐกิจมันเป็นแบบนี้ด้วยค่ะ ทำอะไรไม่ได้”

ถามถึงเรื่องมีลูก อยากให้มีภายในปีนี้มั้ย?
“ตามธรรมชาติ ไม่ได้รีบค่ะ คุณหมอบอกว่าให้เป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าปีนี้หรือปีหน้าเค้ามาก็โอเค ถ้าไม่มาก็ไม่เป็นไร ก็อยู่กันตายายได้”

ภายใน 2 ปี ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร?
“ถ้าอายุเกินเกณฑ์แล้วก็คงไม่เป็นไร แต่คุณหมอบอกว่าสมัยนี้อายุ 40 กว่ายังมีลูกได้ เราก็เลยปล่อยไปตามธรรมชาติดีกว่าค่ะ”.