เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสตรองสุดๆ สำหรับ ต่าย ชุติมา โดยเจ้าตัวได้อัปเดตชีวิตช่วงนี้ว่าแฮปปี้ดี พร้อมเล่าถึงการเลี้ยงลูกสาว น้องพิพิม ในฉบับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวว่า แบ่งเวลาทำงาน กับเวลาอยู่กับลูกอย่างชัดเจน อีกทั้งยังยึดหลักพระพุทธศาสนาในการใช้ชีวิต 

เมื่อมีโอกาสได้เจอ ต่าย ชุติมา เดินสายโปรโมตซีรีส์ Mother…เรียกฉันว่าแม่ ที่ออกอากาศทางไลน์ทีวี บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ จึงได้อัปเดตถึงชีวิตช่วงนี้ และการเลี้ยง น้องพิพิม โดยเจ้าตัวเปิดใจเล่าว่า

การเลี้ยงลูกเป็นคุณแม่เต็มตัว แบ่งเวลารับงานยังไง?
“ก็ช่วงที่ลูกไม่อยู่ก็รับไปถ่ายละคร หรือถ่ายรายการของตัวเองค่ะ”

เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเต็มตัว?
“มีอากง อาม่า ช่วยเลี้ยง บ้านจะอยู่ใกล้ๆ กัน จริงๆ เราก็อยู่กับเค้าตลอดแหละ เวลาไปทำงานก็จะพาไปด้วย ไม่ว่าจะทำอะไร เพื่อที่จะให้เค้าเรียนรู้ด้วยว่า สังคมเป็นแบบนี้นะ การอยู่บนโต๊ะอาหารต้องทำยังไง เราเห็นว่าอะไรจุดไหนที่ดึงมาสอนได้เราก็สอนเค้าตลอด”

น้องพิพิม เป็นเด็กเลี้ยงง่ายมั้ย?
“เลี้ยงง่าย ด้วยความที่เด็กเป็นเหมือนผ้าขาว เวลาเราใส่โปรแกรมอะไรลงไปมันก็จะทำให้เค้าเป็นแบบนั้นด้วย เข้าใจแหละว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างฝาแฝดโตมาพร้อมกันเลี้ยงมาพร้อมกัน ความคิด นิสัย ยังไม่เหมือนกันเลย เนเจอร์ที่เราใส่เข้าไปได้มันก็ทำให้เค้าเป็นเด็กมีเหตุผล มีกรอบ

พยายามสอนเค้าสิ่งที่ดีควรทำเพราะอะไร ไม่ควรทำเพราะอะไร เค้าก็จะคอยถาม อันนี้ทำได้มั้ยคะ เพราะอะไร อันนี้ทำไม่ได้เพราะอะไร ซึ่งมันก็ดี โตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ใช้อารมณ์ แล้วก็อยู่กับความเป็นจริงได้”

...

เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเหนื่อยกว่ามั้ย?
“ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ เพราะว่าเหมือนเรามีครอบครัวที่คอยซัพพอร์ต มีเพื่อน พี่ชาย แม่เรา มีคุณยายที่หวังดีจริงๆ มีความรักความใส่ใจ มีเวลาทุกอย่าง”

น้องเคยถามมั้ยว่าพ่อไปไหน?
“เค้าไม่ได้ถามนะ เค้าจะรู้ชีวิตประจำวันเค้าแหละ วันนี้อยู่กับหม่าม๊า วันไหนทำอะไร ในสถานการณ์ต่างๆ เราก็จะให้เค้ามองทุกอย่างเป็นบวก”

เราได้อธิบายเค้ามั้ย?
“อันนั้นจะเป็นตอนเด็กๆ ที่เค้ายังไม่เข้าใจ ยังไม่รู้เรื่องเท่านี้ พอเค้าโตขึ้น เค้าก็รู้ว่าวันนี้ต้องทำอันนี้ แต่เค้าไม่ได้สงสัยไปถึงขนาดว่า อะไร ทำไม ต่ายว่าเค้าได้รับความรักที่เต็มที่ คือเหมือนกับว่ามาเจอเราเค้าก็จะได้อยู่กับเรา ได้ทำกิจกรรมกับเรากับคุณยายเต็มที่”

กังวลมั้ยว่า อนาคตถ้าน้องโตไปจะไปเจอสังคมโซเชียล?
“ไม่ได้กังวลมาก คือเราไม่ได้อยากไปกังวลล่วงหน้า ถ้ามันจะเกิดขึ้นเราก็พร้อมจะอธิบายความจริงกับลูกอยู่แล้ว เพราะว่าเราจะอยู่บนพื้นฐานกับความจริงเสมอ

แล้วเราผ่านความเป็นลูกมาแล้ว ผ่านความเป็นแม่ ทุกอย่างมันควรคุยกันแบบเปิดอก เพราะว่าถ้าเกิดการปิดบังขึ้น เค้าก็จะปิดบังเราเหมือนกัน แล้วเพื่ออะไรล่ะ ในเมื่อความจริงใจจุดแรกที่มีมันควรเป็นครอบครัว หรือถ้าลูกสงสัยอะไรเรายินดีรับฟังและอธิบายทุกอย่าง”

เอาจริงๆ ต่ายดูเป็นผู้หญิงแมนๆ?
“มันก็เสียใจได้ แต่ต้องมีสติ เพราะว่าเราก็ยึดในพุทธศาสนาตลอดแหละว่าให้อยู่กับปัจจุบัน เพราะว่าเราเคยผ่านในจุดที่ทำไมเราเสียใจ แต่ว่าการมานั่งเสียใจไม่ใช่ ตรงนี้มันคืออดีตแล้วเราดึงอดีตมาทุกข์ทำไม เราพยายามอยู่กับลมหายใจที่เรานั่งอยู่

เมื่อคุยอยู่กับปัจจุบันแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเราก็นำมาเป็นบทเรียนได้ประสบการณ์เพื่อสอนลูก หรือให้คำแนะนำเพื่อน ว่าสิ่งที่เราเจอมาเป็นแบบนี้นะเพื่อให้เพื่อนของเราเจอสิ่งที่ดีขึ้น เราก็มีแต่ความหวังดีและความจริงใจให้กับคนรอบข้างเรา”

เคยคิดมั้ยว่าเรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นกับเรา?
“เจอมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ชิน คือหมายถึงว่าเราจริงใจกับเพื่อน แต่เพื่อนหักหลังก็บ่อย เราก็รู้สึกว่าโอเค ถ้ามองไปในพุทธศาสนามันก็คือกรรมของคนคนนึงที่มาต้องเจอแบบนี้บ่อย

แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนโดนโกงบ่อยเพราะอะไรมันก็อาจจะเป็นกรรม เราก็ต้องดูว่าจุดๆ นั้นของเราคืออะไร เราก็ต้องพยายามแก้ ปล่อยวาง เหมือนบอกตัวเองว่าเราจะไม่ทำแบบนี้ ถ้าเราเคยทำไม่ดีกับใครมาเราก็ขอโทษเค้าด้วย”

...

อนาคตจะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หรืออยากมีคนสักคนมาดูแลมั้ย?
“เราว่าจุดๆ นี้เราก็แฮปปี้แล้วนะ ในการที่เรามามีลูกมีครอบครัว ถ้ามีจะมีคนคนนึงก็ต้องมาเพิ่มความสบายใจไม่ใช่เพิ่มปัญหา คือถ้าเราอยู่แบบนี้แล้วดีแล้ว แต่ถ้ามีคนเข้ามาแล้วโอเค เราก็ให้โอกาส แต่ถ้าไม่โอเค เราก็บอกผ่านไปเลย ไม่ใช่ต้องไปตามหาหรือดึงมาเป็นจุดใหญ่ๆ ในชีวิต”

แล้วตอนนี้มีคนกล้าเข้ามามั้ย แล้วเราเปิดรับ?
“ก็มีบ้าง ก็เปิดรับบ้าง ดูแล้วน่าจะจูนกันได้ก็คุยบ้าง แต่ถ้าไม่น่าใช่แต่แรกก็บอกไปเลย จะได้ไม่เสียเวลา ไม่รู้จะทำเพื่ออะไร กักไว้ทำไมมันก็เสียเวลา”.