เป็นอีกครอบครัวที่หลายคนยกให้เป็นครอบครัวสุดอบอุ่น สำหรับครอบครัวของ เป้ย ปานวาด และ ป๊อป นิธิ บุญยรัตนกลิน แต่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า เบื้องหลังของความเป็นครอบครัวสุดอบอุ่นนี้ สาวเป้ย ปานวาด ต้องพบเจอกับอะไรบ้าง ซึ่งสาวเป้ยได้เปิดใจเล่าในรายการคลับฟรายเดย์ว่า
รักครั้งแรกมีครูเป็นแม่สื่อ?
ใช่ค่ะ ที่หาดใหญ่ ในโรงเรียนเวลาไปไหนจะมีคนคอยจับจ้องเวลาเดินไปไหน จะมีคนมองจนน่ากลัว ครูประจำชั้นเป็นห่วง เลยบอกเพื่อนผู้ชายในห้องที่มาชอบเราว่า ช่วยดูแลเทคแคร์หน่อย ไปไหนก็ตามแต่ ยิ่งในโรงเรียนเวลาเข้าโรงอาหารทุกคนร้อยๆ คนต้องหันมามอง ทุกคนไม่กล้ากินข้าวกับเรา
แล้วการที่คุณครูให้บอดี้การ์ดมาดูแลเป็นยังไง?
ก็เป็นแฟนกันค่ะ แต่ว่าไม่ได้คบกันนานมากเพราะมีเหตุที่ต้องทำให้แยกกัน ก็เสียอกเสียใจไป ถือว่าอกหัก ร้องไห้ ตัดพ้อ ฟังเพลงเศร้า
ภาพลักษณ์เป้ยเป็นสาวเซ็กซี่ตั้งแต่เข้าวงการ?
เป้ยไม่ได้เซ็กซี่เลย คำว่าเซ็กซี่มันเป็นบทบาทหน้าที่ในงานด้านอื่นมากกว่า แต่จริงๆ เป้ยเป็นเด็กผู้หญิงที่ธรรมดามากๆ เวลาจะรับงานเซ็กซี่แต่ละครั้ง ไม่ว่าถ่ายแบบหรืออะไรก็ตาม เป้ยจะมองไปที่กล้อง แล้วคิดว่าฉันเซ็กซี่ที่สุด ฉันสวยที่สุด สะกดจิตเพื่อให้ได้งานออกมาแล้วคนดูก็เชื่อ
...
เป้ยไม่ได้อยากมีภาพลักษณ์เซ็กซี่ และรู้สึกว่าไม่อยากอยู่ในวงการนี้?
ใช่ค่ะ มันมีข่าวหนึ่งที่เข้าใจผิดในตัวเรา นักข่าวไปตั้งฉายาให้ เรามีความรู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นคนแบบนั้น เราคิดอะไรก็พูดแบบนั้น แล้วตอนนั้นไม่มีต้นสังกัด ไม่มีผู้ใหญ่ดูแล เราดูแลตัวเอง ไม่มีคนคอยบอกว่าต้องตอบนักข่าวแบบไหน ก็ตอบไปตามความจริงที่ได้เจอมันยิ่งไปกันใหญ่ คือข่าวทำให้คนมองเราผิด แล้วเราก็เป็นผู้หญิงคนเดียวตัวเล็กๆ อยู่ในวงการบันเทิง ท้อไปหมด
เป้ยคิดจะออกจากวงการ เพราะว่ามันไม่ไหวแล้ว เราก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ เราท้อ ไม่รู้ว่าจะทำงานต่อไปทำไม วันนั้นร้องไห้จนไม่รู้จะทำยังไง แล้วไม่รู้จะหันไปมองใคร ก็เลยโทรหาแม่ ปกติเป้ยกับแม่จะคุยกันทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่เป้ยไม่เคยโทรไปร้องไห้ เพราะเป็นคนที่เวลาเจอเหตุการณ์อะไร เป้ยจะหาเหตุและผลคอยปลอบใจตัวเองตลอดเวลา
แต่ครั้งนี้ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาปลอบใจเรา จนต้องโทรไปหาแม่แล้วร้องไห้อย่างเดียวจนแม่พูดมาประโยคหนึ่งว่า ถ้าไม่ไหวก็ออกจากวงการเดี๋ยวแม่เลี้ยงเอง ประโยคนั้นมันทำให้ตื่นขึ้นมาแล้วเรามีความรู้สึกว่า ฉันมีรายได้ที่ให้แม่ทุกวันนี้ เลี้ยงตัวเองทุกวันนี้ก็เพราะมาจากงาน แล้วทำไมจะต้องไปแคร์เรื่องพวกนี้ ต้อง
เดินหน้าต่อไป
เปิดตัวด้วยภาพเซ็กซี่ก็มีคนเข้ามาคุกคาม?
ถ้าเกิดมอง ณ ตอนนี้นะคะ ก็จะขำกับเรื่องพวกนี้ แต่สมัยก่อนน่ากลัวมากเพราะมันจะมีผู้ชายหลายๆ คนมาชอบเรา บางคนก็เลือกใช้วิธีที่ว่าพาพ่อแม่มาสู่ขอเรา ไม่เคยรู้จักไม่เคยเจอ แต่พาพ่อแม่มาด้วย เค้าก็มาบอกว่ารักเรามานาน เค้ามาที่บ้านมาขอพบผู้ใหญ่ เราไม่รู้ก็เชิญเข้าบ้าน แต่ปรากฏว่าเข้าเรื่องขอแต่งงานมาขอหมั้นไว้ก่อน
เป้ยงง แต่โชคดีที่ผู้ใหญ่ก็รู้ว่าเป็นยังไง แล้วต้องคุยยังไง บางคนก็น่ากลัวนิดนึงขี่มอเตอร์ไซค์มาหน้าบ้านแล้วก็มาหาเรา มาพูดว่าเคยเป็นเพื่อนสมัยก่อน พอเห็นท่าไม่ดีก็ปิดประตูบ้านใส่กุญแจคล้อง เค้าก็เอากุญแจรถเค้ามาไขกุญแจบ้านเรา แล้วพยายามเปิด ทุกวันต้องซื้อกล้วยทอดมาแขวนหน้าบ้านให้เรากิน ก็หลอนๆ นิดนึง
เป้ยมีสเปกผู้ชายยังไง?
เป้ยชอบตี๋ๆ ขาวๆ เหมือนวอนบิน ชอบมากผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ต
เจอกับป๊อปได้ยังไง?
เป้ยไปทำบุญที่สถานเลี้ยงเด็กแห่งหนึ่ง ไปกับคุณครีม เปรมสินี แล้วมีโอกาสได้เจอคุณแม่ของคุณป๊อป แม่ของคุณป๊อปเป็นคนอัธยาศัยดี รู้ว่าเป้ยชอบทานส้มตำก็เลยชวนไปทานส้มตำที่บ้านก็เลยเจอคุณป๊อป
ทั้งหมดเป็นความบังเอิญ ไม่มีการจัดฉาก?
ครีมก็แหย่ๆ นิดนึงว่า ลูกชายเค้าหล่อนะ นิสัยดีไม่มีแฟน ตอนนั้นเราก็โสดอยู่ ก็ขำๆ ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย พอเจอก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้ แล้วก็ไม่ได้ปิ๊ง ไม่ได้ชอบด้วย ตอนที่เจอก็เฉยๆ มากค่ะ แต่ว่าก็มีบางอย่างที่ทำสะดุดตา ก็มองๆ เค้านิดนึง คือตอนนั้นโต๊ะอาหารเป็นโต๊ะยาว แล้วมีอาหารเยอะแยะ แล้วเค้าก็บอกแม่บ้านให้ไปทำบวบผัดไข่ เราก็เอ๊ย ชอบกินเหมือนเราเลย เราก็ขำๆ นิดนึงค่ะ
หลังจากทานอาหารเสร็จไปนั่งคุยกันที่บ้านครีมต่อ จะแยกกันกลับบ้าน เค้ามาขอเบอร์แต่เราก็ไม่อยากให้ ถ้าโทรมาก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ก็ให้บีบีไป ถ้าส่งมาเราไม่อ่านก็คงไม่เป็นไรหรอก ก็คิดแค่นั้น จนเค้าติดต่อมาบ่อยๆ แล้วก็คุยแบบไม่ได้ชอบ เวลาไปไหนด้วยกันก็ต้องมีเพื่อนไปตลอด ไม่เคยไปคนเดียว
...
จากไม่ชอบแล้วมันเริ่มจากตรงไหน?
ต้องบอกก่อนว่าเราก็มีประสบการณ์ความรักที่มันไม่ค่อยโอเค และเราเป็นคนที่เวลารักใครรักจริงมาก และก็คิดถึงอนาคต พอเจออะไรเจ็บมากๆ ก็รู้สึกแขยงเรื่องนี้ วันที่เค้ามาขอเป็นแฟน เราก็บอกตรงๆ ว่ายังไม่พร้อมแล้วก็ยังไม่ได้รู้สึกถึงขั้นที่เรียกว่า ชอบหรือรัก เราก็ถามเค้าก่อนว่าเป็นคนเจ้าชู้รึเปล่า ถ้าเป็นคนเจ้าชู้ขอไม่เป็นแฟนดีกว่า เป็นเพื่อนดีกว่า
แล้วใครจะตอบว่าเจ้าชู้?
ก็ใช่ไง ก็โง่ไง คือ ณ ตอนนั้นเราก็เกริ่นให้เค้ารู้ก่อนว่าเราไม่ชอบคนเจ้าชู้ เป้ยก็พูดต่อว่าเออ ลองเก็บไปคิดก่อนเนอะ อย่าเพิ่งให้เป้ยมานั่งตอบตอนนี้ เพราะถ้าตอบตอนนี้เป้ยก็บอกเลยว่า เป้ยยังไม่พร้อม จนเรามีการคุยกันมาเรื่อยๆ เค้าไปเรียนต่างประเทศ ความรู้สึกมันก็ค่อยๆ ดีขึ้น จนเค้ากลับมาจากต่างประเทศ และได้มาเจอกัน ได้มาคุยกัน ก็รู้สึกโอเคขึ้น ก็เลยเป็นแฟนกัน
ตอนขอแต่งงานเป็นยังไง?
ไม่มีอะไรเลย อยู่ในห้องเค้าก็บอกว่าต้องไปเรียนต่างประเทศอีกครั้งนึง แล้วต้องไปนาน เค้าอยากให้เราไปด้วย อยากหมั้นไว้ก่อน ณ ตอนนั้นก็รู้สึกดีและมีความรู้สึกว่า การที่หมั้นไม่ได้แต่งงานเราก็ยังมีสิทธิ์ดูเค้า และเราก็มองว่าคนที่ห่างกันไกลการที่หมั้นกันก็เหมือนเป็นการตีตราจอง ก็เลยรับหมั้น
...
ลังเลใจมั้ยการหมั้นอาจจะกระทบกับงาน?
เราอยากจะถอยคำว่าเซ็กซี่แล้ว เพราะมันไม่ใช่ตัวตนของเราแต่เราก็ยากทำงาน ถ่ายละครทั่วๆ ไป เพราะสำหรับเป้ยก็รู้สึกว่าอิ่มกับความเซ็กซี่แล้ว
หลายคนมองว่าตัดสินใจแต่งงานเร็ว?
เรื่องระยะเวลาไม่ใช่เป็นสิ่งกำหนดตายตัวว่าคนคนนั้นจะดีหรือไม่ดี ที่ผ่านมาคบกันมาหลายปีแต่มาโป๊ะแตกตอนหลังก็มี แล้วทุกวันนี้ถามว่าคิดผิดรึเปล่า บอกตรงๆ ว่าไม่ได้คิดผิด คิดถูกค่ะ
ตอนที่มีลูกเหมือนกับว่าเป็นซึมเศร้า?
เป็นทั้ง 2 คนเลยค่ะ ณ ตอนนั้นมันเหมือนกับทุกๆ อย่างมืดมนไปหมด ว้าเหว่ ไม่มีใคร จากที่เคยทำงานในวงการบันเทิง ย้ายเข้าบ้านใหม่ เลี้ยงลูกไม่เป็นเพราะเป็นลูกคนแรกไม่มีประสบการณ์ บวกกับฮอร์โมนที่เราเจอ คุณป๊อปไม่อยู่ ทุกๆ อย่างมันดูโหดร้ายสำหรับเรามากๆ จนคิดว่าไม่อยากอยู่แล้ว ณ ตอนนั้น มองหน้าลูกยังบอกว่ายังอยากเลี้ยงลูก เลยพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองฟื้นฟูให้เร็วที่สุด ยอมรับว่าครั้งนั้นเกือบเซไปเลย
แต่ไม่ได้ไปพบคุณหมอ ตอนนั้นเวลาทำให้ดีขึ้น พอท้อง 2 รู้แล้วแต่รู้สึกว่ามันหนักขึ้น ก่อนที่จะคลอดน้องปาลินมันมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้เป้ยพบจิตแพทย์ มันก็เลยทำให้ดับเบิ้ล แต่โชคดีที่เรามีคุณหมอปรึกษาและรู้ว่าเรากำลังจะแย่ คุณหมอก็พยายามหาทางเบนความสนใจ จากที่แย่ๆ ก็ต้องไปทำอะไรที่เราแฮปปี้ที่สุด ชอบที่สุด
...
วันนึงที่รู้สึกแย่มากๆ ให้นมลูกอยู่ แล้วพี่หนิงเดินเข้ามาหาในห้องนอน เค้าถามเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมหน้าตาแบบนั้น เราก็จิกขาตัวเองบอกไม่มีอะไรๆ พอพี่หนิงออกไป เราร้องไห้โฮ ถ้าเกิดร้องไห้ต่อหน้าเค้า เค้าก็จะกลุ้มใจอีกว่าเราเป็นอะไร ที่เป้ยไม่บอกใครว่าเป็นอะไรเพราะไม่อยากให้พี่หนิงคิดมาก เพราะพี่หนิงก็งานเยอะอยู่แล้ว จนเราดีขึ้นๆ เราถึงมาบอกเค้าว่าตอนนั้นเราเป็นแบบนี้
ตอนหาหมอต้องกินยามั้ย?
ต้องกินยา คุณหมอบอกว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ แล้วเคยมีประวัติว่าเป็น baby blue ถ้าไม่รีบรักษาจะเป็นโรคซึมเศร้า คุณหมอก็จัดยาที่คนตั้งครรภ์สามารถทานได้ รักษาสภาพจิตใจตัวเอง พยายามทำให้ทุกๆ อย่างที่จะให้กินยาได้น้อยที่สุดเพราะท้องอยู่
จริงๆ การที่มีเพื่อนแค่เล่ามันก็จะเบาลง?
กับพี่หนิงพูดอะไรไม่ได้เลย พร้อมพุ่งแทนเป้ยทุกอย่าง เป้ยเป็นห่วงเค้ามาก
อยากบอกอะไรกับสามี?
เป้ยไม่ได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่เกิด เป้ยอยู่กับคุณยาย แต่ว่าเป้ยก็ไม่ได้เป็นคนที่ขาดความรักเพราะว่าคุณยายและคุณแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดคอยติดต่อเป้ยตลอด และเป้ยก็มีคุณพ่อคุณแม่บุญธรรมคอยเติมเต็มตรงนี้ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีปม
เวลาที่เราต้องไปพบกับสถานการณ์ที่ที่คนอื่นอยู่ด้วยกันพร้อมครอบครัว เราก็จะรู้สึกและเก็บมาคิดว่าถ้าเป็นเรา เราไม่อยากให้ลูกขาดดีกว่า ถ้าสมบูรณ์แบบมันก็จะดีกว่า หลักการอันนี้มันก็เลยสอนเป้ยมาทุกวันนี้ พยายามทำอะไรก็ได้ประคับประคองให้ครอบครัวสมบูรณ์ที่สุด
ถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆ จะไม่ให้ลูกขาดพ่อ เป้ยคิดแบบนี้ ไม่อยากให้ลูกเป็นเหมือนเป้ย แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็ต้องชั่งน้ำหนักด้วยว่าเป้ยรักเค้าอยู่รึเปล่า ตรงนี้มากกว่า เมื่อก่อนทำงานในวงการ แต่พอแต่งงานคือทำหน้าที่ภรรยา และทำหน้าที่คุณแม่อย่างเต็มตัว เป้ยเต็มที่ทุกอย่างเรื่องลูก เรื่องสามี เป้ยจะพยายามทำทุกอย่างให้มันไปได้ดีที่สุด
เป้ยรู้ว่ามันเหมือนขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ เพราะว่าตอนแรกๆ ตอนที่มีน้องโปรดเราก็มีความรู้สึกว่าเราโฟกัสเรื่องลูกมากเกินไป จนขาดอะไรบางอย่างหรือว่าลืมอะไรบางอย่างในหน้าที่ภรรยา จากปกติเราจะมีอาหารเช้าให้เค้า เราลืมตรงนั้น พอเรารู้ตัวปุ๊บเรารีบปรับ
จนเป้ยเคยถามคุณป๊อปว่า เป้ยไม่ดีอะไรรึเปล่า บกพร่องอะไรมั้ย เค้าก็จะบอกเราว่าไม่มีเลย ทำได้ดีที่สุด ถ้าสมมติว่าเราคิดว่าวันนึงถ้ามันมีอะไรผิดพลาดไปเราก็ทำเต็มที่แล้ว อย่างที่บอก คือเลือกไม่ผิดแล้วค่ะ ก็พยายามจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนนึงจะทำได้ ขอบคุณที่ป๊อปยังอยู่ข้างๆ กัน ต่อให้เราเกิดปัญหาอะไรมากมาย ป๊อปก็ยังอยู่กับเป้ย และเป้ยก็เชื่อว่าป๊อปรักเป้ย และเป้ยก็รักป๊อป เท่านี้เองก็ขอบคุณมากๆ.