กลายเป็นดราม่าร้อนให้ขาเผือกมุงกันเพียบ สำหรับกรณีที่นางเอกบาร์บี้ ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์ เทกองละคร “สายรุ้ง” ทางช่อง GMM25 ของค่าย Change 2561 ของผู้บริหารดัง พี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ซึ่ง ขวัญ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งบอกว่าเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด และไม่อยากลงรายละเอียดเพราะเป็นเรื่องเซนซิทีฟ ล่าสุด พี่ฉอด พร้อมทั้ง เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย และ กู่ เอกสิทธิ์ ตระกูลเกษมสุข ผู้กำกับละครเรื่องดังกล่าว มาร่วมงาน LINE TV Awards 2020 นักข่าวเลยถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ล่าสุดขวัญออกมาพูดแล้ว ได้ฟังรึยัง?
พี่ฉอด “ก็ได้ยินบ้างค่ะ (หัวเราะ)”
หลายคนอยากทราบเหตุผล?
พี่ฉอด “คือเรื่องราวที่เกิดขึ้น พี่ว่าทุกคนก็คงพอจะได้ยินข่าวกันว่าเกิดอะไรขึ้นนะคะ มาถึงตรงนี้แล้วพอดีมันก็ผ่านล่วงเลยมาหลายวันแล้วเนอะ สำหรับพี่นะคะ พี่มองว่ามันก็คือปัญหาอันนึงที่มันเกิดขึ้นในการทำงานของพวกพี่ ซึ่งพวกพี่ก็มีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาไป กว่าจะมาถึงวันนี้ทุกอย่างมันถูกแก้ไขไปหมดแล้ว พี่ก็เลยรู้สึกว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เราต้องมาพูดอีกว่าใครถูกใครผิดหรือดีเทลเป็นยังไง”
...
ไม่ได้โกรธแล้วใช่มั้ย?
พี่ฉอด “ไม่ได้โกรธเลยตั้งแต่ต้นค่ะ”
น้องขวัญก็บอกรักพี่ฉอดหลายครั้งเหมือนกัน?
พี่ฉอด “ค่ะ ได้ค่ะ พี่ก็รักขวัญค่ะ (หัวเราะ)”
ขวัญบอกว่าเป็นเรื่องการสื่อสารผิดพลาด?
พี่ฉอด “คืออย่างนี้ค่ะ เวลาที่มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ตาม พี่ว่าคนที่จะรู้จริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็คงเป็นคนที่อยู่ตรงนั้น ซึ่งก็คงมีไม่กี่คนค่ะ แต่ว่าปัญหาที่มันจะเกิดออกมาก็คือ เราอาจจะมีมุมมองคนละมุม ความคิดเห็นคนละแบบ ต่างฝ่ายต่างพูดกันไปต่างๆ แล้วอาจจะมีผู้ที่อาจไม่รู้ แต่ว่าอยากแสดงความคิดเห็นต่างๆ เรื่องราวหลายเรื่องก็จะลุกลามใหญ่โตไปเรื่อยๆ ซึ่งพี่ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นค่ะ พี่ถึงได้บอกว่ามาถึงวันนี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องพูดกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ใครถูกใครผิดใดๆ แต่ว่าพี่ว่าวันนี้เราอาจจะคุยกันว่าพี่ก็ได้แก้ปัญหาในส่วนของพี่ไปยังไงบ้างนะคะ”
จริงๆ มันส่งผลกระทบในวันนั้นยังไงบ้าง?
พี่ฉอด “แน่นอนค่ะ เวลาทำละครมันจะเกี่ยวเนื่องกับคนเยอะ และเป็นเรื่องของคิว ซึ่งคิวของนักแสดง ทีมงาน ผู้กำกับ หรือคิวกับทางช่อง ซึ่งเราเองก็มีเดดไลน์กับทางช่อง เราต้องส่งชิ้นงานต่างๆ ค่ะ”
ขวัญบอกว่าจะยอมชดใช้ให้?
พี่ฉอด “ไม่เป็นไรค่ะ อาจจะไม่ได้เป็นปัญหาเรื่องเงินทองอย่างเดียว แต่อย่างที่บอกค่ะว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง โดยส่วนตัวพี่เองหรือพี่เอส พี่กู่ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ เราต้องไปขออภัยหลายๆ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานครั้งนี้นะคะ พยายามที่จะแก้ไขปัญหาต่อไปว่าทำยังไง เช่น ขออภัยกับนักแสดงหลายท่านที่มาแล้วไม่ได้ทำงาน หรือกับทางช่องที่งานล่าช้าไป ก็ได้แก้ไขไปหมดแล้ว”
ต้องเปลี่ยนนักแสดงเลย?
พี่ฉอด “เอ่อ อันนี้เป็นแบบเซนซิทีฟนิดนึง เพราะพี่ไม่ได้อยากให้พูดกันไปว่าขวัญถูกถอดหรือพี่ถอดขวัญ จริงๆ แล้วมันไม่ใช่นะคะ ในวันนั้นพอหลังรู้ว่าน้องขวัญเล่นไม่ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สิ่งที่เราต้องแก้โดยด่วนที่สุดก็คือเราต้องหาคนอื่นอยู่แล้วอัตโนมัติ ไม่ได้เกี่ยวกับการถอดหรือไม่ถอดอะไร เพียงแต่ว่าเราต้องทำงานไปข้างหน้าค่ะ เราต้องหาคนอื่น”
เหมือนเป็นการข้ามช่องมั้ยเพราะขวัญก็เซ็นสัญญาอีกช่องนึง?
พี่ฉอด “จริงๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไรในส่วนนั้นสักเท่าไรนะคะ จริงๆ ถ้าสมมติเรามองว่าปัญหาเป็นเรื่องความเข้าใจผิดต่างๆ ก็แบบนั้นก็ได้ค่ะ แต่อีกอย่างนึงที่ต้องขออนุญาตพูด คือเวลาที่เราพูดกันเรื่องการสื่อสารผิดพลาด หรือการเข้าใจผิดอะไรใดๆ พี่ว่าคนที่จะต้องรับในเรื่องนี้ก็คือทีมงานผู้ประสานงาน ซึ่งพี่ขออนุญาตพูดแทนเขานิดนึง เพราะว่าไม่งั้นมันจะกลายเป็นว่าความผิดมันจะไปตกอยู่ที่ตรงเขา ซึ่งเขาเป็นน้องๆ ทีมงานตัวเล็กๆ ไม่มีโอกาสได้มาชี้แจงอะไรแบบนี้นะคะ
...
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ปุ๊บ สิ่งที่เราทำก่อนเรื่องแรกก็คือเช็กในส่วนการทำงานของเราก่อนว่ามันมีอะไรผิดพลาด ขาดตกบกพร่องตรงไหนรึเปล่า ซึ่งก็ได้เช็กกันเรียบร้อย พอดีน้องที่ทำงานอยู่เขาก็มีหลักฐานในเรื่องการสื่อสารของเขาเรียบร้อยนะคะ ก็เลยคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นประเด็น คือแม้ว่ามีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น ก็คงไม่ใช่ความเข้าใจผิดอันเกิดจากทางฝั่งทีมงานของเรา พี่ขออนุญาตพูดแทนน้องที่ทำงานแล้วกันเนอะ ส่วนอื่นไม่ค่อยอยากจะบอกว่าเป็นความผิดของใคร
เอาจริงๆ พี่ก็ไม่ทราบจริงๆ เหมือนกัน วันนั้นพี่กับพี่เอสมีงานอีกที่นึงและยังไปไม่ถึงกอง ก็เลยได้แต่ฝากพี่กู่ให้ช่วยขอโทษอีกหลายท่านตรงนั้นนะคะ บางคนไปถึงกองแล้ว บางคนยังไปไม่ถึงกอง ก็ต้องขออภัยกัน รวมถึงพี่ๆ ทางพีพีทีวีด้วย ซึ่งพี่ๆ ทางพีพีทีวีก็น่ารักมากๆ เพราะตอนนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือทุกคนต่างขอโทษกันและกัน เราก็เลยได้ข้อสรุปอันนึงว่าบางทีเวลาที่เกิดอะไรขึ้น เราพูดคำว่าขอโทษกัน มันอาจจะไม่ได้หมายความว่าใครถูกใครผิด คำว่าขอโทษหมายความว่าเรามีความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น เรามีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่งพี่คิดว่าเป็นสิ่งที่โอเคที่สุดแล้วในสิ่งที่มันเกิดขึ้นนะคะ”
กู่เองในฐานะคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น รู้สึกสะเทือนใจถึงได้พูด?
กู่ “ไม่สะเทือนใจ ไม่ได้โกรธ แต่เรียกว่างงมากกว่า เพราะจริงๆ ในเหตุการณ์วันนั้นพี่กับน้องคุยกันแค่คำเดียว คือสวัสดีครับกับสวัสดีค่ะ และพี่ก็บรีฟงานกับพี่ตั๊ก มยุรา ต่อ หลังจากนั้นเสร็จพอพี่ลงไปถ่ายงานเพราะยังไม่ถึงส่วนของน้อง ข้างบนก็เสียงดังๆ นิดนึง เราก็เอ๊ะ เรื่องอะไร สุดท้ายเขาบอกว่ามีปัญหานิดหน่อย เราก็รอฟัง สุดท้ายน้องก็กลับเลย เรารู้เท่านี้”
...
เขาได้อธิบายมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?
กู่ “อ๋อ ไม่ครับ เขาพูดกับพี่แค่สวัสดีค่ะ พี่ก็เลยไม่รู้อะไร หลังจากนั้นเสร็จปุ๊บ พี่ก็งงๆ เพราะพี่เป็นคนต้องรับผิดชอบกองถ่ายทั้งหมดในวันนั้น เพื่อที่จะต้องไปบอกนักแสดงที่มาในวันนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ก็บอกได้แค่แบบกระท่อนกระแท่น เพราะพี่ก็ไม่รู้อะไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่พี่โพสต์มันคือความงง มันไม่ได้โกรธแต่มันงงจริงๆ น่ะ”
นักแสดงหลายคนที่เข้ามาคอมเมนต์ คนมองว่าเขาเคยเจอประสบการณ์เดียวกันรึเปล่า?
กู่ “อ๋อ อันนั้นพี่ก็ไม่ทราบ เพราะพี่ไม่เจอกับตัวพี่จะไม่พูด เพราะฉะนั้นพี่จะไม่สนอะไรทั้งสิ้น เพราะแต่ละคนปฏิบัติต่างกันอยู่แล้วไง แต่พอมาเจอตรงนี้พี่ก็อ้าว เหรอ ก็ไม่มีอะไร ก็งง”
วันนั้นเสียขวัญจริงมั้ย?
กู่ “ขวัญพี่อะยังอยู่ แต่ขวัญเดินจากพี่ไปเอง น่าจะเสียมั้ย (หัวเราะ)”
แต่ตอนนี้ได้นักแสดงใหม่เรียบร้อยแล้ว?
พี่ฉอด “ค่ะ ขออนุญาตยังไม่บอกแล้วกันนะ เพราะพี่เดาว่าถ้าบอกชื่อไป เดี๋ยวน้องก็ไปถามเขาว่ารู้สึกยังไงที่มาแทนถูกมั้ยคะ เขาก็จะเดือดร้อนซะเปล่าๆ เดี๋ยวไว้ให้ทางช่องแถลงเองแล้วกัน”
ในอนาคตจะสามารถร่วมงานกับขวัญได้มั้ย?
พี่ฉอด “พี่ไม่ได้มีปัญหาอะไร อย่างที่บอกค่ะว่าเมื่อวานเราก็ฟังกันแล้วเนอะ น้องก็น่ารัก น้องก็ขอโทษแล้ว น้องพูดถึงพี่เยอะมาก (หัวเราะ) พี่ไม่ได้ติดอะไร พี่เอสว่าไงคะ (หันไปถามเอส)”
...
เป็นครั้งแรกมั้ยที่เจอแบบนี้?
เอส “วันที่เกิดเหตุการณ์ก็ไม่ได้อยู่ ทำธุระอยู่ข้างนอก ยังไม่ได้เข้ากอง โดยส่วนตัวพี่ พี่รู้สึกว่าพี่โฟกัสเรื่องการแก้ไขปัญหาแล้วไปต่อข้างหน้ามากกว่าครับ ด้วยเหตุการณ์วันนั้นเราได้รับแจ้ง ตอนช่วงที่เกิดเหตุเขาโทรมา พี่ก็รับทราบ พี่ก็เลยบอกว่าต้องหาทางแก้ไขปัญหา ถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้น อันดับแรกที่เราต้องคิดเวลาเกิดปัญหาคือเราต้องเช็กฝั่งของเราเองก่อนว่าสื่อสารผิดพลาดอะไรรึเปล่า
ก็อย่างที่พี่ฉอดชี้แจงไปชัดเจนแล้วนะครับ เพราะว่าแม้มันเกิดความผิดพลาดจากทางฝั่งเรา มันก็เป็นความผิดของเราเอง เราก็ต้องยอมรับในแง่ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย พอเช็กแล้วเรารู้สึกว่าเราคิดว่าเรามีความชัดเจนในการสื่อสาร แต่เพียงมันจะผิดพลาดตรงไหนที่ทำให้น้องเข้าใจผิด อันนี้พี่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่สุดท้ายเรื่องมันผ่านไปแล้ว เราโฟกัสเรื่องการไปต่อข้างหน้ามากกว่านะครับ”
พี่ฉอด “เราต้องมูฟออนค่ะ ถามว่ากระทบกับการฟิตติ้งมั้ย ก็ต้องเลื่อนไปค่ะ จริงๆ วันนั้นถ่ายทีเซอร์ ซึ่งทางช่องจะต้องเอาไปขายงานกับลูกค้า ซึ่งก็เข้าไปขออภัยพี่ถา (สถาพร พานิชรักษาพงศ์) ที่ช่องค่ะ ก็เข้าไปขอโทษทุกคน ในที่สุดก็ผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ ก็รอดูอีกทีว่าเป็นใคร ให้ทางช่องแถลงเองค่ะ”.