บอกเล่าความภูมิใจตัวแทนถ่ายหนังสั้น "ยูนิเซฟ"
ว้าวๆๆๆ กลับมาให้ลุ้นสนุกบู๊สนั่นอีกครั้ง สำหรับละครน้ำดี “สารวัตรใหญ่” ทางช่อง 7 HD ที่กลับมารีรันส่งท้ายปีให้แฟนๆได้ติดตามกัน ทำให้พระเอกมาดเข้ม เอส-กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ ปลื้มมากเพราะเป็นสิ่งไม่คาดคิดมาก่อน หนุ่มเอสยอมรับครั้งหนึ่งเคยคิดสมัครเป็นนักเรียนตำรวจก่อนชีวิตพลิกผัน ส่วนเส้นทางความรักกับคริสติน่า วิงเคลอร์ แฟนสาวชาวเยอรมัน สวีตหวานตามสไตล์รุ่นใหญ่ใจต้องนิ่ง มีแพลนแต่งงานเอาไว้ในใจแล้วล่ะ ใน “คนดังนั่งคุย”
เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อละครกลับมารีรันอีกครั้ง
“ดีใจครับเพราะยังไม่ทันได้คาดคิด เพราะละครเพิ่งออกอากาศไปตอนต้นปี ปลายปีได้กลับมารีรันอีกรอบ แสดงว่าแฟนๆให้การตอบรับดีจริงๆ รอบนี้สำหรับใครที่เคยดูไปแล้ว และยังติดใจกับละครสารวัตรใหญ่อยู่ก็กลับมาดูซ้ำได้ ใครที่ยังไม่เคยดูก็ต้องแนะนำให้ดูเลย เพราะว่าละครเรื่องนี้มันสะท้อนสังคมมากๆ ทั้งในมุมของประชาชนเองก็ตาม บางสิ่งบางอย่างที่คุณบอกว่าตำรวจทำผิดเนี่ย ถ้าเราไม่ได้ไปยอมที่จะทำผิดตาม เพื่อเพียงแค่อำนวยความสะดวกเล็กน้อย ตำรวจก็ไม่สามารถที่จะทำผิดได้ เรื่องนี้เลยสะท้อนทุกมุมเลยครับ”
ทุกวันนี้ยังจำบทได้อยู่ไหม
“ถ่ายมานานแล้วนะครับ แต่ในละครจะมีคำพูดคมๆหลายฉาก อย่างฉากที่ดุลูกน้องบนโรงพัก คือลูกน้องไปจับประชาชนที่ไม่สวมหมวกกันน็อก แล้วสารวัตรใหญ่ก็จะสอนว่า ถ้าพวกคุณจับประชาชนได้ ผมก็จับพวกคุณได้ เพราะผมก็ยังเห็นพวกคุณขี่มอเตอร์ไซค์ไม่สวมหมวกกันน็อก แล้วก็ขี่รถย้อนศรเหมือนกัน ซึ่งตอนนั้นกระแสในพันทิปจะมาเยอะมาก แบบว่าสะใจ คือเนี่ยๆ คือเรื่องจริงที่ได้เห็น”
...
ฟีดแบ็กหลังจากที่ละครเรื่องนี้ออนมันทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลงบ้างมั้ย
“สิ่งที่เปลี่ยนแปลงและภูมิใจมากๆ คือ เจอน้องๆ เด็กๆเยาวชนที่ไหน เขาจะวิ่งเข้ามาแล้วบอกว่า พี่ครับโตขึ้นผมอยากเป็นตำรวจที่ดีครับ อันนี้คือสิ่งประจำที่เจอ หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าจริงๆตัวผมเองก็อยากเป็นตำรวจเหมือนกัน ตอนเด็กๆผมเคยได้ดูสารวัตรใหญ่ และผมก็อยากจะโตมาเป็นตำรวจดีๆ เท่ๆแบบนี้ ขนาดเราเคยไปสอบโรงเรียนนายร้อยตำรวจแบบนี้มาแล้วตอนมัธยม รู้สึกภูมิใจ สิ่งนี้ที่เคยเป็นแรงบันดาลใจให้เราตอนเด็กๆ วันนี้เราได้กลับมาเป็นคนสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนในยุคนี้ได้ดูอีกทีนึง”
>> อ่านเรื่องย่อนิยายทุกเรื่อง คลิกที่นี่ <<

เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไม่ไปต่อ ไม่ได้สมัครนักเรียนนายร้อยตำรวจ
“ผมตัดสินใจเปลี่ยนใจในห้วงสุดท้าย ตอนที่ตัดสินใจจะเป็นตำรวจกับเลือกสายธุรกิจ เพราะว่าการที่จะไปเป็นตำรวจ เด็กๆเราคิดแบบนั้น คือเราชอบในหน้าที่ ในขอบข่ายของงานตำรวจ แต่พอเริ่มโตมาเราก็จะเริ่มเข้าใจว่า มันก็จะมีขอบข่ายหลายอย่างที่เราทำแล้วเราเริ่มไม่สบายใจ แล้วเราก็รู้สึกว่าเราเข้าไปคงมีปัญหาแน่ๆ มาพอดีกับจังหวะที่เจออาจารย์สอนพิเศษ ท่านแนะนำเกี่ยวกับสายอาชีพต่างๆ ตอนนั้นผมน่ะอยู่ ม.3 เขาก็ยกตัวอย่าง ตำรวจ ข้าราชการ ครู นักธุรกิจ เราก็คิดว่านักธุรกิจมันก็ตอบโจทย์เราหลายอย่างเหมือนกันนะ มันสามารถตอบแทนประเทศชาติได้ แล้วก็คล่องตัวด้วย ไม่ได้ติดอยู่ในเรื่องของกฎระเบียบเท่าไหร่ ไม่ได้มีใครมาตีกรอบว่าคุณทำดีได้ โดยขั้นตอนแบบนี้ แบบนั้น ผมเลยคิดว่านักธุรกิจน่าจะตอบโจทย์มากกว่า”
พอมาเรื่องสารวัตรใหญ่ก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าเหตุการณ์มันหวนกลับมาอีกครั้ง
“ความจริงผมเล่นเป็นตำรวจมา 3 เรื่องติดเลยนะครับ คือสารวัตรใหญ่ เล็บครุฑ กุหลาบเกราะเพชร ตั้งแต่เด็กผมก็จะคลุกคลีกับเพื่อนคุณพ่อที่เป็นตำรวจหมด หลายๆคนเลยบอกว่าพอเราเล่นแล้วคาแรกเตอร์เราออกมาเป็นตำรวจจริงๆ คนเชื่อว่าเราเป็นตำรวจจริงๆ ด้วยเหตุนี้ล่ะครับ แล้วคนก็ไม่รู้ผมเองเคยไปเข้าค่ายฝึกเพื่อจะเป็นนายร้อยอยู่ 2-3 เดือน ไปฝึกกับเขา เราก็ซึมซับสิ่งเหล่านั้นมา บุคลิกภาพ คำพูด คำจา คำสั่งของตำรวจจริงๆ ก็เลยทำให้เราได้ใช้ เวลาเล่นละครทำให้เราอินไปกับตัวละคร”
ล่าสุดมีโอกาสได้ถ่ายหนังสั้นกับยูนิเซฟ เอสไปที่ไหน
“ผมไปประเทศมาดา-กัสการ์ครับ ที่ไปจะมี 2 ส่วนในเรื่องของน้องที่ไม่มีอาหารทาน ขาดสารอาหาร ผมไปในส่วนของเรื่องน้ำ ไม่มีน้ำที่สะอาดบริโภค อุปโภคก็ไม่มี คือแทบไม่มีเลยสำหรับน้ำสะอาด ที่ไปเราเดินทางไปมาดากัสการ์ พี่ๆก่อนบินเขาก็พูดนะว่าเดินทางลำบากนะ เราก็คิดว่าพี่ๆเขาคงพูดให้เรากลัว พูดให้เกินความจริงไว้ เส้นทางพี่เขาอธิบายว่า เส้นทางมันลำบากนะเป็นลูกรัง ตอนฟังเราก็แหม...ถ้าอย่างดอยปางอุ๋ง เราก็เคยผ่านมาแล้วนะ แต่พี่เขาบอกว่าลำบากกว่านั้นเยอะ รอบนี้ผมเลยไปรณรงค์ให้ทุกคนร่วมบริจาคเงิน โดยในวันที่ 11 ม.ค.2563 เราจะมีการเรี่ยไรเงินซื้อชุดกรองน้ำให้เด็กๆที่มาดากัสการ์ ชุดนึงราคาเพียงแค่ 700 บาทเอง เป็นถังแกลลอนใหญ่ๆ 2 ถัง คือน้ำที่เป็นสีน้ำตาลๆ ต้มเสร็จรอให้เย็นแล้วเทลงถัง มันก็จะกรองอะไรออกมา ซึ่งทำให้น้ำสะอาดมากขึ้น ผมมองว่าเป็นสิ่งที่พวกเราช่วยกันได้ ตอนนี้ยูนิเซฟก็บริจาคแล้ว 2.5 ล้านดอลลาร์ให้กับรัฐบาลมาดากัสการ์ เพื่อนำมาสร้างบ่อบำบัดน้ำ ซึ่งใน 3-4 ปีนี้ มันจะต้องเสร็จ เพื่อให้ชาวบ้านเขาได้ใช้งานกัน”
...
ความภาคภูมิใจในการเป็นตัวแทนคนหนึ่งของโครงการนี้
“ต้องขอบคุณยูนิเซฟที่เห็นศักยภาพในตัวเรา ว่าเราสามารถทำภารกิจตรงนี้ได้ เชื่อว่าเราเป็นกระบอกเสียงที่ดี ที่เราสามารถถ่ายทอดเรื่องราวนี้ให้คนที่อยู่ในเมืองไทยที่ไม่มีโอกาสได้ไปได้เข้าใจเรื่องราวนี้กับโครงการนี้ได้อย่างดีที่สุด เราภูมิใจมากๆ และผมก็พยายามถ่ายทอดทุกเรื่องราว เป็นกระบอกเสียงให้ดีที่สุด มีรูปอีกหลายๆ รูปที่ผมยังไม่ได้ลงต้องรอให้สารคดี คือเราไปที่โน่น เราได้ถ่ายทำสารคดีด้วย ต้องรอให้สารคดีออกอากาศก่อน ในวันที่ 11 ม.ค. ผมก็จะทยอยลงรูปต่างๆที่ผมได้เห็นกับตาโพสต์ลงด้วย ผมมองว่าเรื่องนี้ทุกคนช่วยได้จริงๆ”
หลังๆเอสก็จะมาทางสายปฏิบัติธรรมอยู่นะ
“จริงๆเป็นสิ่งที่ทำมาตั้งแต่ตอนเรียน ถ้าผมเป็นตำรวจ ผมอาจจะไม่ได้ทำเท่าขนาดนี้ ต้องขอบคุณชะตาชีวิตที่ทำให้เราตัดสินใจมาในเส้นทางของธุรกิจ จนทำให้เราได้มาพบกับพี่เอ-ศุภชัย จนทำให้เราได้มีชีวิตแบบทุกวันตอนนี้ และสามารถใช้สิ่งตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ได้”
ซึมซับในเรื่องพุทธศาสนา เคยมีความคิดที่จะบวชแบบไม่สึกมั้ย
“ที่บ้านผมก็ยังไม่อยากให้ผมบวชเท่าไหร่ เขาอยากให้เราทำในทางโลกให้เต็มที่ก่อน เราเองก็ยังมีความต้องการในทางโลกอยู่ และมีอีกหลายอย่างที่เรายังทำไม่สำเร็จและอยากทำให้สำเร็จเสียก่อน จริงๆก็มีวางแผนในชีวิตเอาไว้ ทั้งทางโลกและทางธรรม คือในทางโลกก็มีหลายอย่าง ทั้งเรื่องความรัก เรื่องธุรกิจ การงาน ที่เราอยากจะทำ ถ้าเราสำเร็จในทางโลกของเราในหลายๆเรื่องที่วางเอาไว้ เราก็จะช่วยคนได้เยอะเลยนะครับ ในแบบที่เราวางเป้าหมายเอาไว้ หลังจากนั้นค่อยมาคิดต่อว่าคุณจะไปสันโดษ ไปปฏิบัติธรรมในแบบของฆราวาส เป็นฆราวาสก็สำเร็จในธรรมได้ แต่มันยากกว่าเท่านั้นเอง”
...
เคยชวนแฟนไปปฏิบัติธรรมด้วยกันเลยมั้ย
“แฟนผมเป็นคนเยอรมัน ไม่ใช่คนไทย ก็อาจจะไม่ได้มีวัฒนธรรม หรือศาสนาแบบเดียวอย่างที่คนไทยศึกษา แต่ผมก็มีโอกาสสอนเขานั่งสมาธิบ้าง และเขาก็ชอบ เขาเป็นได้เร็วมาก”

กับแฟนคบกันมานานแล้ว
“คบกันมา 5 ปีครับ กำลังจะครบรอบ 5 ปี”
ไม่ค่อยเห็นควงกันไปงาน
“ก็มีบ้าง ด้วยความที่เขาอยู่เยอรมนี ถ้าเขากลับมาก็จะพาเขาไปงาน ล่าสุดก็พาไปงานปีใหม่ของแม็กกี้-อาภา ไม่ได้ปิดอะไร ลงรูปอะไรปกติ คือภูมิใจมาก ต้นปีมีใครก็ไม่รู้ทำโพลนะครับว่า นักแสดงไทยคนไหนมีแฟนต่างชาติสวยที่สุด และแฟนเราชนะทุกสำนัก ผมยังเอามาลงในไอจีตัวเองเลยครับ คือภูมิใจมากและก็ตลกมา ผมก็ส่งให้เขาดู ส่งให้คุณพ่อคุณแม่เขาดู บอกว่าตลกดีนะ”
แล้วแฟนเราเขาว่าอย่างไร
“เขาก็ดีใจยิ้ม ขำ เขิน อะไรแบบนี้ครับ”
ระยะทางมีผลต่อความรักของเรามั้ย
“วิดีโอคอลกันบ่อย เวลาที่เขาอยู่เยอรมนีก็จะวิดีโอคอลก่อนนอนทุกวัน เวลาต่างกันประมาณ 5-6 ชั่วโมง วันไหนที่ผมทำงานเช้า แล้วเขาทำงานเสร็จก็จะวิดีโอคอลกัน ตอนนี้เขามีบริษัทเกี่ยวกับมาร์เกตติ้ง แล้วตัวเขาก็ยังเรียนอยู่ เขาเป็นนางแบบแบบพาร์ตไทม์ด้วย บางทีเขาต้องบินไปที่โน่นที่นี่ อย่างบินไปบาหลีไปถ่ายแบบ เราก็ใช้วิดีโอคอลเอา ซึ่งเวลาบางที่มันต่างอาจจะไม่ได้คุยกัน แต่อาทิตย์นึงก็ต้องคุยกันสัก 6 วัน ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้ไม่มีปัญหา”
...
คิดเรื่องแต่งงานหรือยัง
“ยังไม่ได้แพลนเลยครับ”
รุ่นเดียวกับเอสนี่เขาแต่งกันแล้ว
“ผมอะไปงานแต่งเพื่อนตลอด ไปเป็นพิธีกรงานแต่งตลอด ล่าสุดนี่แฟนผมเขาได้รับดอกไม้งานแต่งนะครับ งานนั้นผมเป็นพิธีกรอยู่ด้วย ซึ่งเจ้าสาวเขาโยนดอกไม้ลงไป ปรากฏเขารับดอกไม้ได้”
เจอแบบนี้กดดันไหมล่ะ
“คือฮือฮามากครับ เพราะว่าเราเป็นพิธีกรอยู่ งานนั้นเป็นงานของเพื่อนผมที่เอแบค ทุกคนก็ยืนงงเราขำทำไม จนต้องบอกทุกคนว่า นี่แฟนผมเองครับ (หัวเราะ) ผมไม่ได้กดดันอะไรนะ เพราะว่าก็มีวางแผนเอาไว้ในใจแล้วว่าน่าจะประมาณอายุเท่าไหร่ ไม่ใช่ในปีนี้แน่ๆ ผมว่าเขาคงอยู่ในไทม์เฟรมประมาณ 1-3 ปีครับ”
เอสกับแฟนใครโรแมนติกกว่ากัน
“อืม...เราไม่ค่อยมีโมเมนต์แบบโรแมนติกเท่าไหร่ ทั้งคู่เลย เหมือนเรามีความเป็น...คือเราคุยกันแบบผู้ใหญ่คุยกัน จะมีก็แค่โรแมนติกหวานๆในช่วงเวลานั้นๆ คือผมก็มองว่ามันปกติ อาจจะมีแบบวันดีคืนดีไม่ได้มีเทศกาลอะไรเลย ก็เคยซื้อดอกไม้ไปให้”
ทุกเทศกาลให้ความสำคัญหมด
“ใช่ครับ เราจะให้ความสำคัญที่สุดคือช่วงคริสต์มาส เป็นเทศกาลสำคัญของเขา อย่างปีนี้เค้าอยู่เมืองไทยครับ เพราะเขาเพิ่งกลับมา 2-3 อาทิตย์ที่แล้ว เพื่อที่จะคริสต์มาสที่เมืองไทย แต่ที่ผ่านมาเราก็จะอยู่เยอรมนีกัน วันนั้นจะเป็นวันสำคัญ อีกอย่างคือ 25 ธันวาจะเป็นวันครบรอบของเราด้วยครับ”
แบบนี้ต้องจัดงานเบิ้ลเลยมั้ย
“ส่วนใหญ่จะเป็น 2 ทีครับ นี่ปีนี้ก็ถามเขาอยู่ว่าเอายังไงดี จะจัดรวบไปเลยดีไหม หรือจะแยก เขาก็บอกว่าแล้วแต่ จะรวบเลยก็ได้”.
ทีมข่าวบันเทิง