หลังจากที่เปิดตัวกับแฟนสาวดีไซเนอร์ ณัฐ ริชชา ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ดันเจอมือดี เขียนด่าฝ่ายหญิงและครอบครัว งานนี้เมื่อได้เจอ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ที่มาร่วมงาน Wrangler x Ananda limitless Collection ที่ ลาน Eden3 Central World เลยไม่พลาดที่จะสอบถามถึงเรื่องนี้ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า

ตั้งแต่เปิดตัวแฟนสาวนอกวงการเป็นอย่างไรบ้าง?
“ก็ปกติครับ ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง คือฝั่งโน้นเขาอาจต้องปรับตัวนิดหน่อย เพราะว่าเขาไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับผมอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้ผมค่อนข้างชิน”

เขาต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง?
“ก็พยายามไม่เสพข่าว เสพคอมเมนต์”

เห็นว่ามีคนมาบูลลี่เขาตลอด?
“ก็ไม่ได้บูลลี่หรอก ก็เป็นธรรมดาของข่าวที่ได้กระแสมักจะเป็นข่าวไม่ค่อยดี คือสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ นั่นคือการเขียนข่าว พอมีคนมาคอมเมนต์และมีการแชร์คอมเมนต์เหล่านั้น ซึ่งเป็นคอมเมนต์ที่ไม่น่ารักสักเท่าไหร่”

เราให้กำลังใจเขายังไง?
“ถ้าเป็นผม ผมไม่อ่านเลย เรารู้ตัวว่าเป็นใครทำอะไร”

เขาก็ยังเสพคอมเมนต์ตลอดเลยเหรอ?
“ไม่ๆ อย่างบอกไปว่าสิ่งที่เขาปรับตัว คือ การไม่เสพสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เขาเริ่มเข้าใจ ตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนมาเขียนถึงเขา ทำไมต้องเขียนครอบครัวเขา แล้วเขาก็ตกใจ คนก็ขยันส่งข่าวให้อยู่นั่นแหละ เขาก็ตกใจ”

ที่เขาเจอมันแรงขนาดไหน?
“ผมจำไม่ได้ เพราะผมไม่ได้ใส่ใจเลย เขาไม่ได้มาเล่าให้ฟัง ผมก็เออๆ ตามนั้นอะ”

...

ตอนนี้เขาเลิกอ่านแล้วใช่ไหม?
“เขาเลิกแล้ว เขาก็รู้ว่ามันไม่ได้มีประโยชน์ที่จะไปโรคจิตกับสิ่งที่เราคุมไม่ได้”

แล้วเขาอธิบายกับครอบครัวเขาอย่างไร?
“จริงๆ พูดแบบตรงๆ เลยนะ คือทางครอบครัวเขา แรกๆ เขาเข้าใจมากกว่าคุณแฟนซะอีก ผมว่าทางครอบครัวเขาค่อนข้างเปิดใจกับตรงนี้มาก แล้วก็ใจเย็นกับตรงนี้มาก ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกใจนะ แต่ก็ดีมากเลยครับ”

เขาใช้เวลานานแค่ไหน ถึงเลิกสนใจข่าว ไม่เสพไม่อ่าน?
“ก็ไม่นาน มันคือแค่ตอนแรก ตอนเป็นข่าวแรกๆ แล้วเขาไม่เข้าใจ คือคนที่ไม่เคยเจอ อยู่ดีๆ มาเป็นเป้า เขาก็แบบฉันเกี่ยวอะไรกับตรงนี้ ไม่ใช่อาชีพฉัน แล้วมาเขียนถึงฉัน แล้วอันที่เขาเซนซิทีฟคือเรื่องครอบครัว เขารู้สึกว่าแบบ ถ้าเขาถึงเขาโอเค แต่ทำไมต้องไปขุดคุ้ยเรื่องครอบครัว เราก็อธิบายกับเขาว่ามันก็เป็นธรรมชาติของข่าว ซึ่งพอเขาเห็นบ่อยๆ เขาก็ชิน และทำใจได้ว่านี่คือส่วนของการที่มีผมเป็นแฟน (หัวเราะ) โทษทีน้า (ยิ้ม)”

เรารู้สึกผิดไหม ที่ต้องเปิดตัวออกสื่อ?
“คือก็คบกันเงียบๆ มาตลอด เพียงแต่ว่าเราก็บอกเขามาตลอดตั้งแต่ต้น ว่าสักวันหนึ่งมันก็จะมีข่าว แล้วพอมันมีข่าว เราก็หยุดมันไม่ได้ ตอนแรกเขาก็บอกว่ามันไม่ขนาดนั้นหรอกนะ แล้วพอมันเกิดขึ้นเขาก็ตกใจ แต่ตอนนี้ปรับตัวแล้วเขาก็โอเค เขาก็ไม่ได้มีปัญหากับตรงนี้เลย”

ตอนนี้ก็หวานกันเต็มที่แล้ว?
“ก็หวานกันตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่เคยลด มีแต่เพิ่มขึ้น มันไม่เคยมีแบบพอเป็นข่าวขึ้นมาแล้วระแวง ต้องแยกกันเดิน”

เปิดตัวแล้วมีสเตปต่อไปหรือยัง?
“คงตามเวลาครับ มันก็มีการคุยกัน ว่าแล้วจะยังไงต่อในอนาคต แต่เรื่องพวกนั้นผมรู้สึกว่ามันอาจจะส่วนตัวไปนิดหนึ่งที่จะมาแชร์ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวด้วย ผมรู้สึกว่าเมื่อไปถึงจุดนั้น แล้วเรารู้ว่าอนาคตมันจะเป็นยังไงแน่ ก็ค่อยออกมาพูด”

แฟนๆ ก็อยากฟังข่าวดีของเรา?
“เราก็รู้สึกว่าคนนี้คือใช่ เราก็ไม่ได้คบด้วยความรู้สึกที่ว่าจะคบผ่านๆ หรือคบแล้วเดี๋ยววันหนึ่งเลิกกัน ไม่ได้คิดอย่างนั้น ออฟชั่นที่ดีที่สุดคือเรามีอนาคตด้วยกัน นั่นคือสิ่งที่อยากได้”

เรียกว่าคนนี้แหละ แม่ของลูก?
“คืออย่าใช้คำว่าแม่ของลูกเลย เพราะว่าเราทั้งคู่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการมีลูก แล้วถ้าให้พูดตรงๆ คือไม่ได้เป็นเป้าหมายของเราทั้งคู่เลย เราคุยกันเรื่องอนาคตอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องครอบครัวไม่มี ก็อย่างว่านะ ผมไม่ได้รู้สึกว่าการที่เราจะอยู่คู่กับใคร เป้าหมายต้องเป็นการมีครอบครัว“

มีการทดลองอยู่ด้วยกันไปก่อนไหม?
“คบกันมา 2 ปีกว่า มันต้องลองอยู่ด้วยกัน มันต้องปรับตัวกันอยู่แล้ว ผมว่าการที่มีใครสักคนในชีวิตของเรา เราจะไปกำหนดทุกอย่างด้วยความรู้สึกของเราเอง มันก็ไม่ได้ เราต้องแชร์พื้นที่กับเขา เขาก็ต้องแชร์พื้นที่กับเรา ผมยอมรับว่าผมไม่ใช่คนที่เจ้าใจง่ายสักเท่าไหร่ มีความเป็นตัวเองสูง ผมต้องคอยสังเกตตัวเองว่า อนันดาเอาอีกแล้ว เริ่มเซอร์ใส่อีกแล้ว(หัวเราะ)”

...

เราต้องลดความเป็นส่วนตัวลง?
“ไม่ใช่ลดความเป็นตัวเอง แต่ลดความคิดที่เราเรียกว่าอีโก้ คนเราทุกคนมีอีโก้ และบางทีเราก็ลืมตัว โลกก็ไม่ได้หมุนรอบตัวเรา แต่บางทีมันก็เป็น ผมก็เป็น บางที่รู้สึกว่าภาวะของเรามันยิ่งใหญ่ที่สุด สำคัญที่สุด ทั้งที่จริงเราต้องมองไปที่คนข้างๆ เราด้วยว่าเขารู้สึกยังไง”

เรียกว่าต่างคนต่างปรับ?
“ใช่ครับ แต่ว่ามันไม่ได้ปรับยาก เพราะว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับความรักอยู่แล้ว การปรับตัวไม่ได้เป็นสิ่งที่ฝืนหรือยากสักเท่าไหร่”

แสดงว่าถ้าจะแต่งก็คงแต่งเงียบๆ เป็นส่วนตัว?
“เรื่องแต่งก็เคยคุยกัน อย่างที่บอกว่ามันไม่ใช่เป้าหมายยิ่งใหญ่สุด แล้วเขาก็อายุ 28 เอง ผมรู้สึกว่าเขายังต้องจัดการในเรื่องงานของเขา และมีอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ถ้าให้พูดถึง ด้วยวัยผม ก็พร้อมแล้ว แต่ผมไม่ได้รีบเร่ง มันไม่ใช่เป้าหมาย รู้สึกว่าเราปรับตัวเข้าหากันเพื่ออนาคตที่ยาวที่สุด อันนั้นสำคัญที่สุด ก็เคยเห็นอยู่หลายคนแต่งงานแล้วก็เลิกกัน เรารู้สึกว่าเราไม่อยากเป็นอย่างนั้น”

...