เพราะมีเหตุการณ์ช็อกวงการบันเทิง เนื่องจากนักแสดงหนุ่ม เหม ภูมิภาฑิต ผูกคอที่คอนโดฯ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (25 ก.ย.) ซึ่งทำเอาหลายคนตกใจและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยแฟนสาวของนักแสดงหนุ่มได้เปิดเผยต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเหมมีอาการเครียดสะสมจากปัญหาการเงิน รวมไปถึงอาการ ซึมเศร้า ที่ เหมเป็น โรคซึมเศร้า จึงทำให้เจ้าตัวตัดสินใจทำเช่นนี้
บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ขอหยิบยกเรื่องราวโรคซึมเศร้า ที่ เอิน กัลยกร นาคสมภพ อดีตนักร้อง นักแสดงชื่อดัง ได้ทำสารคดีเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ด้วยตัวเองโดยการหยุดยาเพื่อเปิดเผยให้คนทั่วไปได้รู้จัก และทำความเข้าใจกับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ให้มากขึ้น โดยเนื้อหาในสารคดีนี้ เอิน ได้เล่าประสบการณ์และถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองที่หลายคนไม่เคยได้รู้และได้เห็นว่าผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้แท้ที่จริงมีสาเหตุมาจากอะไร ต้องดูแลรับมือกับผู้ป่วยโรคนี้อย่างไร
“เราโตมาท่ามกลางความคาดหวังที่ว่าจะต้องเก่ง สวย ดี และเพอร์เฟกต์ เอินเข้าวงการตั้งแต่ 15 ย่าง 16 อยากเป็นนางแบบก็เลยตัดสินใจไปประกวด แม่บังคับให้กินยาลดความอ้วนแต่เราไม่กิน แอบทิ้งขยะอยู่หลายเดือน อยู่มาวันหนึ่งเค้าเห็นในถังขยะ เค้าเลยโกรธมาก ก็เป็นเรื่องใหญ่มาก หลังจากนั้นเค้าก็บังคับให้กิน แล้วต้องอ้าปากให้เค้าดู ว่ามันอยู่ในปากแล้ว ก็กลืนให้ดู
เราเป็นเด็กดี เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ แฟนไม่มีแต่มันไม่เคยพอเลย มันมีอะไรที่ต้องทำอีก ต้องทำอีกเสมอ เพื่อที่จะเป็นลูกที่ดีอย่างที่เค้าต้องการให้ได้ แม่เค้ามีความรู้สึกว่าพ่อจะต้องมีเมียน้อยตลอดเวลา ทุกครั้งที่เค้ารู้สึกว่าพ่อมีเมียน้อย เค้าก็จะมาบอกลูก ว่าให้ไปบอกพ่อหน่อยว่าอย่าทิ้งไปไหน ตอนนั้นเอินอยู่อนุบาล บอกว่าเมียน้อยพ่อชื่อนี้แล้วเอินรู้จักไง ถ้าพ่อกลับมา ไปกอดถามพ่อร้องไห้แล้วบอกว่าอย่าไปไหน
...
ครั้งหนึ่งเงินที่บ้านหายไป 100 บาท แม่ปักใจว่าเอินเอาไป เค้าไปรับเอินที่โรงเรียน แล้วพูดว่าเอินเอาไป แต่เราไม่ได้เอาไป และนั่นเป็นครั้งแรกที่กรี๊ดว่าไม่ได้เอาไปดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ว่ามันจะมีทางไหนที่ทำให้เค้ารู้ว่าเราไม่ได้เอาไป แม่เดินเข้ามา แล้วก็ด่าเราให้พ่อฟัง พ่อก็ถามว่า ลูกมันมีอะไรไม่ดีเหรอ มันเลวเหรอ มันกินเหล้าเหรอ แล้วก็บอกว่าลูกมันดีขนาดนี้ ยังจะเอาอะไรกับมันอีก สักพักเค้าก็ทะเลาะกัน
แล้วแม่ก็บอกว่าฆ่าอู๊ดเลย แล้วพ่อก็วิ่งไปบีบคอแม่ เราไม่รู้จะทำไง ก็เลยไปนั่งกับพื้น เราก็ขอให้เค้าหยุด แต่เค้าไม่หยุด เลยเอาหัวโขกพื้น พอพ่อเห็นก็หันมาบอกว่าอย่าทำแบบนี้ นี่ไม่ใช่ลูกพ่อ
มีอยู่ 2 ครั้งในชีวิตที่อยากตายจริงๆ เริ่มจากมีผู้คนหนึ่งมาจีบเรา แม่อยากได้เป็นลูกเขยมากๆ เลยทำทุกวิถีทาง แล้วถึงจุดหนึ่ง แม่กับเค้าก็เริ่มผิดใจกัน พอเริ่มผิดใจกันก็ใช้เราเป็นเครื่องมือ พยายามให้เราโทรหา แต่เรารู้ว่าไม่ได้อยู่ในจุดที่เราโทรไหว เค้าก็พูดๆ จนมีโมเมนต์หนึ่งที่ไม่ไหวแล้ว รถวิ่งอยู่บนทางด่วน เอินก็เปิดประตู ในหัวคือไม่ได้คิดว่าจะตายหรือไม่ตายนะ แต่แค่ทำยังไงก็ได้ให้ออกจากตรงนี้ ไม่ไหวแล้ว
พอเปิดประตูตอนที่รถวิ่ง เค้าก็รีบปิดประตู แล้วเค้าก็บอกว่าอย่ามาทำแบบนี้ แล้วถามว่าอยากตายใช่มั้ย ไปตายด้วยกันเลยมั้ย ณ โมเมนต์นั้นไม่ได้พูดประชดเลยนะ พูดด้วยใจจริงเลยว่าได้ ตอนมันเหมาะสมที่จะต้องตายก็เอาเถอะ ยังไงก็ได้ เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้แล้ว อยากจะให้มันเกิดอะไรก็เกิด
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของโรคซึมเศร้าคือทำร้ายตัวเอง ตบตีตัวเองเหมือนที่เอินเป็น หรือฆ่าตัวตายเหมือนที่เอินเคยอยากเป็น เวลาที่เอินเอาหัวโขกข้างฝา หรือตบหน้าตัวเอง เอินไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องรุนแรง แต่เอินเห็นคนอื่นทำร้ายตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าทำร้ายตัวเองมันโอเค
โรคซึมเศร้าต้องไปหาจิตแพทย์ คำว่าจิตแพทย์เท่ากับว่าเราบ้า เคยดูละครแล้วเห็นเค้านั่งหัวเราะ แต่เราไม่ได้บ้า แต่เป็นไรไม่รู้ การที่จะยอมให้คนมองว่าเป็นแบบนั้น ก็รู้สึกว่าช่างมันเถอะ เพราะมันอยากมาก และเริ่มโอเคกับมันมาก ตอน ทราย เจริญปุระ เขียนเรื่องโรคซึมเศร้าของเค้ากับแม่บ่อยๆ เค้าเขียนด้วยคำที่ธรรมดามาก เหมือนเป็นหวัด เลยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆ ด้วย เราเริ่มยอมรับว่าเราน่าจะเป็นโรคซึมเศร้า แต่วันที่ยอมรับจริงๆ คือวันที่ สิงห์ สควีซแอนิมอล ฆ่าตัวตาย
...
แล้วก็มีคนพูดถึงคนที่เป็นโรคซึมเศร้าแบบผิดๆ วันนั้นเลยเขียนลงเฟซบุ๊กว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า ยอมรับกับตัวเองและคนภายนอกว่าเป็นโรคซึมเศร้า วันที่กินยาครั้งแรก รู้สึกว่าโลกมันสว่างขึ้น ไม่เคยได้รับความสุขแบบนั้นมาก่อน เราไม่เคยมีสภาาวะอารมณ์ที่มันไม่ทุกข์แบบนั้นติดต่อกันยาวนานมาก่อน
เคยมีเป้าหมายที่ผูกติดคนคนหนึ่ง ทำมาหากินเผื่อคนนี้ ได้ดูแลคนคนนี้ แต่พอมาวันหนึ่ง เราโดนเค้าทำให้เจ็บปวดมากๆ เลยรู้สึกว่าเป้าหมายเดิมมันไม่ใช่แล้ว พอเค้าทำให้เราเจ็บปวด มันทำให้เราอยากจะ ฆ่าตัวตาย แสดงว่าเป้าหมายในชีวิตไม่ถูกต้อง ก็เลยอยู่แบบเคว้งคว้างหลายเดือน อยู่แบบไม่มีคุณค่า ก็รู้สึกว่าจะอยู่ต่อไปทำไม ถ้าอยู่แบบนี้ เราอาจจะตายจริงๆ เลยทำแผนผังค้นหาเป้าหมายในชีวิต จะมีชีวิตต่อเพื่ออะไร จนค้นพบว่าอยู่กับศิลปะทำให้เรามีความสุข การท่องเที่ยวทำให้เรามีความสุข การให้ทำให้เรามีคุณค่า เลยปรับโครงสร้างชีวิตใหม่
เอินงกมาก ขอทานมาขอตังค์ไม่เคยให้ตังค์ แต่หลังจากนั้นก็เริ่มให้ และเปิดบริษัทของตัวเอง เอาเงินกำไรที่ได้ 10% ไปส่งต่อให้คนอื่น ส่งให้มูลนิธิต่างๆ ส่งเป็นทุนการศึกษาให้เด็ก แต่ในปีที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 สวรรคต เอินอยากทำอะไรให้กับสังคม ทำเพื่อให้ชีวิตใครดีขึ้น เลยทำแบรนด์เสื้อผ้า กำไรที่ได้จะนำไปส่งต่อให้คนที่เป็นโรคซึมเศร้า ให้ความรู้เรื่องโรคซึมเศร้า ให้กำลังใจคนโรคซึมเศร้า ในอนาคตอยากทำให้มากขึ้นอีก เพื่อช่วยเหลือชีวิตคนให้มีความสุข”
...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง - สุดช็อก เหม ดาราช่อง 7 ตัดสินใจผูกคอลาโลก หลังระเบียงคอนโด
- เพื่อนเผย เหม ภูมิภาฑิต มีอาการซึมเศร้า
- สุดอาลัย เหม ภูมิภาฑิต เคยบอกทุกคน เป็นซึมเศร้าอย่าท้อสักวันต้องหาย
...