เชื่อว่าหลายคนคงเอาใจช่วยและคอยเป็นกำลังใจให้กับครอบครัว เค้ามูลคดี ไม่น้อย หลังจากที่แม่ทุม ปทุมวดี ล้มป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมานานหลายปี ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ล่าสุด ยุ้ย ปัทมวรรณ ได้เปิดใจอัปเดตอาการป่วยของแม่ทุมว่าตอนนี้อาการเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งสาวยุ้ยได้เปิดใจกับบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ว่า
อาการป่วยของแม่ก็ทรงๆ ด้วยอาการป่วยของแม่ที่เราได้ทำความเข้าใจตั้งแต่แรกว่ามันจะค่อยๆ ทรุดลงไป แต่ของคุณแม่จนถึงวันนี้ก็อยู่ได้นานแล้ว 6 ปีกว่า เฉพาะโรงพยาบาลล่าสุดนะคะตอนที่เรารู้ว่าแม่ป่วยเป็นโรคนี้ แต่ก่อนหน้านี้ที่คุณแม่ป่วยเราไม่รู้ว่าคุณแม่เป็นโรคนี้
โดยเฉลี่ยของโรคนี้ก็ถือว่าอยู่ได้นาน ซึ่งเราก็โอเคค่ะ ไม่ใช่ว่าเราไม่เครียดนะ แต่ก็ทำความเข้าใจกับโรคที่แม่เป็นตั้งแต่วันที่เราคุยกับคุณหมอแล้ว บางทีเราก็เครียด เราก็กังวล แต่ไม่แสดงความกังวลให้กันเห็น เวลาอยู่ด้วยกันก็พยายามสร้างแต่อะไรบวกๆ ประกอบกับเวลาเราไปโรงพยาบาลเห็นคุณแม่หน้าตาสดใส เราก็สบายใจอยู่
แม่ยิ้มแบบบางๆ แต่ด้วยระยะเวลาของโรคมันก็จะค่อยๆ อ่อนแรงไป เริ่มบังคับตัวเองไม่ได้ อย่างเช่นกลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้ คือขยับไม่ได้ ไอไม่ได้ ตอนนี้ได้แต่มอง นานๆ จะยิ้มที เป็นตามระยะเวลา
...
แต่ถ้าวันไหนที่เรารู้ว่าคุณแม่ทรุดเราก็จะเครียด หลายคนก็มาถามนะคะว่าเราทำใจยังไง คือมันยังไม่ถึงวันที่แย่จริงๆ เราก็ยังสามารถดำเนินชีวิตไปได้ แต่ถ้าถึงวันนั้นจริงๆ เราก็ว่าเราไม่ไหว ทุกวันนี้ต่อให้เครียดแค่ไหน แต่คุณแม่ยังหน้าตาผ่องเราก็สบายใจขึ้นมา
มีข่าวแม่ทุมอาการทรุด จริงเท็จแค่ไหน?
มีปั๊มหัวใจจริงค่ะ แต่ไม่ได้ปั๊มเพราะว่าหยุดหายใจ ปั๊มเพราะว่าหัวใจเต้นผิดปกติ เต้นเร็วเกินไป แล้วเอาไม่ลงเลย หัวใจเต้นเร็วมาก ความดันตก ก็เลยต้องปั๊มช่วยให้มันเต้นปกติ ซึ่ง ณ วันนั้นทุกคนตกใจมาก เราก็รีบซิ่งกันไปเลย ระหว่างทางก็ยังไม่ขึ้น ความดันก็ตกลงไปอีก ก็เครียดเลย แต่พอไปถึงทุกอย่างก็ค่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติ คุณหมอกับพยาบาลช่วยดูแล เราก็สบายใจ
คุณแม่ยังได้ยิน ยุ้ยเชื่อว่าคุณแม่รับรู้ คุณแม่ยังมองได้ แต่ถ้าก่อนหน้านี้คุณแม่ยังยิ้มตอบกลับมาเวลาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เวลายุ้ยไปหาแล้ววิดีโอคอลให้คุยกับหลานแม่ก็จะยิ้มหรือว่าน้ำตาไหล แต่ช่วงหลังก็ไม่ได้ขนาดนี้แล้ว ส่วนใหญ่จะได้แค่มอง
แต่ยุ้ยเชื่อว่าแม่รับรู้ทุกอย่าง ได้ยินทุกอย่าง เวลาเราไปถึงเราก็จะสร้างแต่ทุกอย่างที่มันบวกๆ ไม่เครียด ไม่อะไร หัวเราะกัน แม้แต่คุณพ่อ เวลาที่กลับมาบ้าน ยุ้ยก็จะไม่เครียดกับพ่อนะ จะไม่ชวนกันเครียด เพราะยุ้ยเชื่อว่าข้างในพ่อคิดอยู่แล้ว พยายามชวนไปทำกิจกรรม เพราะเรารู้ว่าข้างในเราก็เป็น มันไม่ต่างกัน ก็เลยพยายามทดแทนด้วยสิ่งอื่น
คุณพ่อเศร้ามากมั้ย?
คุณพ่อพยายามคิดบวก เราพยายามไม่ทำให้คุณพ่อว่าง เพราะถ้าว่างเค้าก็จะนั่งคิดอะไรของเค้าไปเรื่อยเปื่อย คุณพ่อถึงชอบทำงาน อยากไปทำงานทุกวัน ถ้าเมื่อไหร่ที่ไม่ไปทำงานเราก็เอาหลานมาทำให้คุณพ่อไม่ว่าง และหลานก็ชอบไปวุ่นวายกับคุณตา ติดคุณตา จนตอนนี้คุณตาอยากจะบอกว่าขอตาพักบ้าง (หัวเราะ)
ค่ารักษาพยาบาลตอนนี้ดูแลกันยังไง?
ตอนนี้มันผ่านช่วงที่เราหนักมาแล้วค่ะ ไม่ได้คิดถึงมันแล้ว แต่ ณ ตอนนี้คุณแม่อยู่ในโรงพยาบาลที่พี่ชายก็เบิกค่ารักษาได้ และตอนนี้ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายในการรักษา เพราะว่าโรคที่คุณแม่เป็นไม่มีทางรักษาอยู่แล้ว ตอนนี้ก็แค่ได้ประคับประคอง รักษาตามอาการ ก็ไม่มีอะไรที่หนักมาก ไม่ต้องเครียดเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ อาจจะมีเรื่องคนดูแล
ไปเยี่ยมแม่บ่อยแค่ไหน เวลาที่ไปเยี่ยมแล้วมีคลิปแม่มาลง คนจะตื่นเต้นและให้กำลังใจเยอะมาก?
จริงๆ คลิปมันถ่ายไม่ได้ค่อยได้ นานๆ จะได้มาที ก็จะสลับกันไป ถ้าช่วงไหนไม่ค่อยมีงาน ว่างก็จะสลับกันไป ตอนนี้เราโชคดีที่มีพี่คนที่ช่วยดูคุณแม่ และคุณแม่ก็ค่อนข้างติดเสียงพี่คนนี้ คุณแม่ก็ยังอุ่นใจว่ามีพวกเราอยู่ใกล้ๆ
...
เวลามีคนส่งกำลังใจอวยพรให้แม่หายไวๆ ครอบครัวหัวใจพองโตแค่ไหน?
อยากจะบอกว่าขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ส่งมาทุกทาง หรือเวลาไปเจอและไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เดินเข้ามาบอกว่าขอให้คุณแม่ดีขึ้นนะคะ คือมันดีมากจริงๆ ทุกกำลังใจมันสร้างแรงให้เราได้มาก คนรักคนเป็นห่วงคุณแม่ขนาดนี้ มันทำให้เราฮึดต่อ อยากให้คุณแม่รับรู้ว่ามีคนส่งกำลังใจมาให้ พวกเราขอบคุณมากๆ เลยนะคะ