เผยคบ "พี่ไผ่" ไม่หวั่นอาถรรพณ์ เลข 7 แต่ห้ามทำเซอร์ไพรส์

ข้ามภพ ข้ามชาติ ข้ามมิติมาสร้างความป่วนฮา โกลาหลทั่วทั้งพระนคร สำหรับ น้ำตาล–พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ นางเอกสาวจากละครเรื่อง “ลิขิตแห่งจันทร์” ค่ายอาหลอง กรุ๊ป ซึ่งเป็นครั้งแรกของสาวน้ำตาลต้องรับบทหนัก 2 คาแรกเตอร์ บท “ดวงแก้ว” กิริยามารยาทเป็นกุลสตรี ผิดกับบท “โอปอล” ผู้หมวดสาวมือปราบปืนโหด บู๊ระห่ำ ประกบ เพื่อน-คณิน ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมานานแต่เพิ่งโคจรมาร่วมงานกันเป็นครั้งแรกเลยเข้าขากันได้ดี ส่วนเส้นทางความรักกับนักแสดงรุ่นพี่ ไผ่–พาทิศ แฮปปี้สุดๆ โดยไม่หวั่นอาถรรพณ์เลข 7 หลายคนรอลุ้น “ข่าวดี” แต่น้ำตาลรีบดักทางแฟนหนุ่ม ยังไม่พร้อมจริงๆ ใน “คนดังนั่งคุย”

ต้องเล่น 2 คาแรกเตอร์ในเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง

“ดวงแก้วจะมีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนเพราะเป็นสาวชาววัง ส่วนโอปอลเป็นตำรวจบ้าระห่ำไม่กลัวอะไรเลย เป็นคู่หูมือปราบกับพิภพ (กระทิง-ขุนณรงค์) เรามีอำนาจ เหมือนสั่งลุยได้เหมือนผู้ชายเลย”

บทอันไหนเหมาะกับเราที่สุด

“ก็ต้องเป็นโอปอลค่ะ เค้าจะมีความขี้เล่น ขี้อ้อนพ่อแม่มากกว่า ซึ่งเราจะมีคาแรกเตอร์แบบนั้น เป็นคนที่มีชีวิตชีวามากกว่าดวงแก้วค่ะ”

เรื่องนี้บู๊หนักหนาขนาดไหน

“บู๊หนักมาก บู๊เยอะที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา หนักที่สุดในชีวิตตาลแล้ว อาจจะหนักเพราะตาลเล่น 2 คาแรกเตอร์ พอเป็นบู๊และเป็นบู๊ในยุคปัจจุบันจะยิงปืนจริง แล้วลูกปืนจะยิงกันแบบบุฟเฟต์ เติมได้ไม่จำกัด จนกว่าได้ภาพที่ดีที่สุด ตาลไม่เคยเจอระเบิดที่ขึ้นมาเป็นลูกๆ แบบนี้ กลัวมาก ร้อนวาบจนนึกว่าคิ้วหายไปแล้ว”

...

ปกติตาลไม่ค่อยกลัวอะไรไม่ใช่เหรอ

“ตาลกลัวเสียงปืน กลัวเสียงดังๆแต่เรื่องนี้จัดเต็มตลอด ตอนแรกตาลเห็นเค้าเอาโต๊ะเหล็กมากัน เอามอนิเตอร์ ไว้หลังโต๊ะแล้วทุกคนหมอบหลังโต๊ะ นึกในใจแล้วตาลล่ะจะยังไง ปรากฏว่าระเบิดพุ่งไปข้างหน้าข้างบน ไม่ได้แล้วกลัวเลย”

ตอนที่ระเบิดพุ่งขึ้นมาตาลคิดถึงสิ่งแรกเลยคืออะไร

“คิดสิ่งแรกเลย หน้าพ่อหน้าแม่ลอยมาเลย มันกลัว ตอนซ้อมท่าลงก็เซฟแต่พอถ่ายจริงตาลเอาก้นลงซึ่งทำให้เราเจ็บหลังจนถึงวันนี้”

เรียกว่าเสียงระเบิดทำให้น้ำตาลกลัวสุดแล้วรึเปล่า

“ใช่ค่ะ เรากลัวทุกอย่างเลยเพราะเค้าจัดเต็ม อย่างฉากเผากระท่อม เค้าเผาจริงๆนะ เผาบ้าน 8-9 หลัง ก็เอารถดับเพลิงมาล้อม เตรียมเลย เราก็คิดเค้าคงเผากระท่อมนิดๆ หน่อยๆ นอกจากนั้นใส่ซีจีแต่อันนี้เผาจริงเลยค่ะ มันต้องทีเดียวทำให้เราเครียดมากเทกไม่ได้ด้วย”

ตอนแรกคิดมั้ยจะขนาดนี้เพราะค่ายนี้มีกิตติศัพท์ ระเบิดภูเขา เผากระท่อม

“ไม่ค่ะ พอผู้จัดบอกนี่มันเป็นคอมเมดี้ เป็นตำรวจแต่ไม่ได้อะไร พี่เชื่อมั้ยทุกอย่างที่เราเรียนมาได้ใช้จริงหมดเลย ม้วนหน้าแบบไม่มีเบาะ ม้วนบนหินเลย วันแรกไหล่ถลอกไปเลย มันก็ดีได้สมจริงทีเดียวจบ”

บู๊ชุดไทยเห็นว่าก็โหดอยู่นะ

“ด้วยบทโอปอลเป็นผู้หญิงเก่งการต่อสู้ทุกอย่างเลย ทั้งดาบ การต่อสู้แบบมือเปล่า เตะต่อยๆ ถีบๆ แต่อีกวันนึงคือเป็นลม เกิดมาไม่เคยเป็นลมเลย ภาพมันดับไปเลยเพราะเราบู๊เยอะ สภาพอากาศอบอ้าว อยู่ในป่าไม่มีลมเลย เป็นซีนหมุนตัวไปหมุนตัวมา พอหมุนอีกทีภาพหาย ลืมตาอีกทีคนมามุงแล้ว”

>> อ่านเรื่องย่อนิยายทุกเรื่อง คลิกที่นี่ <<

เคยคุยกับเพื่อนเค้าบอกว่าก่อนเข้าฉากเลิฟซีนตาลชอบกินอะไรที่มีกลิ่นแรงๆตลอด

“อ่อ กินแกงไตปลา คือเพื่อนเป็นคนกินยาก ไม่ค่อยกินอะไรเลย เค้าเคยเรียนมหาวิทยาลัยกับตาลช่วงแรกๆ ตาลเคยเรียน ม.รังสิต แล้วรับเพื่อนไปกินข้าวกัน แกอยากกินอะไรเดี๋ยวเลี้ยงเองเพราะแกมามอ (มหาวิทยาลัย) ของฉัน เพื่อนก็จะบอกอ่อ เราไม่กินผัก ไม่กินซีฟู้ด แล้วเพื่อนอยากกินอะไร เพื่อนก็บอกเราอยากกินแค่ข้าวผัด พอไปสั่งพี่ครับข้าวผัดไม่เอาผักไม่เอานั่นไม่เอานี่ ตาลฟังแล้ว อือหือ ขนาดนี้เลยเหรอ พอมาที่กองจริงๆ เค้าไม่ได้กินยากขนาดนั้นแค่ไข่เจียวเค้าก็กินได้แล้ว

แต่เรารู้สึกผู้ชายคนนี้ที่สุดแล้ว ได้เดี๋ยวจะแกล้งจะสอนให้กินอะไรที่มันยาก ลองกินสิ กะปิหวานต้องเปิดใจ มีปลาร้า แกต้องเปิดใจให้กับปลาร้า อย่างวันที่ไปตามรอยที่เมืองมัลลิกา ทุกคนเห็นตาลพยายามให้เค้ากิน ชอบหรือไม่ชอบไม่รู้ล่ะ แต่หนึ่งได้แกล้งสองอยากให้เค้าได้ลองอะไรใหม่ๆบ้าง อาหารไทยเราเสียดายแทน อาหารไทยอร่อยนะ อยากให้เค้าเปิดใจ แต่เลิฟซีนตลกที่สุดคือเลิฟซีนกับน้องกระทิงมากกว่า วันนั้นกระทิงอาหารเป็นพิษ จนต้องพานางไปหาหมอ พอกลับมาที่กอง กระทิงก็เดินมาหา พี่ตาลครับจะเล่น (เลิฟซีน) ได้มั้ย ก็เลยบอกทิงพี่โอเค มันเป็นซีนฮาๆมากกว่า วันนั้นสรุปทิงอ้วกทั้งวัน จูบกัน เราแค่กลัวติดมาเพราะช่วงนั้นโรต้าระบาด”

...

7 ปีกับชีวิตในวงการบันเทิงได้เรียนรู้อะไรบ้าง

“ก็รู้สึกเราโตขึ้น เรามองอะไรเป็นเหตุเป็นผลขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น ตอนเด็กๆเข้ามาใหม่ๆ เราจะไม่ค่อยเข้าใจทำไมคนนั้นเป็นแบบนี้ เก็บทุกสิ่งทุกอย่างมาคิด ครั้งนึงเคยเป็นโรคซึมเศร้า จะต้องพึ่งเข้าหาธรรมะ ต้องมีคนมาดึงสติเราเลยดาวน์จนถึงจุดที่น่ากลัวมาก พอวันนึงเราตั้งสติได้ว่าเราควรใช้ชีวิตให้มีความสุข เหมือนเราเคยผ่านความเป็นความตาย อยู่ดีๆเป็นไส้ติ่งที่ญี่ปุ่นโดยที่ไม่ได้มีอาการเตือนก่อน หลังจากนั้นตาลใช้ชีวิตเป็นสเต็ปๆมากยิ่งขึ้นไม่ฟุ่มเฟือย วางแผนชีวิตตัวเองให้มันรัดกุม คิดอะไรเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้นแต่ว่าทุกวันนี้ก็มีความสุข คิดว่าตัวเองเลือกไม่ผิดที่มาอยู่วงการบันเทิง”

ช่วงที่เป็นโรคซึมเศร้าเกี่ยวกับความรักด้วยมั้ย

“ไม่เกี่ยวค่ะ ความรักเป็นสิ่งที่ตาลชอบด้วยซ้ำ ช่วงนั้นเป็นช่วงทำธีสิส ถ่ายละครหนัก แล้วเราแบกรับอะไรหลายๆอย่างที่อยู่ในจิตใจเรา คือตาลเป็นคนคิดมาก เก็บทุกคำพูดของคนมาใส่ตัวเรา เราจะคิดเผื่อคนนั้นไม่ชอบเราหรือเปล่า คิดเยอะจนลืมคิดไปว่าเราไม่มีความสุข เราเลยหันมาโฟกัสว่าถ้าเราไม่ได้ทำอะไรไม่ดี และเราทำดีที่สุดแล้ว ใครจะคิดอะไรกับเรายังไงก็ปล่อยไป ปลง ธรรมะช่วยเราได้จริงๆ พี่ไผ่ก็บอกมีอะไรคุยเลย ต่อไม่ใช่ความทุกข์ ไม่ใช่ ปัญหาของเค้าเราก็ควรเล่าให้คนอื่นฟังบ้าง หลังจากนั้นเราจะเป็นคนเริ่มชิล มีอะไรก็จะบอกกล่าว มันกลายเป็นจริง เป็นตัวเรานั่นแหละที่ทับถมตัวเองตลอดเวลา”

ณ วันนี้ความสุขของตาลคืออะไร

“อยู่กับปัจจุบัน เพราะที่ตาลทุกข์เพราะตาลไปยึดติดกับสิ่งที่มันแก้ไขไม่ได้ พระอาจารย์จะสอนอย่าไปกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อย่าไปใส่ใจกับสิ่งที่เราไม่สามารถแก้ไขได้ เราควบคุมทุกอย่างไม่ได้ เราทำให้ดีที่สุดแล้วเราจะได้ไม่เสียใจในความข้างหน้า มันทำให้เรารู้สึกโอเค ทำให้ปลงได้เยอะมาก”

...

ความรักเดี๋ยวนี้หวานขึ้น หลังๆพี่ไผ่ลงรูปตาลมากกว่าลงรูปตัวเองอีกนะ

“เค้าจะชอบบ่นว่าเค้าถ่ายรูปตาลแต่ตาลไม่ค่อยลงรูป ตาลจะเป็นคนคือห่วงคนที่ตามไอจีตาลเค้าจะรำคาญตาลหรือเปล่า ถ้าสังเกตตาลจะลงรูปน้อยทริปนึงลงรูปหรือสองรูป ถ้าที่สวยอย่างแคนาดาก็อาจจะลงเยอะหน่อย เป็นที่แปลกใหม่ แต่ถ้าเป็นเชียงใหม่อาจจะลงแค่รูปสองรูป พี่ไผ่จะมีบ่น ชั้นตามถ่ายให้เธอแต่เธอหน้าหงิกหน้างอทั้งทริป ลงแค่รูปเดียวอะไรแบบนี้ จนเค้าไปสร้างไอจี Pick a shot ขึ้นมา เพื่อที่จะลงรูปเยอะๆ ตาลก็จะพี่ลงรูปตาลเยอะๆ ระวังคนอื่นคิดว่าเป็นไอจีตาลนะ”

รูปที่พี่ไผ่ถ่ายตาลสวยๆเยอะนะ

“ใช่ แต่เรายังไม่อยากลงเยอะเค้าก็พยายามถ่ายเป็นแนวตั้งให้เราครอปลงไอจีสตอรีได้แต่ตาลเป็นคนไม่ติดโทรศัพท์มาก”

กลายเป็นไผ่ติดโซเชียลมากกว่าเรา

“ใช่ค่ะ”

จากที่ไผ่ติดป่าติดดำน้ำกลายเป็นชอบถ่ายรูป

...

“อันนี้ก็เป็นข้อดีค่ะ (หัวเราะ) มีเวลาเยอะขึ้น ถ้าว่างก็จะเจอกันแต่ช่วงนี้พี่เค้าถ่ายละครศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ แล้วแต่อารมณ์ติสต์ของนาง ถ้าจะหายเข้าป่าไปเลยครึ่งเดือน”

ทำใจได้แล้วใช่มั้ยแฟนชอบเข้าป่าแบบไม่ติดต่อเราเลย

“ทำใจได้ค่ะ เดี๋ยวก็จะไปทริปญี่ปุ่นครึ่งเดือน พี่ไผ่ไป ต.ค. ไปทริปของเค้าเอง ตาลไปเที่ยวอีกเมืองนึง พี่ไผ่ไปอีกเมืองนึง แต่ของตาลไปแค่ 5 วัน เราไม่ไหวเคยไปครั้งนึงมันต่างกันเกินไป ความเป็นผู้หญิงผู้ชายก็ต่างกันแล้ว เข้าป่าหรือทำอะไร เราจะรู้สึกว่าถ้าเราอยากจะไปลุยก็ไปแต่ว่าเวลาเรามีน้อยขอไปเที่ยวพักผ่อนให้มันสบายๆ ดีกว่า”

7 ปีเชื่อพวกนี้ แล้วเรากลัวเรื่องอาถรรพณ์มั้ย

“กลัวเวลาคนมาทักๆ เยอะๆ แต่เราก็มานั่งคิดแล้วว่า ถ้าจะเลิกกันคงไม่ใช่เรื่องของตัวเลข อาจจะเป็นเพราะว่า 7 ปีเป็นระยะเวลาที่คนจะเริ่มเบื่อกัน มันอาจจะเผยตัวตนความเป็นเรามากขึ้นหรือเราโตขึ้นเริ่มมีมุมมองชีวิตที่แตกต่างออกไปแต่มุมมองของตาลมันเหมือนโตไปพร้อมๆ กับเค้า ชีวิตของตาลเป็นสเต็ปไปเรื่อยๆ ตาลเรียนจบ ตาลอยากทำธุรกิจ เค้าคือคนที่ทำธุรกิจอยู่แล้วมาเสริมกันได้ ตาลชอบเที่ยว เค้าก็เริ่มชอบถ่ายภาพ มันเลยซัพพอร์ตกันอีก มันเลยไม่มีอะไรที่จะมาทำให้ทะเลาะกัน อาจจะมีคนที่ดีกว่านี้ คนที่เพอร์เฟกต์มากกว่านี้แต่ว่าไม่มีใครที่ทำเพื่อเราได้มากกว่านี้”

หลายๆคนชมขนาดมีชื่อเสียงดังแล้วแต่ก็ยังรักเดียวใจเดียว ทั้งๆที่ก็มีโอกาสเลือก

“ใช่ค่ะ มีคนเข้ามาอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เรารู้สึกไม่อยากเอาไปแลกแบบนั้น การเริ่มต้นใหม่เป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับตาลเพราะกว่าจะเรียนรู้ใครสักคน ตาลกับพี่ไผ่กว่าจะปรับจูนกันไปได้ก็ห่างกันไปแล้วรอบนึง คือตอนนั้นตาลไม่เข้าใจจะหายไปทำไม แต่สุดท้ายเราโตขึ้น เราเริ่มเข้าใจเพราะเราก็อยากมีชีวิตของเรา”

กลัวเค้าเซอร์ไพรส์วันเกิดด้วยการขอแต่งงานมั้ย

“คุยกันแล้วยังไม่ใช่ตอนนี้ คือก่อนหน้านี้พี่ไผ่ก็บอกว่าคือตอนนี้เค้าก็อายุ 36 แล้ว หลายคนอาจจะคิดว่าตาลโตแล้ว ปีนี้อายุ 28 แล้ว คือคุยกัน ณ เวลานี้ตัวตาลเองก็ยังไม่พร้อม เรายังมีเรื่องทางบ้านที่ต้องรับผิดชอบ ตาลอยากสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวตัวเองก่อน ตอนนี้เลยมุ่งมั่นเก็บสตางค์ก่อน”

เราเลยบอกพี่ไผ่อย่าเซอร์ไพรส์เพราะจะโดนเซอร์ไพรส์กลับเหรอ

“อย่านะคะ เดี๋ยวพี่หน้าแตกนะ (หัวเราะ)”

มองไว้เมื่อไหร่ดี

“ต้องสักพักเลยคงต้อง 30 ขึ้นไป ตอนแรกๆใฝ่ฝันอายุสัก 28-29 ตอนนี้ก็เลื่อนไปเรื่อยๆ ตาลเรียนจบตอนอายุ 25 เพิ่งห่างจากชีวิตเรียน ทำงานจริงๆจังๆ แค่ 3 ปีเอง ห่างจากชีวิตเรียนมา เรารู้สึกยังมีอะไรๆหลายอย่างที่เราอยากจะทำ ตัวเราเองก็ยังไม่พร้อมและเชื่อว่าตัวพี่เค้าก็ยังไม่พร้อมอยู่ดี”.

ทีมข่าวบันเทิง