เดี๋ยวนี้เป็นดาราอย่างเดียวไม่พอแล้วค่ะ คุณต้องทำมาหากินหรือมีความสามารถมีความสนใจอย่างอื่นด้วย ถึงจะอยู่รอด เพราะอะไร?

เพราะสมัยนี้ ดารามีงานจำกัดค่ะ เด็กใหม่ก็เยอะ และไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีงานแน่น มีงานทุกวัน ประหนึ่งงานประจำ บางคนมีงานเข้ามา ละครสักเรื่องสองเรื่องแล้วก็หายไป แถมไม่มีงานโชว์ตัวอื่นๆ งานพรีเซ็นเตอร์ก็ไม่มี มีแต่งานฟรีงานช่วย แล้วจะไปอยู่รอดได้ยังไง? แถมดันเซ็นสัญญาเข้าสังกัด อย่างต่ำ 5 ปี ชีวิตไม่ต้องไปไหน แต่ถ้าไม่เซ็น เค้าก็ไม่ให้งาน จะทำยังไงดี? ส่วนมากที่ทำๆ คือ ขอเป็นนักแสดงอิสระหลังจากที่หมดสัญญา แต่พอหมดสัญญาแล้วก็ใช่ว่าจะมีงาน เพราะค่ายอื่นก็ทำแบบเดียวกัน มีงานก็ต้องส่งให้เด็กสังกัดตัวเอง แสดงได้หรือไม่ได้เป็นหน้าที่ของผู้กำกับ และกรรมของนักแสดงร่วม หึ!

สมัยนี้ถ้าอยากเป็นดาราที่มีงานและคนพูดถึงเยอะ ก็ต้องรู้จักหากิจกรรมที่จะทำหรือความสามารถพิเศษหรือสิ่งที่ตัวเองสนใจเป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้ต่อยอดชื่อเสียงของตัวเองหรือมองในมุมกลับกัน เพื่อให้หน้าตาและชื่อเสียงของตัวเองไปในกลุ่มตลาดอื่นที่ไม่ใช่แค่ละคร และในประเทศไทยให้ความสนใจกับเรื่องส่วนตัว กับสิ่งที่ทำไม่น้อยกว่าผลงานเลยหรือบางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะจากประสบการณ์ของตัวบุ๋มเอง แฟนคลับกลุ่มหนึ่งก็จะรู้ว่าบุ๋มมีละครอะไรบ้างแต่ก็ไม่ได้ดูทุกเรื่อง แต่ส่วนมากจะจำงานที่ทำทางด้านสังคมได้ บางคนจำได้ว่าขี่มอเตอร์ไซค์ บางคนที่ดูแต่ข่าวก็จะจำภาพที่บุ๋มเคยนั่งอ่านข่าว และกลุ่มหลังนี้ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเคยเล่นละครเรื่องอะไร ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในยุคสมัยนี้ดาราแต่ละคนก็จะมีกิจกรรมที่ทำหรือจัดทำขึ้นมาเพื่อสังคมหรือไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้โครงการเพื่อสังคมหรือองค์กรต่างๆ เราจะได้เห็นภาพว่าดาราคนนี้ไปดำน้ำ ดาราคนนี้ไปเดินป่า ดาราคนนี้อนุรักษ์สัตว์ป่า ดาราคนนี้ไปทางกู้ภัย อย่างบุ๋มก็มาทางผู้หญิงและเด็ก หรือบางคนก็ไปทางแฟชั่นการแต่งหน้า บางคนพาเที่ยว อีกคนก็พาชิมอาหาร และก็เริ่มที่จะมีรายการของตัวเองทาง YouTube หรือ Facebook ของตัวเองเพื่อขยายงานและรับงานเองโดยตรงจากการรีวิวหรือขายสินค้า ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าดาราสมัยนี้ไม่สามารถทำอย่างเดียวได้ ผลงานในวงการเป็นแค่ใบเบิกทางหรือแค่เผื่อไว้บอกนักข่าวว่าตอนนี้มีผลงานอะไรบ้าง ไม่ได้เป็นสาระสำคัญของชีวิตและการให้สัมภาษณ์อีกต่อไป ยกเว้นว่าละครเรื่องนั้นจะดังเปรี้ยงปร้าง อันนั้นก็จะเป็นการเสริมตัวดาราให้มีงานมากขึ้น แต่ทุกคนลองนึกดูสิคะว่าที่ผ่านมามีสักกี่เรื่องที่ทำได้แบบนั้น

...

และยิ่งในยุคปัจจุบันเป็นยุคของการทำมาหากิน ดาราแต่ละคนก็จะมีงานเสริมพิเศษแบบอื่น หรือทำผลิตภัณฑ์สินค้าออกมาขาย แต่ก็แปลกใจที่คนหลายคนกลับมองว่าดาราที่ทำแบบนี้คือดาราที่ตกอับ ดาราที่เริ่มไม่มีงาน ทั้งที่ในความเป็นจริงดาราก็ไม่ต่างกับคนทั่วไปที่อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายหลากหลายอย่าง หรือไม่ก็มีอาชีพเดิมอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว เค้าอาจจะอยากที่จะใช้ชื่อเสียง ช่วยให้ของขายดีมากขึ้นก็ได้ แม้ว่าจะมีดาราหลายท่านที่งานอาจจะเบาบางลง แต่ก็ยังสู้ที่จะทำมาหากิน หลายคนทำปลาร้าออกมาขาย น้ำพริก ข้าว ขนม ทำร้านอาหาร ทำรีสอร์ท ทำค่ายมวย ทำอะไรที่ตัวเองถนัดหรือครอบครัวช่วยส่งเสริมได้

ในความเป็นจริงแล้วบุ๋มกลับชื่นชอบคนที่ขยันทำมาหากินไม่ยอมแพ้กับโชคชะตา ไม่รองานวิ่งมาหา ไม่รอบุญวาสนาหล่นทับ สู้ชีวิตและไม่อายการทำมาหากิน เดี๋ยวนี้เราจะเห็นดาราหลายคนกล้ายอมรับออกมาได้อย่างเต็มปากว่า อยากได้งานทำค่ะ หาตังค์เลี้ยงครอบครัวค่ะ อยากได้เงินเยอะๆ ค่ะ ของานหนูเถอะนะคะ ซึ่งตราบใดที่ไม่ได้คอยขอยืมเงินชาวบ้าน ขยันทำมาหากิน ไม่ว่าจะอาชีพไหนบุ๋มชื่นชมเสมอค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้กับคนทำมาหากินทุกคนนะคะ