ออกปากเองว่าถ้าไม่ใช่วันนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่!! ที่นักร้องนักเปียโนขวัญใจแฟนๆทั่วประเทศ “โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร” จะพร้อมที่สุดสำหรับคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 10 ปี ในคอนเสิร์ต “โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ ทูเดย์ ไลฟ์ แอท อิมแพค อารีน่า (Tor Saksit Today Live @ Impact Arena)” จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 31 ส.ค.นี้ ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี หลังเส้นทางในวงการเพลงกว่า 16 ปี ผ่านหลากหลายช่วงเวลาขึ้นและลง ตั้งแต่ช่วงชีวิตนั่งติดเปียโนพื้นที่ปลอดภัย พูดไม่เก่ง ซีเรียสจริงจังกับทุกสิ่ง วันที่คอนเสิร์ตโดนยกเลิก วันหมดไฟท้อจนหลังชนเชือกจนต้องลุกขึ้นกลับมาใหม่ และเปิดใจกับทุกสิ่งที่ทำ กลายเป็นเปิดประตูสู่งานต่างๆและสร้าง “โต๋” ปัจจุบันในเวอร์ชันใหม่
เรียกว่าความรู้สึกของการมีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่แล้วกับครั้งนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง?
“ต่างกันมาก ผมว่าเป็นเรื่องของช่วงเวลาแห่งการเดินทาง ตั้งแต่วันแรกที่เราเข้ามาแล้วเล่นเปียโนอย่างเดียว พูดเอนเตอร์เทนอะไรก็ไม่เก่ง เราก็ค่อยๆเรียนรู้มาเรื่อยๆ จนวันนึงเราเล่นคอนเสิร์ตที่อิมแพคจบ ก็ไปไต้หวันอยากทำเพลงจีน ไปอยู่ที่โน่นสักพัก แล้วก็มีช่วงที่กลับมาแล้วหายไป 2-3 ปี เพราะรู้สึกมีบางอย่างที่เปลี่ยนในตัวเรา ต้องถอยหลังกลับมาก้าวนึงเพื่อที่จะกระโดดไปข้างหน้า นั่นเป็นจุดเปลี่ยนทำให้รู้สึกว่าเราต้องหลุดจากกรอบนี้ พอข้างในเราเปลี่ยนปุ๊บ เพลงเลยเปลี่ยน ทัศนคติในการใช้ชีวิตและการทำงานเปลี่ยน พอเราเปิดใจมากขึ้น รู้สึกว่าชีวิตสบาย มีความสุข ตื่นเต้น ตอนนี้พอมีคนให้เล่นละคร เราก็ได้เลยครับ ไม่กลัวแล้ว มีโอกาสอะไรเข้ามาเราทำให้ดีที่สุดไปเลย
เมื่อก่อนเป็นคนซีเรียส ต้องทำงานให้ดี ช่วงที่เราเปลี่ยนความคิดทำให้เข้าใจว่าชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟกต์ทุกอย่าง แค่เรามีความสุขก่อน แล้วทุกอย่างจะดีเอง เหมือนได้กลับมาเป็นศิลปินใหม่อีกครั้งนึง ในทีมงานเราจะเรียกเป็นโต๋ เจนเก่ากับเจนใหม่ ยุคใหม่ คือยุคทูเดย์ เป็นชื่อคอนเสิร์ต เหมือนได้กลับมาเป็นศิลปินใหม่ ครั้งนี้เอาจริงๆส่วนตัวผมรู้สึกว่าผมไม่มีความกลัวเลย ผมพร้อมมากผมรู้สึกว่ามันสนุกมาก พูดตลกๆ กับทีมงานว่าครั้งนี้เหมือนการแก้ตัวของ 10 ปีที่แล้ว เพราะเราย้อนกลับไปดูตัวเองสมัยก่อนรู้สึกว่าอะไรเนี่ย ทรงผมอะไรเนี่ย ร้องเพลงก็ยังไม่แข็งแรง เล่นคอนเสิร์ตอิมแพคไม่ลุกออกจากเปียโนเลย พูดก็ไม่เก่ง เหมือน 10 ปีนี้ติดอาวุธมาพร้อม ขอกลับไปแก้มือสักที การได้เล่นที่อิมแพค อารีน่า สำหรับศิลปินเดี่ยวผมว่ามันเป็นการบอกอย่างหนึ่งว่าคุณก้าวขึ้นมาถึงสเต็ปหนึ่ง เราเคยเล่นที่นั่นและเคยมีช่วงเวลาที่เราคิดว่าคงไม่ได้กลับมาเล่น คงไม่มีทางแล้ว ครั้งนี้เลยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น”
...
มีความกดดันเพิ่มมั้ย?
“ไม่กดดันเลยผมอยากจะเล่น แค่กลับมายืนก็มีความสุข เมื่อก่อนคิดว่าขึ้นไปฟีดแบ็กต้องดี แต่ตอนนี้ก่อนขึ้นฉันชิงมีความสุขก่อนเลย ฉันมีหน้าที่เล่นให้ดี ต้องขอบคุณเวลาที่ผ่านมาเหมือนคนได้เริ่มเป็นศิลปินใหม่ ผมก็ไม่เคยคิดว่าเดี๋ยวนี้คนจะรู้จักเราในรูปแบบนี้ เช่น เพื่อนแซวว่าเดี๋ยวนี้เป็นพระเอกแล้วเหรอวะ บางทีก็เขิน แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ พอเราเคยผ่านช่วงเวลาหลังชนเชือกแล้วเราสู้ไม่ถอย เราเปิดเราเปลี่ยน แปลงตัวเองแล้วยอมรับกับทุกอย่าง ชีวิตมันก็พาเราเดินทางไปเอง”

เรียกว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้มาในวันที่ใช่ในวันที่เราสั่งสมประสบการณ์มาแล้ว?
“ผมตั้งชื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้เองว่าทูเดย์ ผมว่าคำว่าทูเดย์มันอธิบายทุกอย่าง บางทีเรารู้จักกันนานจนเราลืมไปแล้วว่าคนนี้เป็นยังไง ภาพแรกที่เรารู้จักกันคนก็จะจำที่เพลง...อ่านปากของฉันนะ เพลงรักเธอ แล้วพอตอนนี้คนไปดูเราเล่นคอนเสิร์ตก็จะบอกว่าเล่นสนุกนี่ ผมก็อ้าวแล้วพี่คิดว่าผมจะเล่นยังไง เค้าก็บอกว่านึกว่าจะมาเป็นเปียโน เป็นคลาสสิก พี่...นั่นมันคือผม 10 ปีที่แล้ว สำหรับผมมันไม่ใช่ข้อไม่ดี ปัญหาคือว่าภาพเก่าของเรามันแข็งแรงมากจนเราต้องใช้เวลา มันก็ไม่ใช่ไม่ดีที่คนเค้าจำเราที่เห็นเปียโนแล้วนึกถึงเรา แต่ด้วยความที่อะไรหลายๆอย่างมันเปลี่ยนไปมันก็เลยต้องใช้เวลา วางสคริปต์ก็ยาก ทีมงานจะเรียกผมว่าโต๋เป็นศิลปิน 2 เจน มีคนที่ตามโต๋ศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่รุ่นเก่า และมีคนที่มาตามตอนเพลง “สักวันคงได้เจอ” หรือ “ยิ้มก็พอ” คือกลุ่มใหม่ ถ้าไปเล่นแคมปัสแล้วร้องเพลง “คนไม่พิเศษ” ขึ้นมานี่เค้างงเพลงอะไร มันเป็นเจนที่ห่างกันนี่คือสิ่งที่เราต้องบาลานซ์ให้ได้”
แล้วทูเดย์ของโต๋ทุกคนที่เข้าไปดูต้องร้องว้าวมั้ย?
“สำหรับผมคนเก่าที่ไปดูจะได้เห็นว่าเดี๋ยวนี้เราเป็นอย่างนี้แล้ว ผมว่ามันเป็นความผูกพันนะ มันไม่ใช่แค่เราที่โตขึ้น แฟนเพลงเราเองก็โตขึ้น ก็เป็นการเดินทางที่โตไปพร้อมกัน สำหรับกลุ่มใหม่ๆผมว่าเค้าน่าจะชื่นชอบอยู่แล้ว มันคือทูเดย์”
ณ วันนี้เรามีความสุขกับการเป็นศิลปิน เรามองตัวเองในการทำงานยังไง?
“ผมว่าพอเราเอาความสุขเป็นที่ตั้ง เราไม่ได้เอาความสุขไปแขวนว่างานต้องเพอร์เฟกต์ กล้าที่จะก้าวไปดินแดนที่เราไม่เคยไป กล้าจะไปเล่นละคร งานพิธีกร โอกาสทำก่อนแล้วค่อยพัฒนาไปเรื่อยๆ”
ปิดท้ายเรื่องความรักกับสาวไบรท์-พิชญทัฬห์ เป็นรักที่มั่นคง ดูแลกัน ซัพพอร์ตกัน?
“คือผมว่าคุยกันทุกเรื่อง ผมว่าคนเราอยู่ข้างๆกัน ในช่วงเวลาที่ผ่านอะไรด้วยกัน มันสร้างความผูกพันและความเข้าใจ ทำให้รักกัน สนิทกันมากขึ้น”
กดดันมั้ยที่ถูกถามเรื่องแต่งงานบ่อย?
“ไม่หรอกครับ เพราะเค้ามีรายการของตัวเองอยู่ ความรับผิดชอบของเราทั้งคู่ก็เยอะมาก ฝากขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้คุณแม่ของไบรท์ด้วย ส่วนข่าวดีเดี๋ยวรอ ถึงเวลาเดี๋ยวบอกเองครับ”
ดูมองความรักคือเป็นเพื่อนคู่คิด?
“ผมว่าเป็นทุกอย่าง เป็นเพื่อนคู่คิด สิ่งสำคัญนอกจากเพื่อนคู่คิด เป็นคู่ที่ส่งเสริมกันและกันด้วย ผมว่าตรงนี้สำคัญ อยู่กับใครแล้วส่งเสริมกันและกันถือเป็นเรื่องโชคดี”.