เป็นผู้หญิงสุดสตรองเลยจริงๆ สำหรับ ดีเจต้นหอม ศกุนตลา ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเพิ่งเลิกรากับหวานใจ ซัน ประชากร แต่ตอนนี้สาวต้นหอมพร้อมเดินหน้าทำงานและดูแลลูกชายบุญธรรม น้องปกป้อง อย่างเต็มที่
ล่าสุดต้นหอมอุ้มน้องปกป้อง พร้อมคุณพ่อ คุณแม่แท้ๆ ของน้องปกป้อง มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, หนิง ปณิตา และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกร

ไปจีนไปทำอะไร?
ต้นหอม : หอมไปดูเฟอร์นิเจอร์ ไม่ได้ไปพักใจเลย เพราะว่าเราแข็งแรงมาก แล้วก็บ้านกำลังทำ แล้วก็ไปดูเฟอร์นิเจอร์ แล้วก็ไม่รู้เป็นอะไรกับ ตม.ติดทั้งเข้าและออกเลย คือตอนแรกเข้าใจว่าติดไม่แปลกหรอก เพราะเราติดหลายประเทศ นางก็คงมองออกว่ามาเซลส์หรือเปล่า เราก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ถ้าพูดได้จะบอกว่าตอนนี้เป็นลูกค้า
แต่ขาออกคิดว่ายังไงก็ไม่ติด เพราะไม่เคยติดขาออก ปรากฏว่าน้องชายไปดูหน้าคอมพิวเตอร์ที่เขากำลังสัมภาษณ์เราอยู่ เป็นภาพผู้หญิงคนนึงที่หน้าใกล้เรากับหน้าเรา แล้วนางก็ประกบซ้อนภาพว่าสองคนนี้ใช่คนเดียวกันไหม
...
แล้วผ่านมาได้ยังไง?
ต้นหอม : เขาก็คงเปิดหูดูนั่นดูนี่ แล้วเราก็ออกไวด้วยตามกำหนดเขา แล้วเราก็รอดมาได้
พูดถึงเรื่องหัวใจหน่อย ทำใจได้ 100% เลยไหม?
ต้นหอม : 100% แล้วค่ะ เพราะมันผ่านมาสักพักนึงแล้ว แล้วก็เราใช้ชีวิตอยู่บนเหตุผลมากขึ้น ที่ผ่านมาอาจจะเป็นความผิดของเราเองที่เราเป้าหมายไม่ชัดเจน มันก็เลยทำให้เราเสียเวลากันมา ณ วันนี้เราก็เหมือนเริ่มต้นใหม่ เริ่มทำสิ่งที่ถูกต้องดีกว่า ต่างคนต่างตามหาสิ่งที่คิดว่าเหมาะกับตัวเอง

อะไรที่ทำให้ปลดล็อกตรงนั้น?
ต้นหอม : ก็ต้องเป็นลูกเลยนะ เขาทำให้เราใจเย็นและอ่อนโยนขึ้น ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะมีโมเมนต์ของความเป็นแม่ ความอ่อนโยนทุกอย่างมันเกิดขึ้นด้วยตัวเอง มันก็เลยปล่อยวางกับทุกๆ เรื่องได้
ตอนที่เราทำรายการด้วยกันจำได้ว่าหอมเพิ่งจะเซ็นสัญญาซื้อที่ดินบ้าน แต่ตอนนั้นยังไม่มีคนนี้ แสดงว่าตอนนั้นอยากได้บ้านเพราะอยากได้บ้าน?
ต้นหอม : ตอนนั้นอยากมีบ้านในเมือง เพราะการมีบ้านนอกเมืองแล้วทรมานมาก แล้วหลังๆ นอกเมืองติดกว่าในเมือง แล้วงานเราอยู่ในเมือง เราก็เลยกัดฟันซื้อที่ดินไป แล้วกะว่าค่อยหาเงินปลูกบ้าน ซึ่งที่ดินนั้นมันมีบ้านเก่าๆ อยู่นะ ตอนแรกจะรีโนเวต แต่สถาปนิกบอกว่ารีโนเวตกับสร้างใหม่ ราคาใกล้เคียงกัน
คุณก็เลยสร้างไป 50 ล้าน?
ต้นหอม : ไม่ถึง หนูไม่คิดว่ามันจะบานขนาดนี้ หนูไม่รู้จริงๆ เพราะสถาปนิกบอกว่ามันใกล้เคียงกัน จาก 5 ล้าน เราก็คิดว่าเต็มที่ก็ 6-7 ล้าน แต่มันไม่ใช่ มันไปไกลมาก แล้วบ้านด้วยความที่สร้างนาน มันจะแสดงถึงสถานะการเงินของเจ้าของบ้าน ช่วงไหนที่มีเงินบ้านก็จะดี ห้องไหนที่ทำห้องแรกก็จะดี บ้านหลังนี้ตอนแรกจะเป็นไม้เฌอร่า แต่พอสถานะการเงินดีเปลี่ยนเป็นไม้เผาญี่ปุ่น ราคาไม้อยู่ที่ 1 ล้านบาท เราก็สู้ได้ 1 ล้าน แต่เขาไม่ได้บอกค่าติดตั้งอีก 1 ล้าน แล้วเราซื้อไม้มาแล้วมันก็ต้องติด ก็กัดฟัน

แล้วพร้อมจะหาคนรู้ใจไปอยู่ด้วยหรือยัง?
ต้นหอม : คนรู้ใจตอนนี้ในชีวิตไม่ได้ขาด นั่นแปลว่าถ้าคุณมาต้องเสริมอย่างเดียวเลย เราก็เลยคิดว่าไม่ได้จำเป็น
เห็นเขาบอกว่าคุณมีปัญหาเรื่องบ้าน คุณโพสต์ในโซเชียล?
ต้นหอม : ในแฟนเพจใช่ไหมคะ คือจริงๆ เป็นการปรึกษาว่าบ้านเราสร้างนาน ทำไมมันไม่เสร็จสักที พอเราโพสต์ไปก็เลยมีการประชุมใหญ่ ก็เลยเข้าใจปัญหาว่ามันเกิดจากอะไร ส่วนหนึ่งมาจากเราด้วยที่เปลี่ยนแปลนบ่อย จนทำให้ผู้รับเหมาไม่กล้าที่จะทำอะไรก่อน
...
แล้วจากวันนั้นถึงวันนี้บ้านเสร็จหรือยัง?
ต้นหอม : ยังค่ะ ตอนนี้ 80% แล้วเหลือดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ผู้รับเหมาไม่กล้าทำกลัวว่าเราจะเปลี่ยน เราก็เลยคอนเฟิร์มว่าไม่เปลี่ยนแล้ว
80% หมดไปกี่ล้านแล้ว รวมกับโคมไฟแสนนึงด้วย?
ต้นหอม : โคมไฟสั่งซื้อที่เมืองไทยเขาคิดราคามาแสนนึง แล้วไปเดินที่จีน 8 พัน กับ 3 หมื่น แล้วยื่นร้องไห้อยู่ตรงนั้น แต่รวมๆ แล้วไม่ถึง 50 ล้าน

ถามจริงคุณมีลูกแล้ว ถ้าคนต่อไปเข้ามาคิดว่าจะเข้ามายากไหม?
ต้นหอม : ยากตรงที่จะเหนื่อยเขาด้วย 1. อายุเราไม่เด็กแล้วมีลูกติด มันจะมีสักกี่คนที่ Love me Love my dog เขาไม่ได้เริ่มต้นกับเรามาตั้งแต่แรก แล้วเราเองพอมีลูกเราต้องการคนที่มาอยู่กับเราแล้วลูกจะไม่ถามว่าผู้ชายคนนี้คือใคร เขาคือพ่อเราหรือเปล่า หรือเขาเป็นแค่แฟนแม่ เราไม่ต้องการคนที่มาเป็นแค่แฟนแม่ เราอยากได้คนที่มาเป็นครอบครัวเดียวกับเราเลย มันยาก แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร
ขอถามนิดนึงก็มีคนพูดเยอะว่าเหตุผลของการเลิก เพราะว่าเราเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยง อันนี้เกี่ยวไหม?
ต้นหอม : ความเข้าใจผิดคนคิดว่าเอาเด็กคนอื่นมาเลี้ยง แต่จริงๆ ไม่ใช่ เขาเป็นสายเลือดเรา เขาเป็นลูกน้องชาย หอมเป็นคนรักน้องชายมาก เพราะฉะนั้นลูกน้องชายทุกคนหรือแฟนน้องชายเราจะรักหมดเลย แล้วเวลาเขามีปัญหาเราก็จะคอยซัพพอร์ตทั้งหมดกับปกป้องนี่คือรักมากๆ
...
หลายคนอาจจะรู้เรื่องน้องปกป้องดี แต่หลายคนยังไม่รู้ว่าเป็นมายังไง ทำไมหอมถึงรับมาเลี้ยง?
ต้นหอม : คือเขาเอาอาหารเสริมของเราไปกิน แล้วมันทำให้กินน้อย ฉะนั้นการกินน้อยแปลว่าอาหารทั้งหมดเลี้ยงแม่หมด แล้วพอประจำเดือนมามันผิดปกติตรงที่มา 30 วัน เขาก็เลยไปหาหมอ หมอก็บอกว่ามีเด็กอยู่ในท้อง อารมณ์เป็นแม่ก็ตกใจแหละ แล้วพอรู้ว่าลูก 50/50 หมอบอกว่าอาจจะไม่รอด เพราะเขาไม่เคยกินข้าวไม่เคยอะไรเลย น้องชายก็เลยโทรศัพท์มาหาเรา เราก็โอเคเข้าใจเขา เขาเพิ่งย้ายมาอยู่เมืองไทยก็ไม่ได้สบายใจอะไรอยู่แล้ว ยังไม่มั่นคง แล้วพอรู้ว่าลูกจะไม่รอดอีก เราบอกว่าไม่ต้องวอรี่เลยดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเดี๋ยวไอเทคแคร์เองทั้งหมด

ทำไมอยู่ๆ หอมถึงรับเด็กมาเลี้ยง ทำไมไม่เป็นแค่น้าหรือป้า?
ต้นหอม : จริงๆ หอมอยากมีลูกอยู่แล้ว ก็เคยไปดูน้องๆ ที่บ้านเด็กอ่อน แต่มันไม่ได้ฟีลของความผูกพัน แต่กับปกป้องพอรู้ว่าท้อง จริงๆ หลานคนโตออกมาเรารักเลยนะ เพราะว่าเป็นคนรักน้องชายมากๆ
พอรู้ว่าท้องเราทำยังไงต่อ?
คลอเดียร์ : ตอนที่มั่นใจว่าท้องก็เลยหันไปหาผู้หญิงที่รู้สึกรักแล้วผูกพันมากที่สุด ก็เลยมาหาต้นหอม
...
เห็นบอกว่าตอนไปอัลตร้าซาวนด์ครั้งแรกเบบี้ที่อยู่ในท้องไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย หมอบอกไหมว่าเขามีโอกาสที่จะรอด?
ต้นหอม : หมอไม่คอนเฟิร์มเลย

ตอนนั้นเคยคิดไหมว่าเอาออกไปเลยดีกว่าไหม?
คลอเดียร์ : ไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่ที่สิงคโปร์ทุกคนมีสิทธิ์ในการทำแท้งได้ถูกกฎหมาย
ต้นหอม : แต่ที่นี่ไม่ถูกกฎหมายนะ คือวัฒนธรรมเราต่างกันมาก สำหรับเขาถ้าคิดว่าไม่รอด เขาสามารถคลีนออกได้เป็นเรื่องปกติ แต่ในเมืองไทยอาจจะมองว่าเป็นเรื่องผิด แต่เราคิดว่าถ้าหมอบอกว่าไม่รอดก็ไม่เป็นไร มันก็ต้องไปตามขั้นตอนอย่างนั้น และ ณ ตอนนั้นคนเป็นแม่ถ้ามั่นใจว่าลูกไม่อยู่ เขาก็ไม่อยากเก็บเอาไว้ แต่ถ้าเขารู้ว่าลูกอยู่ เขาไม่ได้จะไปทำแท้ง เพียงแค่ว่าในโลกโซเชียลจับประเด็นกันง่ายไปนิดนึง อาจจะรวบรัด เพราะตอนนั้นปกป้องจะแท้งด้วยตัวเอง ก็เลยเข้าใจว่าพ่อแม่จะทำแท้ง คือไม่ใช่ แต่วันนั้นเราไม่รู้จริงๆ

