หลังจากที่นักแสดงหนุ่ม เมฆ หัฒศนัย หรือ วินัย ไกรบุตร ที่ล้มป่วยเป็นโรคตุ่มน้ำพองมานานหลายเดือน ซึ่งสร้างความทุกข์ทรมานให้กับนักแสดงหนุ่มไม่น้อย

ล่าสุด นางสาวเฉลาศรี เสงี่ยม หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, ศ.นพ.สุเทพ กลชาญวิทย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ฝ่ายการแพทย์และวิจัย, ศ.ดร.นพ.ประวิตร อัศวานนท์ หัวหน้าสาขาวิชาตจวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และฝ่ายอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ เมฆ วินัย ไกรบุตร ร่วมแถลงข่าวการรักษาอาการป่วยอย่างเป็นทางการ ณ ห้องประชุม 1210 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ว่า 

...

ศ.ดร.นพ.ประวิตร อัศวานนท์ หัวหน้าสาขาวิชาตจวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และฝ่ายอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า โรคผิวหนังมีจำนวนหลายพันโรค เพราะผิวหนังเป็นอวัยวะที่อยู่ภายนอก

เมื่อเกิด ผื่น ตุ่ม ฝี หรือมีร่องรอยต่างๆ มักจะเห็นได้ง่าย จึงทำให้มีการตั้งชื่อโรคผิวหนังต่างๆ มากมาย บางชื่ออาจไม่เป็นที่คุ้นหูมากนักสำหรับคนไทย อาทิ เพมฟิกอยด์ ทำให้เข้าใจว่าเป็นโรคใหม่ ทั้งๆ ที่จริงมีมานานแล้ว ร่างกายของแต่ละคนมักมีโอกาสทำงานผิดปกติ โดยที่ตนเองไม่รู้ตัว อาจเนื่องมาจากสาเหตุที่ระบบอื่นๆ ในร่างกายเข้ามาจัดการควบคุมดูแลกันเอง ทำให้ไม่มีอาการแสดงออกมา

ภูมิต้านทานของคนเรานั้นมีหน้าที่คอยต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม และมะเร็ง คล้ายกับตำรวจ ทหาร ที่คอยปกป้องประเทศ ต้องฆ่าศัตรูโดยต้องไม่ทำร้ายประชาชนของตนเอง แต่บางครั้งภูมิต้านทานเหล่านี้ก็จำผิด เลยกลับมาทำอันตรายอวัยวะของตนเองทำให้เกิดโรค แพ้ภูมิ ตัวเองขึ้น ในส่วนของโรคตุ่มน้ำพอง เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่พบได้ไม่บ่อย แต่ก็ไม่ใช่โรคหายาก

สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่มาทำลายโครงสร้างที่ทำหน้าที่ยึดเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังหลุดออกจากกันกลายเป็นตุ่มน้ำและแผลถลอก รอยโรคสามารถพบได้ทั้งผิวหนังและเยื่อบุ โรคที่พบบ่อย มี 2 กลุ่ม ได้แก่ โรคเพมฟิกัสและโรคเพมฟิกอยด์

โรคเพมฟิกัส มักพบในช่วงอายุ 50-60 ปี มีความผิดปกติที่ชั้นผิวหนังกำพร้า จะเกิดในผิวหนังชั้นตื้นกว่า แต่อาจกินบริเวณกว้าง ผู้ป่วยจึงมีแผลเสมือนถูกน้ำร้อนลวกเป็นบริเวณกว้าง และผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีแผลถลอกในช่องปากร่วมด้วย มีอาการเจ็บ และอาจพบแผลถลอกที่เยื่อบุบริเวณอื่นได้ เช่น ทางเดินหายใจ เยื่อบุช่องคลอดและอวัยวะเพศ ที่ผิวหนังมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำ แตกได้ง่าย กลายเป็นแผลถลอก มีอาการปวดแสบมากเมื่อแผลหายมักทิ้งรอยดำโดยไม่เป็นแผลเป็น

โรคเพมฟิกอยด์พบได้บ่อยกว่าโรคเพมฟิกัส มักพบในอายุมากกว่า 60 ปี หรือผู้สูงอายุเกิดจากมีการหลุดลอกของชั้นหนังกำพร้าออกจากชั้นหนังแท้ จะเกิดการแยกชั้นของผิวหนังที่ลึกกว่า แต่ก็มักจะกินบริเวณไม่กว้างมากนัก

ผู้ป่วยมักมาด้วยอาการผื่นแดงคันนำมาก่อน ต่อมาเริ่มมีตุ่มน้ำใสขนาดต่างๆ กัน โดยตุ่มน้ำมีลักษณะพอง แตกยากหรืออาจแตกออกเป็นแผลถลอก รอยโรคที่เยื่อบุพบได้น้อยกว่าโรคเพมฟิกัส และมักไม่เจ็บ โดยทั่วไปความรุนแรงของโรคมักน้อยกว่าเพมฟิกัส

โรคตุ่มน้ำพองมักต้องอาศัยการตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยาร่วมกับการตรวจทางอิมมูนเรืองแสงในการวินิจฉัยโรคด้วย ยาที่ใช้รักษาเป็นหลักคือยาคอร์ติโคสเตียรอยด์และยากดภูมิคุ้มกัน ในโรคเพมฟิกอยด์ที่มีอาการไม่รุนแรง อาจใช้ยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์หรือยากลุ่มที่ไม่ใช่ยากดภูมิคุ้มกัน ในรายที่ตุ่มน้ำหรือแผลถลอกมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน อาจจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย

โรคตุ่มน้ำพองมีการดำเนินโรคค่อนข้างเรื้อรังเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี หลังจากโรคสงบแล้วอาจเป็นซ้ำได้ ในกรณีที่สงสัยว่าจะเป็นโรคตุ่มน้ำพอง แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อจะได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรค

คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรค ควรทำความสะอาดร่างกายอย่างสม่ำเสมอ บริเวณที่เป็นแผลให้ใช้น้ำเกลือทำความสะอาด ไม่แกะเกาผื่นเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ผู้ป่วยที่มีแผลในปาก ควรงดอาหารรสจัด งดรับประทานอาหารแข็ง เช่น ถั่ว ปลาแห้ง ของขบเคี้ยว เนื่องจากอาจกระตุ้นการหลุดลอกของเยื่อบุในช่องปาก

หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ไม่ควรใส่เสื้อผ้ารัดคับ เพื่อลดการถลอกที่ผิวหนัง หลีกเลี่ยงแสงแดด และความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ

ทั้งนี้ ผู้ป่วยต้องมารักษาต่อเนื่องมาตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ ทานยาต่อเนื่อง ไม่ควรลดหรือเพิ่มยาเองและดูแลรักษาแผลอย่างถูกวิธี จะช่วยให้โรคสงบได้เร็วขึ้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป ไม่มีรอยโรคใหม่เกิดขึ้น

...

จากนั้น เมฆ วินัย ได้เปิดเผยความรู้สึกในการแถลงข่าวว่า

เมฆ : “เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่เคยคิดว่าโรคนี้จะมาเจอกับตัวผมเอง เท่าที่ฟังบางคนเป็น 8 ปี บางคนเป็น 3 ปี บางคนเป็น 2 ปี โทรมาบอกผม ผมไม่ได้รู้สึกดีใจนะ เพราะหลายปีมาก คือนึกสภาพดูว่าคนเคยแข็งแรง หุ่นดี ผิวดีมาก อยู่ๆ ตื่นมาตอนตีสอง ปวด 2 เดือนเต็ม มายืนแก้ผ้าที่หน้ากระจก (เสียงสั่น) และยืนดูตัวเอง มันโหดร้ายมากที่ต้องมายืนตอนตีสอง ยืนดูตัวเองเกือบ 2 เดือน

...

อยากจะฝากคนไทย หมอที่มีความรู้ ไม่อยากให้คนเป็นต้องเป็นหลายปีหรือหลายเดือน เป็น 7-10 วันน่าจะพอ มันเป็นอะไรที่ทรมานจริงๆ ไม่คิดว่าจะเป็นที่ผม

“วันนี้ต้องบอกว่ามีเรื่องคาใจอยู่ 2 สิ่ง สิ่งแรกเลยต้องขอโทษทางบริษัท โคลีเซี่ยม ละครเรื่องตะกรุดโทน ของช่อง 7 ที่ถ่ายยังไม่เสร็จ วันที่ 11 นี้ถ้าไหวก็จะไป มันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับผมในการทำงาน ผมจะไปถ่ายให้ได้สักฉาก เพราะแกจะปิดกล้อง ต้องขอโทษนักแสดงทุกคนด้วยนะครับ

อีกเรื่องที่ผมต้องสารภาพ ผมหลอกแม่เกือบ 2 เดือน ถ้าหายจะไปกราบขอโทษแม่ และอีกเรื่องตั้งแต่ผมนอนโรงพยาบาล แฟนคลับรวมผลคนรักเมฆ นักวิ่ง ส่งกำลังใจมาให้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีแฟนคลับเพราะแก่แล้ว เป็นดาราแก่ คงจะไม่มีใครรักหรือเดินทางมาเยี่ยมมากมาย แต่ก็มีมามากมายจริงๆ โทรมาทั้งวันทั้งคืนด้วยความหวังดี และบอกวิธีการรักษา ซึ่งต้องขอบคุณมาก แต่ผมก็ต้องเลือกการรักษาทางใดทางหนึ่ง โดยการเลือกการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาฯให้ดูแล

ต้องขอบคุณสภากาชาดไทย ขอบคุณทีมแพทย์ และทีมที่คอยดูแลตั้งแต่แรก ทุกคนดูแลอย่างดีครับตั้งแต่พนักงานจนถึงพยาบาล สุดท้ายต้องขอบคุณภรรยา ลูกๆ และเพื่อนๆ คนกระบี่ คนใต้ เชื่อหรือเปล่าที่ผมมาอยู่จุฬาฯ แฟนคลับส่งเงินมามากมาย มากจนแทบจะบอกว่าผมสามารถนอนโรงพยาบาลนี้ได้อีก 2 เดือน

ตื่นเช้ามาน้ำตาไหล เห็นตัวเลขที่เขาส่งมา นึกว่าครั้งละ 5,000-10,000 บาทไม่เกิน แต่พอดูไปดูมา เกือบครึ่งล้าน ขอบคุณมาก ขอบคุณผู้มีพระคุณที่ทำให้ผมได้นอนโรงพยาบาล และบอกผมเลยว่า คุณต้องนอนให้หาย ไม่ต้องออกถ้าไม่หาย มาแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยเจอ ไม่ใช่เพื่อนผม รู้จักไม่กี่ครั้ง มันเป็นอะไรที่ทำให้ผมได้นอนโรงพยาบาลอย่างมีความสุข ผมสัญญา ผมจะนอนให้หาย ให้หายจริงๆ ตอนนี้ครอบครัวผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินแล้ว ยังเหลือให้ผมได้นอนได้อีกถึง 2 เดือนอีกด้วย กราบขอบพระคุณทุกคนครับ”

...

อาการเริ่มแรกเลย เป็นอย่างไร?
เมฆ : “อาการตอนแรกๆ รู้เลยว่าวันที่ 1 เม.ย. ประมาณกลับจากถ่ายละคร 2 วัน มีอาการคันฝ่ามือ มีตุ่มเล็กๆ ขึ้นมาเป็นวง เกาจนเจ็บ คันจนนอนไม่หลับ นั่นคือจุดเริ่มแรกเลย พอตื่นเช้ามาไปหาหมอ 4-5 วัน ผ่านไป 4-5 รอบ ไปหาคนละหมอ ฉีดยา มันก็ยุบและหาย เป็นแบบนี้ประมาณ 10 ครั้ง จนรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ไปโรงพยาบาล 10 โรงพยาบาล แปลกประหลาดมากที่ฉีดยาแล้วมันหาย

“เราเลยปล่อยมาสักระยะ ยังบอกแฟนเลยว่า ถ้ายังเป็นแบบนี้แสดงว่าไม่ธรรมดา เลยปล่อยไว้ ปรากฏว่ามันระเบิดขึ้นมาทั้งตัวเลย เป็นตุ่มน้ำพองทั้งตัว พุ่งมาแบบน้ำไหลไฟดับ ขึ้นที่คอ ที่หัว ที่แขน ที่ขา มีที่เดียวคืออวัยวะเพศที่มันไม่ขึ้น เพราะมีคนบอกว่าส่วนนั้นมีอุณหภูมิของมันเองในตัว ก็โชคดีไป ไม่งั้นตาย เพราะเป็นในปาก ในหู ใต้ฝ่าเท้า มีหมด

ผมไปโรงพยาบาลกว่า 10 หมอ กว่าจะมาถึงจุฬาฯ ไปถ่ายละครตีสองเกือบช็อก เรียกรถฉุกเฉินไม่มีใครรู้ เรียกที่โรงพยาบาลปักธงชัย ฉีดยาแก้แพ้ ขอบคุณโรงพยาบาลปักธงชัยมากนะครับที่ดูแลเป็นอย่างดี ตอนตุ่มระเบิดช่วงเดือน พ.ค. เลยได้คุยกับอาจารย์ที่จุฬาฯ ท่านบอกมาเถอะ เรามียา

คุณหมอประเมินการรักษาไว้อย่างไร?
ศ.ดร.นพ.ประวิตร : “โดยทั่วไปเราดูคนไข้เป็นคนๆ บางทีการประเมินข้อมูลรวมๆ มันจะบอกยาก อย่างคุณวินัยเองก็ต้องดูอาการต่อเนื่องกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราทราบคือ เพมฟิกอยด์ ที่เป็นในผู้สูงอายุจะง่ายกว่าคนที่เป็นในช่วงอายุที่ไม่ได้มาก บางทีต้องดูไปตามระยะยาว ไม่ใช่ดูวันต่อวัน หรือสัปดาห์ต่อสัปดาห์ อย่างน้อยที่สุดต้องดูกันประมาณ 3 เดือนครับ

ต่อไปก็เป็น 6 เดือน อะไรก็ว่ากันไป แต่โรคนี้อย่างที่เรียนว่าภูมิต้านทานคนเรามันควบคุมตัวเองได้ บางทีหลายๆ ท่านจะเข้าสู่ช่วงสงบยาวๆ เลย จนเรียกว่าหายได้ แต่โรคตระกูลนี้เขาไม่ได้เรียกว่าหายสนิท เขาเรียกว่าสงบ บางครั้งสงบไปนานๆ จนถึงคล้ายว่าหายขาด”

โอกาสที่คนอายุน้อยๆ จะเป็นโรคนี้มีเยอะไหม?
“มีโอกาสเป็นครับ แต่จะไม่เท่าคนอายุมากๆ ครับ บางทีคนเราอายุมาก การสร้างภูมิเพี้ยนบางตัวมันมากขึ้น ในขณะที่บางโรคมันจะเป็นในคนที่อายุน้อย มันแล้วแต่โรคครับ มันมีเป็นหมื่นโรคที่เกี่ยวกับภูมิ"

ที่คุณหมอบอกว่าโรคนี้อาจจะเป็นซ้ำได้ ปัจจัยที่จะทำให้เป็นซ้ำได้คืออะไร?
“คือในคนที่เป็นแล้ว มีโอกาสเซลล์ที่ผิดๆ พวกนี้มันก็จะมาสร้างภูมิเพี้ยนๆ ใหม่ เพมฟิกอยด์มันก็หายไปนานๆ ได้ แต่วันดีคืนดีหลายๆ ปีมันอาจจะโผล่มา สิ่งที่จะบอกคนไข้ทุกคนคืออย่าไปคิดถึงจุดนั้น เพราะคนไปคิดว่าเดี๋ยวมันก็มาๆ แบบนี้มันจะทำให้ชีวิตเราจิตตก ดังนั้นไม่ต้องไปคิดถึงจุดนั้น ถ้าไปมันถึงจุดนั้น ก็รักษาใหม่ ด้วยวิทยาการที่ดีกว่าปัจจุบันก็ได้ อีก 8 ปี 10 ปี”

การออกกำลังกายเยอะมีส่วนให้เป็นโรคนี้ไหม?
“จริงๆ ไม่น่ามี แล้วก็จริงๆ คุณเมฆก็โพสต์ในเฟซบุ๊ก ว่าโดนน้ำร้อนลวกมาก่อน ผิวหนังถลอก เป็นสาเหตุไหม อันนี้ก็ไม่เกี่ยวนะครับ เนื่องจากว่ากลไกตรงๆ หรือโรคตรงๆ มันเกิดจากภูมิที่อยู่ในเลือดเรา ที่มันเพี้ยนขึ้นมา

ดังนั้นสิ่งที่อยากจะบอกคือไม่ต้องโทษอะไรเลย ไม่ต้องโทษว่ากินอาหารมื้อนั้นมา มันไม่ใช่การแพ้แบบนั้น ไม่ต้องโทษว่าไปขึ้นบีทีเอสแล้วมีคนจามใส่ แล้วติดเชื้อมา มันไม่ได้เป็นโรคติดเชื้อ มันเป็นโรคของตัวเราเอง ซึ่งบังเอิญสร้างภูมิผิดปกติขึ้นมา”

สาเหตุที่ทำให้ภูมิในร่างกายมันเพี้ยน เกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง?
“จริงๆ ในบางโรคเราเข้าใจ เช่นสมมติว่าติดไวรัสบางตัวมา ทำให้เกิดการสร้างภูมิเพี้ยนๆ ไป หรือบางคนกินยาบางตัว ทำให้เกิดการสร้างภูมิเพี้ยนๆ ขึ้นมา อย่างนี้มีส่วนในบางโรค เพมฟิกอยด์เองก็มีส่วนจากยาบางตัวเหมือนกัน

ในบางท่านถ้าทานยาบางตัวมา ก็มีส่วนทำให้เกิดได้ครับ แต่ในส่วนมากเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ เกิดเองโดยที่ไม่มีสาเหตุ ร่างกายคนเราทุกอย่างเหมือนเครื่องจักร มันทำงานผิดพลาดได้ตลอดเวลา แต่ว่าในบางครั้งถ้ามันผิดรุนแรงพอสมควร มันก็เกิดเป็นโรคขึ้นมา”

วิธีการป้องกัน?
“เพมฟิกอยด์ไม่มีวิธีป้องกันครับ คือเราไม่จำเป็นต้องไปคาดการณ์ล่วงหน้า โรคผิวหนังมาอยู่ 4 พันกว่าโรค ถ้าจะกันทุกโรคล่วงหน้าคงลำบาก โรคบางโรคถ้ามันมีการติดเชื้อ พวกนี้เรากันได้ เช่นฉีดวัคซีน โรคบางโรคเกี่ยวกับการกินอย่างเบาหวาน ก็ป้องกันได้ แต่โรคในกลุ่มนี้เราไม่รู้เลยว่ามันจะเพี้ยนไปตอนไหน เชื่อว่าในห้องนี้ก็มีบางโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิอยู่บ้าง มันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ไม่ต้องไปจิตตกว่าจะเป็นโรคอะไร เมื่อเกิดขึ้นก็ไปรับรักษาให้ถูกต้อง”

แนวทางการรักษาต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร?
“แนวทางการรักษาของคุณเมฆคือการกดภูมิในระยะแรก แล้วก็ใช้ปริมาณยาที่เหมาะสมพอสมควร เพื่อจะทำให้โรคมันหยุดนะครับ ในขณะเดียวกันก็จะปรับยาลงไปเรื่อยๆ ตามความเหมาะสม

โดยที่ให้ตุ่มมันขึ้นน้อยที่สุด ขณะเดียวกันก็ไม่กดภูมิมาจนเกินไป เดี๋ยวจะไปติดเชื้อมา แต่สิ่งที่ขอคุณเมฆตอนนี้คืออย่าเพิ่งไปการกุศลมากนัก ตอนนี้เป็นช่วงพักผ่อน อย่าเพิ่งไปลุยอะไรมากๆ”

อาการตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
“ถ้าเทียบใน 1 เดือน 1 วันที่ผ่านมา ผมถือว่าดีขึ้นมาก แต่ถ้าดูตอนนี้ ถ้าไม่รู้จักโรคจะเห็นว่าทำไมตัวมันลายจัง แต่ถ้าดูดีๆ จะเป็นลายที่แห้ง ที่หน้าก็จะมีรอยของการหาย แต่ถ้าดูเทียบกับปีที่แล้วคงหล่อน้อยลง ถ้าดูในเชิงของโรคอันนี้คือผื่นที่หาย เริ่มแห้งแล้ว ตุ่มน้ำไม่มีแล้ว ในอนาคตสีมันก็จะกลืนไปเอง”

ที่บอกว่าโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษไหม ในการใช้ชีวิตประจำวัน?
“ไม่ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ แต่ว่าเราคงต้องเจอกันอยู่เรื่อยๆ การรักษาด้วยยาที่สม่ำเสมอเป็นเรื่องสำคัญ อันนี้จริงๆ เป็นธรรมชาติของคนไข้หลายๆ ท่าน ที่กลับบ้านไป แล้วพอได้ยาไปทาน บางทีงานยุ่งก็ทานบ้าง ไม่ทานบ้าง ในบางกรณีถ้าเป็นยารักษาตามอาการ ก็จะไม่มีผล เป็นเมื่อไหร่ก็กิน

แต่ยาในกลุ่มนี้ เราต้องการรักษาระดับยาให้มันคงที่พอสมควร เพมฟิกอยด์ส่วนใหญ่ รักษาที่บ้านคนไข้อยู่ที่บ้าน แต่คุณเมฆเราคิดว่าผื่นเยอะพอสมควร เราต้องรักษาระดับ เราก็เลยเอายาที่ให้ทางเส้นเลือด เพื่อจะคุมโรคได้ดีกว่า กลับไปบ้านก็ต้องทานยาสม่ำเสมอ ถ้าต้องออกกองถ่ายข้ามคืน ก็หวาดเสียวเหมือนกันเพราะว่ายามันจะแกว่ง ยากดภูมิทั้งหลายยิ่งเวลายาไม่สม่ำเสมอ บางทีมันแก้แค้น พอกดไปนิดหนึ่งแล้วหยุด มันจะกลับมาแรงกว่าเดิม มันถึงมีช่วงแกว่งๆ ที่บอกว่าไปฉีดยามาแล้วดีขึ้น แล้วเห่อใหม่ ฉะนั้นการวางแผนรักษาจริงๆมันต้องยาว”

เมื่อไหร่วินัยจะสามารถกลับบ้านได้?
“ต้องดูเป็นช่วงๆ นะครับ แต่ว่าด้วยความที่ไม่มีใครอยากอยู่โรงพยาบาลนาน ในบางครั้งถ้าคุณเมฆต้องกลับไปบ้าน คิดถึงลูก ก็อาจจะได้เป็นครั้งคราว แต่ก็ต้องคุมให้แน่ใจในระดับหนึ่งก่อน”

ต้องเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนไหม?
“เราดูอยู่ครับ เนื่องจากเป็นยากดภูมิ มันก็มีพวกเชื้อต่างๆ ที่ต้องระวัง แต่ถ้าอยู่ในโรงพยาบาล มันก็เป็นที่ที่สะอาดพอสมควร พอกลับไปบ้าน ก็เดินทางทั่วประเทศ เราก็ไม่รู้ว่าไปไหนเจออะไรบ้าง แม้แต่อาหารก็ต้องระวัง”

แผลที่ผิวหนังตอนนี้ จะหายเป็นปกติไหม?
“เวลาหายหายปกติเลยครับ เพราะว่าพวกนี้มันเป็นแค่ตรงหนังกำพร้าตื้นๆ ไม่ได้ลึก แต่มันจะมีช่วงด่าง ซึ่งเป็นปกติของคนเอเชียเรา เพราะฉะนั้นเวลาผิวหนังอักเสบ มันจะด่างอยู่พักหนึ่ง เดี๋ยวมันจะจางไปเอง แต่ถ้าโดนแดดเยอะ มันก็อาจจะด่างนานหน่อย แต่ไม่เป็นแผลเป็นครับ”

ตอนแรกที่บอกว่าเม็ดเลือดขาวของวินัยมีค่าสูงผิดปกติ ตอนนี้เป็นปกติหรือยัง?
“เม็ดเลือดขาวที่ว่า ตอนที่ข่าวออกว่ามีคนโพสต์ว่าช็อกเข้าโรงพยาบาล เม็ดเลือดขาวพุ่ง คนที่ไม่เข้าใจโรคนี้อาจจะเข้าใจว่าติดเชื้อ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เจอได้ แต่ที่เจอในของคุณเมฆ คือเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง มันเป็นชนิดเลือดที่เจอโรคตุ่มน้ำพองชนิดนี้

ช่วงที่ตุ่มน้ำเยอะๆ เม็ดเลือดตัวนี้มันจะสูง ซึ่งตอนที่กลับมาเข้าโรงพยาบาลเม็ดเลือดที่ควรจะลง มันกลับขึ้นไป ตอนนั้นเราก็เลยไม่ประมาท ตามหมอทางโรคเลือดมาช่วยดูด้วย พอเราให้ยาเข้าเส้นเลือดดีๆ เม็ดเลือดมันก็ลงเลย ตุ่มน้ำก็ลดลง”

เอ๋ อรชัญญาซ์ ไกรบุตร ภรรยา เมฆ วินัย : “จริงๆ ให้กำลังใจทุกวันอยู่แล้ว ที่ร้องไห้เสียใจเพราะสงสารเขาเพราะรู้ว่าโลกนี้มันทรมานมาก (เสียงสะอื้อ เมฆเข้ามาสวมกอดภรรยา) อยากจะบอกเขาว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจะคอยอยู่เคียงข้างตลอด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็จะอยู่เคียงข้าง

อยากขอบคุณสื่อมวลชนทุกคนที่มาทำข่าวพี่เมฆในวันนี้ อยากให้ข่าวที่ออกไปเป็นความจริงและก็อัพเดต ไม่อยากให้ข่าวปลอมออกมามากเกินไป ทำร้ายจิตใจคนที่รักพี่เมฆ อยากให้หยุดข่าวปลอม เพจปลอม อยากให้ฟังข่าวหลักๆ เป็นหลัก"

เมฆ : “จริงๆ มีอีกเรื่องคือเรื่องตัวยาที่ใช้ในการรักษา อยากให้รัฐบาลหรือว่าผู้ใหญ่ที่ดูแลในเรื่องพวกนี้ ให้ช่วยกันดูแล สั่งยาตัวนี้เข้ามาช่วยคนไทยอีกแรง คนไทยไม่ได้รวยทุกคน ไม่ใช่ว่าเข็มละ 58,000 บาท สองเข็มก็แสนกว่าบาท แล้วก็เวลาในการรักษาไม่ใช่อาทิตย์เดียว แต่เป็น 5 เดือน 1 ปี 3 ปี ซึ่งใครบ้างจะไม่จิตตก ใครบ้างจะไม่ตกใจ อยู่ดีๆ ต้องหยุดทำงาน 3 ปี 1 ปี

ผมบอกภรรยาตอนเดือนที่สองว่า ถ้าผมสภาพแบบนี้ไปขายสวนปาล์มได้เลย (น้ำตาคลอ) ไปขายที่ดินเลี้ยงลูกเพราะมันมีความรู้สึกว่ามันทรมาน คิดเหมือนกันว่าจะวางแผนชีวิตยังไงดี เพราะมันเป็นโรคที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน ทั้งที่ผมไม่เคยเป็น สำหรับผมวันเกิดปีนี้ (น้ำตาคลอ) เป็นวันที่ทรมานมากที่สุด ทรมานมาก ก็บอกตัวเองว่ามันคงเป็นถึงเวลาที่ต้องชดใช้กรรม ก็ชดใช้มันไป”