ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงการประกวดก็ต้องเปลี่ยนตาม รวมถึงวัตถุประสงค์ของการประกวดก็เช่นเดียวกันที่แต่ละครั้งแต่ละยุคก็ต้องเปลี่ยนไปตามผู้จัดการประกวด ซึ่งถ้าจะย้อนความตามเวทีประกวดที่เก่าแก่ที่สุดอย่างนางสาวไทยก็มีการเปลี่ยนไปตามยุค และตัวนางงามที่จะครองมงกุฎก็ต้องมีคุณสมบัติตามแต่ละยุคที่ต้องการ เช่น ยุคของบุ๋ม (นางสาวไทย ปี 2543) เป็นยุคที่ไม่ได้มีการประกวดมิสยูนิเวิร์ส เพราะลิขสิทธิ์ไปอยู่กับอีกเวทีหนึ่ง ส่วนบทบาทและหน้าที่ของนางสาวไทยกลายเป็นทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ดังนั้นการประกวดในปีนั้นจะมีการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ มีการสอบข้อเขียนความรู้รอบตัวประวัตินางสาวไทยและเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ในยุคนั้นยังเป็นยุคที่แอนตี้การศัลยกรรม ดังนั้นจึงมีการให้นางงามใส่ชุดว่ายน้ำ ล้างเครื่องสำอางออกและรวบผมตึงให้กรรมการ 30 คนดูอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปบทบาทและหน้าที่ไม่สามารถตอบโจทย์ของยุคสมัยได้ ความนิยมก็ลดลง ล่าสุดการประกวดนางสาวไทยจะกลับมาใหม่โดยที่ก้าวไปสู่สากลอีกครั้ง โดยผู้ได้ตำแหน่งจะได้ไปประกวดมิสอินเตอร์เนชั่นแนลที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนั่นหมายถึงการคัดเลือกที่จะต้องหาผู้ที่จะไปชิงตำแหน่งที่เหมาะสม ก็ต้องมาลุ้นกันว่าการกลับมาของการประกวดนางสาวไทยในครั้งนี้จะสามารถดึงหัวใจของแฟนนางงามได้อีกครั้งหรือไม่
...
แต่ที่อยากจะพูดถึงในครั้งนี้คือน้องฟ้าใส มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 คนล่าสุด ที่เป็นการพิสูจน์ว่าความเชื่อและมุมมองหลายอย่างที่เคยเกิดขึ้นในแวดวงนางงามได้เปลี่ยนไป สมัยก่อนนางงามที่เคยประกวดและพลาดจากเวทีอื่นจะไม่สามารถแจ้งเกิดในเวทีอีกเวทีได้เลย เหมือนเป็นความเชื่อประมาณว่าถ้าเธอเคยไปประกวดเวทีคู่แข่งมาแล้วเธอจะไม่เป็นที่ยอมรับ แม้ว่าเธอจะสวยหรือเก่งมากแค่ไหนก็ตาม บุ๋มยังจำได้ว่า ตอนที่น้องฟ้าใสมาประกวดนางสาวไทย ปี 2556 ปีนั้นบุ๋มเป็นพิธีกรและกรรมการ ยังเดินไปบอกน้องเลยว่า น้องสวยมากและมีความเป็นไปได้สูงที่จะครองมงกุฎ น้องน่าจะเข้าหนึ่งในสามของนางสาวไทย แต่ถ้าจะให้พูดตามตรงน้องเหมาะกับอีกเวทีมากกว่าซึ่งหมายถึงเวทีที่เธอได้มงกุฎล่าสุดนี้ และจากความพยายาม การพัฒนาตัวเอง การสู้เพื่อความฝันของการเป็นสาวงามระดับโลก เธอยิ้มสู้เสมอไม่ว่าเธอจะยืนอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม เราเลยได้ฉายาของนางงามคนนี้มากมาย #นางงามนักสู้ #ปิดตำนานนางรอง #สวยสมมง #มงสามมาแน่
สิ่งที่ต้องขอชื่นชมสำหรับตัวน้องฟ้าใสคือ การตอบคำถามที่ใช้สมาธิและสติควบคุมได้ดีมาก เพราะคำถามไม่ใช่คำถามที่ง่ายที่จะตอบในเวลา 30 วินาที แต่ก็ไม่ยากเกินไปถ้าเตรียมตัวมาดี แต่ก็นั่นแหละไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ และยิ่งเป็นเวทีระดับโลกการตัดสินในเสี้ยววินาทีสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การหมุนตัว การโพสท่า รอยยิ้ม เสื้อผ้า ความมั่นใจ และสิ่งที่จะตัดสินว่าใครจะได้ครองมงกุฎนั่นก็คือการตอบคำถาม ซึ่งถ้าเป็นน้องฟ้าใสการตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอแน่นอน
การเกิดใหม่ของน้องฟ้าใสต้องขอขอบคุณนางงามสาวสวยระดับจักรวาล แคทรีโอน่า เกรย์ นางงามจักรวาล 2018 ที่ประสบความสำเร็จและได้หัวใจคนดูจากความงามของเธอ ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มหรือการเดินหรือชุดที่ร้อนแรงดั่งไฟ และนั่นยังเป็นการเปิดทางให้กับนางงามอีกหลายคนอย่างน้องฟ้าใสและอีกหลายคนที่ทำให้ผู้ใหญ่เปิดใจว่านางงามที่เคยประกวดมาแล้วจากเวทีอื่น ยิ่งจะมีประสบการณ์ที่เข้มข้น และไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะให้โอกาสคนที่เป็นนักสู้และตามหาความฝันของตัวเองได้มาเดินตามหาความฝันและจุดสูงสุดของชีวิต เหมือนอย่างที่นางงามจักรวาลคนนี้เคยได้เข้ารอบสุดท้ายมิสเวิลด์มาแล้ว
ในความรู้สึกของบุ๋ม ไม่ว่าใครที่ได้เป็นตัวแทนประเทศไทยจากเวทีไหนก็ตาม แต่ถ้าคาดอก Thailand ในฐานะคนไทยคนหนึ่งก็อยากส่งกำลังใจให้สุดพลังให้สาวงามเหล่านี้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะนี่คืออีกหนึ่งสีสันที่เกิดขึ้นในประเทศไทยและเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้หญิงอีกหลายต่อหลายคนรวมถึงการต่อยอดธุรกิจที่นำมาประกวดในประเทศไทยเหมือนการจัดงานแสดงอันยิ่งใหญ่ที่จะนำเสนอหน้าตาคนประเทศไทยออกไปสู่ชาวโลก รักแฟนนางงามทุกคน ไม่ว่าจะเชียร์นางงามเวทีไหนพวกคุณคือสีสันที่สุดยอดมาก ขอบคุณนะคะ
...