การแข่งขันด้านรายการข่าวเป็นไปอย่างสูงยิ่งสำหรับโทรทัศน์ดิจิตอลช่องที่เหลืออยู่
เพราะวันนี้...นอกจากต้องแข่งขันกับช่องอื่นๆแล้ว ยังต้องแข่งกับนักชกข้างถนนหรือสตรีทไฟเตอร์ อย่างสื่อออนไลน์ไลฟ์สด อาทิ เฟซบุ๊ก ยูทูบ ไลน์ ฯลฯ
แน่นอน, การชกบนเวทีมาตรฐานซึ่งมีกติกา กฎหมายและระเบียบต่างๆคอยกำกับอยู่ อย่างสถานีโทรทัศน์หรือสื่อหลักต่างๆ ย่อมทำงานยากและมีจุดขาย
ด้านการเร่งเร้าผู้ติดตามจำกัดกว่าสื่อออนไลน์ซึ่งเป็นสตรีทไฟเตอร์ เพราะสื่อออนไลน์นั้น ต่อยแบบไร้ตำราและความรับผิดชอบ การควบคุมค่อนข้างลำบาก
เป็นสื่อต้นทุนต่ำ งบน่าจะไม่เกินหลักพันต่อเดือน แต่ก็สามารถมาแย่งเรตติ้งจากสื่อหลักต้นทุนสูงเป็นหลักล้าน/วันได้สบายๆ
แบบตีหัวเข้าบ้านประมาณนั้น!!
เราไม่แปลกใจหากข่าวจากออนไลน์จะเลือกสี แบ่งพรรค สาดไข่ใส่สี หรือทำอะไรก็ได้ เพียงเพื่อสร้างยอดไลค์ ยอดแชร์ ยอดติดตามให้ได้มากๆ
แต่ไม่เข้าใจ...ที่สื่อหลักบางสถานีปล่อยให้ผู้ประกาศข่าว ผู้เล่าข่าวบางคน กระทำตนเป็นผู้พิพากษาข่าว อ่านข่าวชี้นำชี้แนะ โดยหวังผลทางการเมืองเป็นบวกหรือลบต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง
เมื่อไม่กี่วันมานี้...รายการข่าวจากช่องหนึ่งอยู่แถวๆถนนวิภาวดีฝั่งตึกการบินไทย เล่นข่าวสมาชิกพรรคการเมืองส่งยาไอซ์ข้ามชาติ แบบชี้นำพิพากษาเนื้อข่าว เย้ยหยัน ฟันธง อ่านข่าวไป สอดแทรกคำชี้นำไป
ทั้งผู้ประกาศทั้งหญิงและชาย ก็เป็นสิทธิครับออกความเห็นได้ แต่เหมาะหรือไม่กับการเป็นสื่อหลักในการรายงานข่าว
เพราะลีลาท่าทางก็ไม่ต่างจากเพจ
ปู่มหามุนีที่ไลฟ์สดสักเท่าใด...(ฮา)
ก็ฝากให้ผู้ประกาศข่าว นักเล่าข่าวด้วยละกัน จะเป็นนักชกเวทีมาตรฐานหรือจะเป็นนักชกแบบสตรีทไฟเตอร์ ก็อยู่ที่ท่านจะเลือก!!
“สันติพงษ์ นาคประดา”
...
แจ๋วริมจอ
jaewrimjor@gmail.com