กลายเป็นประเด็นร้อน เมื่ออดีตนักร้องสาว ปุ๊กกี้ ปริศนา พรายแสง ถูกจับหลังตรวจพบมียาเสพติดไว้ในครอบครอง และมีการโยงข่าวอักษรย่อคนบันเทิงบางคนว่าพัวพันคดียาเสพติดของปุ๊กกี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นชาวเน็ตหลายคนโยงข่าวไปถึงพระเอกชื่อดัง หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์ ประกอบกับช่วงที่มีข่าว เจ้าตัวควงภรรยาสาว ติ๊ก กนิษฐรินทร์ หรือ ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ และ น้องวีจิ ลูกสาว ไปเที่ยวฝรั่งเศสพอดี จนหลายคนมองว่าเจ้าตัวหนีข่าว ล่าสุดรายการ “คุยแซ่บโชว์” ทางช่องวัน 31 โดย 2 พิธีกร ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ นุ้ย สุจิรา พูดคุยกับ หนุ่ม-ติ๊ก ถึงประเด็นร้อน

ถามถึงเรื่องที่ไปเที่ยวฝรั่งเศส แต่ก็มีข่าวร้อนพอดี?
หนุ่ม “ต้องเรียนแบบนี้ว่า 10 ปีที่แล้วเนี่ย ผมมีโอกาสไปเล่นคอนเสิร์ตที่ยุโรปและที่ฝรั่งเศสด้วย ซึ่งครอบครัวนี้เป็นครอบครัวของอากงอาม่าที่เราสนิทมาก มีอาอี๊ เราก็รู้จักมานานแล้ว แต่เผอิญตอนที่วีจิคลอด อากงไม่ค่อยสบาย ก็เลยไม่ได้บินมาเยี่ยม เราก็เลยตกลงกันว่าเดี๋ยวตอนวีจิอายุ 2 เดือนครึ่ง จะพาไปหา ก็ปรึกษาแพทย์แล้วว่าช่วงเวลานี้เขายังไม่ร้องมากมาย อย่างมากกินนมนอนแล้วก็หลับ ก็จะได้ไปเยี่ยมอากงอาม่าที่ฝรั่งเศสครับ”

...

แต่มันก็มีประเด็นดราม่าว่าเราหนีไปฝรั่งเศสเพื่อหนีข่าวดังของปุ๊กกี้?
หนุ่ม “ต้องเรียนแบบนี้ว่าพี่หนุ่มรู้ทีหลังเลย เพราะว่าอยู่บนเครื่อง เราก็ถ่ายรูปวีจินอนบนเปลไว้ในเครื่อง กะจะเก็บไว้ให้เขาดูเพราะเขายังเล็กน่ะ อยากให้เขาเห็นว่าเขาขึ้นเครื่องบินตั้งแต่อายุ 2 เดือน พอเราถึงปารีสปุ๊บก็ดูคอมเมนต์ต่างๆ ก็มีคอมเมนต์อย่างที่ทราบกันนะครับว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง

แต่โดยส่วนตัวแล้วเนี่ยเราเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจอะไรอยู่แล้ว เพราะตัวเราทำอะไรเรารู้ตัวเราเองดี พอทุกอย่างมันเกิดโน่นนี่ เราก็มัวแต่ดูลูก พาลูกพาภรรยาไปเที่ยว จนทุกอย่างมันชัดเจนหมดแล้วว่าเรื่องอักษรย่อมันเป็นการกุขึ้นมาทั้งนั้น คือทางตำรวจไม่ได้ให้ข้อมูล ก็ออกมาบอกว่าลักษณะของข่าวเป็นมาอย่างไร เราก็เลยถือโอกาสชี้แจง

อีกส่วนนึงก็คือน้องเขาก็เป็นเพื่อนร่วมงานมาก่อน เราก็แสดงความเสียใจกับเขาด้วย พูดตรงๆ นะ คนล้มอย่าข้าม อย่างน้อยมิตรจิตมิตรใจ ก็แสดงความเสียใจกับน้องเขาไม่ใช่เรื่องเสียหาย ส่วนที่จะบอกว่าตัวเราไม่ได้ทำสิ่งต่างๆ อันนั้นก็เป็นอีกส่วนนึงที่เรามีความจำเป็นต้องใช้ช่องทางของเราอธิบาย”

รู้สึกโกรธมั้ยกับข่าวที่ออกมา?
หนุ่ม “ไม่ได้โกรธครับ เพราะว่าพี่ก็ชี้แจงด้วยสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ไม่ได้ชี้แจงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวหรือโมโหอะไร”

มีคุยกับครอบครัวมั้ยว่าทำไมเขาต้องโยงมาถึงเรา?
หนุ่ม “ไม่มีฮะ แต่ติ๊กเป็นคนให้กำลังใจตลอด”
ติ๊ก “เพราะว่าไม่ใช่ความจริงค่ะ ติ๊กมองว่าคนเราเวลาจะเครียด เราต้องเครียดเรื่องที่มันเป็นความจริง แต่ถ้าเราไม่ผิด เราจะมานั่งเครียดทำไม เราเที่ยวแฮปปี้ๆ ของเราไปค่ะ”

แต่เรื่องนี้เพื่อนน่าจะถามเยอะ?
ติ๊ก “เพื่อนๆ จะไม่ถามแบบนั้น เพื่อนๆ จะบอกว่าเฮ้ย เที่ยวให้สนุกนะ แล้วคนไทยที่อยู่ที่นั่น เวลาเดินสวนกับเรา เขาจะบอกว่าเป็นกำลังใจให้นะ เรามีความรู้สึกว่าเรามาทริปนี้ แค่เราได้ยินคนไทย และเพื่อนเราที่อยู่ที่บ้านให้กำลังใจเราก็พอแล้ว เราก็ใช้ชีวิตเที่ยวของเราให้มีความสุขของเราไปค่ะ”

พอเราพาน้องวีจิไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ ก็มีคนเข้ามาคอมเมนต์ว่าเอาไปเที่ยวทำไม น้องวีจิยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วคุณพ่อก็ตอบกลับไป?
หนุ่ม “(หัวเราะ) คุณพ่อก็ตอบกลับไปด้วยคำพูดสุภาพว่ารู้เรื่องมากกว่าคุณนะครับ (ยิ้ม) ไม่ๆ ก่อนไปก็ถามอาจารย์หมอแล้วว่าวีจิรู้เรื่องมั้ย อาจารย์หมอก็บอกว่าเด็กน่ะรู้เรื่องอยู่แล้วตั้งแต่อยู่ในท้องว่าเขาเป็นลูกใคร พ่อแม่เป็นใคร เพียงแต่การที่เขาจะเก็บเมมโมรี่ได้ต้อง 6 เดือนไปแล้ว แต่ถามว่าเขาจำกลิ่นจำความอบอุ่นของพ่อแม่ได้มั้ย ลูกเราเขารู้อยู่แล้ว”

ตอนนั้นที่ถามหมอเรื่องพาลูกขึ้นเครื่องบิน คุณหมอว่าไงบ้าง?
หนุ่ม “คุณหมอไม่ว่าอะไรครับ และสามารถจะขึ้นเครื่องได้ เพราะว่าเขาก็ต้องเคลียร์หูเวลาเครื่องขึ้นลงด้วย แล้วเรื่องของประกันภัยต้องทำให้ทั้งติ๊กและวีจิด้วย ซึ่งเด็กอาจจะมีปัญหาหน่อย แต่ก็เรียบร้อยหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นการไปเที่ยวของเราก็ถือว่าเป็นการไปเยี่ยมญาติพักผ่อน อีกอย่างผมเห็นว่าช่วงที่ท้องและให้นมลูกเดือนแรกเขาเหนื่อย ก็อยากให้เขาไปพักผ่อนเจออากาศดีๆ บ้าง”

...

พอน้องวีจิอยู่บนเครื่องมีกวนบ้างมั้ย?
หนุ่ม “แปลก ไม่มีเลย เก่งมาก อยากจะบอกว่าทั้งทริปไม่ได้มีเฉพาะวีจิคนเดียวไง มีเด็กคนอื่นหลายคนที่ไป แต่วีจิอาจจะเป็นช่วงเวลาที่เขากินและนอน”
ติ๊ก “เขาตื่นแค่ตอนอึกับฉี่ค่ะ”

พอไปเจอญาติๆ เป็นไงบ้าง?
หนุ่ม “ทุกคนก็ดีใจ อากงอาม่าก็แฮปปี้มากขึ้น ถ้าดูตามอินสตาแกรม ทุกคนก็จะอุ้มหลานหมดเลย เขาเห่อหลานคนใหม่ คือแย่งกันอุ้มน่ะ ถามว่าได้ของรับขวัญกลับมาเต็มเลยมั้ย เขาก็มีแต๊ะเอียตามธรรมเนียมครับ”

ติ๊กอยากบอกอะไรกับหลายคนที่มองว่าเราเป็นคุณแม่ที่เลี้ยงลูกสไตล์แบบนี้?
ติ๊ก “จะบอกว่าแต่ละบ้านเลี้ยงลูกไม่เหมือนกัน ถ้าใครคิดว่าอยากจะลองเลี้ยงลูกสไตล์เราคือเปิดใจ แต่ถ้าไม่อยากเลี้ยงลูกสไตล์เราก็เลี้ยงสไตล์ของคุณที่คุณอยากเลี้ยง ก็ไม่ว่ากัน สไตล์ใครสไตล์มันค่ะ แต่ของติ๊ก ติ๊กอยากให้ลูกไม่กลัวอะไร ไม่กลัวแดดฝน ไม่กลัวลม อยากจะทำสตอรี่ให้เขาได้รู้ว่าตอนเด็กๆ เขาได้ไปอันนี้ ทำอันนี้ เขาเป็นแบบนี้นะ อยากเลี้ยงลูกแบบกล้า”

หนุ่ม “วันนึงเขากลับมา เขาก็จะเห็นเป็นเรื่องราวของเขาครับ”

...

นอกจากดราม่าของคนอื่น ก็มีดราม่าเวลาเราทำอะไรก็จะมาเกาะกระแส บางทีก็มีคนแสดงความคิดเห็นเรื่องของเรา?
หนุ่ม “ต้องเรียนแบบนี้ครับว่าผมเองเนี่ยไม่ใช่คนจะไปท้าตีท้าต่อย หรือไปนั่งเถียงอะไรมากมาย อย่างที่ติ๊กบอกว่าถ้าเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร เราก็ไม่ยุ่งกับเขา เราทำงานมาอายุขนาดนี้ เราทำบริษัทโปรดักชั่นเฮ้าส์ต่างๆ เรามีที่ปรึกษาทางกฎหมายอยู่แล้วที่ต้องเก็บเรื่องหลักฐานข้อมูลที่ออกมาทำให้ครอบครัวเราเสื่อมเสียครับ ซึ่งปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางกฎหมาย แต่ในส่วนความรู้สึกของเรา เรารู้สึกว่าไม่เข้าใจ แต่ไม่ได้เก็บมา เพราะเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขาครับ”

ติ๊ก “แรกๆ มีความรู้สึกว่าพรั่งพรูในการเอาคืนมาก เราไม่ผิดน่ะค่ะ แต่พอรู้ว่าท้องน้องวีจิก็บอกกับตัวเองว่าเราเป็นแม่คนแล้วนะ เราต้องใจเย็นลง พี่หนุ่มก็สอนด้วยว่าเราไม่ควรให้คุณค่ากับคนที่ไม่ให้ค่าเรา เราควรจะใจเย็น เรามีความสุขได้ภายในบ้านเรา ซึ่งเราไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะฉะนั้นคนที่คิดดีทำดี ยืนอยู่บนเส้นทางที่ดี มักจะได้ดีเสมอ ก็เลยโอเค ไม่เป็นไร แต่ก็มีบ้างว่าเออ ทำไมมันมาบ่อยๆ มาแล้วมาอีก อยู่ในโลกมโน อยู่ในโลกความไม่จริง มาวนเวียนเหมือนผีมาหลอก เอ๊ะ...ทำไมไม่หายไปสักที (หัวเราะ) ถามว่าอยากทำให้มันหายไปมั้ย เอาจะเอาน้ำมนต์ไปสาด (ยิ้ม)”

...

เคยคิดกันมั้ยว่าจะทำยังไงกันดี อยากจะใช้ชีวิตแบบเงียบๆ บ้าง?
ติ๊ก “มันห้ามเขาไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเขามีความสุขในสิ่งที่เขาจะทำแบบนั้น คือคนเรามีความสุขในการทำเรื่องดีๆ สิ่งดีๆ ด้วยกัน ถ้าใครมีความสุขในการทำแต่เรื่องไม่ดี คิดไม่ดีกับคนอื่น ใส่ร้ายคนอื่น เขามีความสุขตรงนั้น เราก็ห้ามเขาไม่ได้ค่ะ ทางเดินชีวิตของเรากับเขาอาจจะไม่เหมือนกันค่ะ”

มีเรื่องไหนมั้ยที่เจอจากนักเลงคีย์บอร์ดแล้วทนไม่ได้?
หนุ่ม “ผมก็เพิ่งตอบคอมเมนต์เดียวนี่แหละครับ ที่ตอบว่ารู้เรื่องกว่าคุณนะครับ ตอบแค่อันเดียวเองครับ”
ติ๊ก “พี่หนุ่มใจเย็น ไม่เคยว่าใครเลย”

คือเรื่องลูกเลยที่เรารู้สึกเซนซิทีฟ?
หนุ่ม “ถ้าเป็นเรื่องลูก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือถ้าคนคิดเป็น วันนึงลูกโตเนี่ย เขาจะได้เห็นรูปนะ เขาจะได้เห็นวิดีโอนี้ที่ถ่ายไว้ให้ ไม่ใช่ว่าโตมาแล้วเขาไม่มีรูปตอนเด็กเลย ถ้าสมมติบอกว่าไปหัวหินก่อนมั้ย พี่โอเคไง หรือบอกพี่หนุ่มอุ้มแบบนี้น่าจะมีผ้ารองนะ เผื่อน้องแหวะออกมา เอาผ้าคลุมหัวด้วยตอนใส่บาตร ระวังแดดนะ อันนี้โอเค เรายินดีเลย มันเป็นความปรารถนาดี”

ติ๊ก “บางคนบอกว่า “มึงรู้เรื่องมั้ยเลี้ยงลูกแบบนี้ไม่ถูก” หรือไม่ก็แบบว่า “น่ารักตรงไหนวะลูกมึง น่าเกลียดตั้งแต่เกิด” แคปไว้ทุกอัน แคปไว้ไม่ได้ตอกย้ำตัวเองนะคะ แคปไว้ดูว่าอ๋อ คนเรามันมีแบบนี้ด้วยนะ เราจะไม่เป็นนิสัยแบบนี้แน่นอน”

แบบนี้จะดำเนินการทางกฎหมายมั้ย?
ติ๊ก “อันนี้คุยกับพี่หนุ่มแล้วค่ะว่าถ้าเกรียนมากๆ เราก็จะจัดการ เราคิดว่าคนเราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราไม่เคยไประรานคนอื่น เราไม่เคยไม่ให้เกียรติคน เพราะฉะนั้นคนอื่นก็อย่ามาทำกับเราแบบนี้ แล้วมันเป็นพื้นที่ของเราด้วย มันเกินไป เรารับไม่ได้ ในเมื่อคุณเล่นเราทางโซเชียล ใช้โซเชียลเป็นอาวุธในการเข่นฆ่าเรา ใส่ร้ายเรา หรือแทงข้างหลังเรา เราก็จะดำเนินการเหมือนกัน แต่เราจะไม่หยาบคายกับคุณเหมือนที่คุณหยาบคายกับเราค่ะ”

ให้กำลังซึ่งกันและกันยังไงบ้าง?
หนุ่ม “ส่วนใหญ่ผมจะเงียบๆ และติ๊กจะรู้ว่าผมกำลังใช้ความคิดอะไรอยู่ เขาก็จะเดินมาบอกว่าสงสารพี่นะ สู้ๆ นะ ให้กำลังใจ แต่เขารู้ว่าผมกำลังใช้ความคิดของผมอยู่ว่าผมจะมีวิธีการยังไงที่ให้ผมเรียบเรียงเพื่อเป็นสเต็ป ใช้สื่อใช้โซเชียลให้เป็น ตรึกตรองด้วยความใจเย็นก่อนว่าเราจะกำหนดการเดินของเราเป็นยังไงครับ”.