สุขแล้วแค่ได้ทำดนตรี นับหนึ่งจนวันนี้ยังเหมือนเดิม
เดินมาไกลหลายปีในเส้นทางดนตรี แต่ครั้งนี้ศิลปินมากความสามารถ “สิงโต นำโชค” หรือ “สิงโต-นำโชค ทะนัดรัมย์” ค่าย What The Duck (วอท เดอะ ดัก) ขอปล่อยเพลงดึงสติคู่รักที่กำลังเจออุปสรรคและไม่รู้จะไปต่อยังไงด้วยเพลง “วันที่เรานับหนึ่ง” เพลงแรกจากอัลบั้มเต็มชุดใหม่ชุดที่ 4 ปล่อยวันเดียวยอดวิวพุ่งทะลุล้านวิว แถมมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ได้นักแสดงมากฝีมือระดับประเทศอย่าง “เรย์ แมคโดนัลด์” และ “มายด์-วรัทยา” มาร่วมถ่ายทอดที่นอกจากคุยถึงเพลงนี้แล้ว ยังชวน สิงโตคุยถึงความสุขของ “วันที่นับหนึ่ง” ในการทำเพลง สิงโต เริ่มเล่าว่า
“เพลง วันที่เรานับหนึ่ง เป็นเรื่องที่เวลาเราทะเลาะกับแฟน เพื่อนก็จะบอกให้ใจเย็นๆ นึกถึงวันที่เรารักกันวันแรกสิ เป็นเรื่องที่เราพูดกันอยู่แล้วแต่ยังไม่มีในเพลง ผมเลยเออ มุมนี้น่าสนใจ เอามาเขียนเพื่อให้คนหยุดคิดนิดนึงว่าวันที่ทะเลาะกันอย่ามัวแต่มองหาข้อเสียกัน มันอาจจะช่วยเยียวยาก็ได้ เนื้อหาก็เหมาะกับผมเรามีครอบครัวแล้วเล่าเรื่องอะไรแบบนี้ได้ เราก็จะดีใจมากถ้าเพลงมันช่วยหยุดความร้าวฉานของคู่ไหนได้”
ทำไมอัลบั้มนี้ถึงเริ่มปล่อยออกมาด้วยเพลงนี้?
“แค่คิดว่าเพลงนี้น่าจะเหมาะที่สุด อัลบั้มที่จะปล่อยเป็นอัลบั้มที่ 4 ในอัลบั้มมีความหลากหลายแน่นอน ก็เป็นการเล่าเรื่องในมุมของสิงโตเหมือนเดิม เป็นเรื่องที่เราเจอมาอยากจะเล่า ถามว่าโตขึ้นมั้ย ผมว่าเรายิ่งโตยิ่งมองอะไรง่ายขึ้นมากกว่า มองเรื่องยากเข้าใจง่ายขึ้น เมื่อก่อนอาจจะฟูมฟายในเพลง วันนึงไม่รู้จะต้องฟูมฟามทำไม มันก็เป็นของมันแบบนั้น”
...
แต่เพลงเศร้าของสิงโตก็ทำให้คนอินได้?
“เพลงผมจะไม่ได้เศร้ามาก มันมีความเข้าใจในการเศร้านั้น เช่น อยู่อย่างเหงาๆ ก็คือยอมรับอยู่กับมัน เหงาก็สนุกดี”
ไม่ค่อยมีเพลงเฮิร์ตบาดลึก?
“ไม่มี เพลงมันก็เหมือนเรื่องเล่า เล่าผ่านทัศนคติของคนแต่ง คนแต่งเป็นแบบไหนมุมมองเพลงก็เป็นแบบนั้น ผมเลือกที่จะมองบวกนะ ต่อให้เพลงเร็วหรือเพลงช้ามันก็จะยังมีมุมบวกหรือความเข้าใจอยู่ในนั้น เพลงสุขก็สุขลั้ลลาเกินไป บวกเกิน คนฟังก็อารมณ์ดี มันก็เล่าออกมาจากเรา ส่วนเพลงนี้ผมอยากให้คนได้ยินเนื้อ ดนตรีเราทำมาหลายปีหลายแนว เลยมาโฟกัสที่เนื้อเรื่องว่าอยากให้ไปถึงคนฟังชัดๆ ดนตรีเลยลดทอนลงมา”

ชีวิตตัวเองล่ะ กลับไปมองวันที่นับหนึ่ง บ่อยมั้ย?
“วันนี้นับเป็นเลขอะไรมั้ยรู้ พอนึกถึงวันที่นับหนึ่งเราก็ผ่านอะไรมาเยอะเนอะ ทุกวันนี้เรามีครบหมดเราก็มีหน้าที่เอนจอยกับมัน มันมีอยู่แล้วล่ะ ช่วงเวลาที่เราหัวเราะ ยิ้ม ร้องไห้ มันอยู่ในทุกช่วงของเรา ส่วนในเส้นทางศิลปิน ก็ถือว่ามาไกลมาก รู้สึกดี ไม่คิดว่าจะนับมาได้ไกลขนาดนี้ ตอนนั้นเล่นดนตรีในผับก็แฮปปี้ ได้ร้องเพลงได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักอยู่แล้ว อยากมีเพลงซักเพลงแค่นั้นเอง ตอนนั้นผมคิดว่ามีเพลงเปิดในวิทยุก็พอแล้ว แต่มันก็ต่อยอดไปเป็นอัลบั้ม 1-2-3 มีเพลงที่คนรู้จัก มันก็มาไกลมาก”
สีสันของเพลงตัวเองล่ะ เพิ่มมายังไงบ้าง?
“ผมเคยเปิดเพลงตัวเองฟังว่าตอนนั้นแต่งได้ยังไง ตอนนี้พอรู้เยอะ ก็ลีลาเยอะ เขียนอะไรเข้าใจยากบ้าง ตอนเด็กมันเข้าใจง่าย อยากเขียนอะไรก็เขียน ขึ้นกับสิ่งที่เราเจอบรรยากาศสิ่งแวดล้อมในช่วงชีวิตนั้นๆ จริงๆมันมีอะไรท้าทายตลอด วันนี้เราแต่งเพลงได้เพราะมันมีเรื่องเล่าแต่งแป๊บเดียวเสร็จ พอพรุ่งนี้จะแต่งอีก แต่งไม่ได้ ไม่มีเรื่องจะเล่า มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเออ เราก็ไม่ใช่นักแต่งเพลงอะไร ยังต้องฝึกอยู่เรื่อยๆ ยังรู้สึกว่าเราเป็นแค่นักดนตรีที่ชอบเขียนเพลงร้องเพลง”
ความสุขในการทำเพลงในวันแรกๆกับปัจจุบันยังเหมือนเดิมอยู่มั้ย?
“เหมือนเดิมเป๊ะเลย มันจะสุขตอนที่เราแต่งเพลงเสร็จ มีความสุขมากว่าคิดได้ยังไง (ยิ้ม) สุขตอนที่ได้ทำ ผมชอบช่วงเวลานั้นที่สุดเลย หลังจากนั้นคงเป็นช่วงอัดเสียง จนมาถึงตอนที่ได้ไปเล่นให้คนฟัง ว่าผมมีเพลงใหม่ แค่นี้ แต่ถ้าเพลงมันประสบความสำเร็จ มันก็เป็นอีกเลเวลนึงนะ มันเป็นกำไร แต่สุขๆจริง มันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่ได้ทำ ถ้าเราไปคิดว่าสุขคือคนต้องร้องตามเราจะไม่สนุกตั้งแต่ตอนแต่ง เพราะสุดท้ายมันไม่มีสูตรสำเร็จหรอก”
แล้วความสุขในชีวิตตัวเองล่ะ?
“อยู่บ้าน เวลาที่ลูกๆเงียบพร้อมกันไม่เกิน 5 นาที ช่วงนั้นจะสุขมาก (ยิ้ม) สุขที่มีชีวิตครอบครัว ลูกนั่งเล่นของเล่นกัน อยากจะเก็บตรงนั้นไว้ แป๊บเดียวก็เริ่มตีกันแล้ว สนุกดีครับ อย่ามองว่าเราเลี้ยงลูก เราเลี้ยงคนหนึ่งคน”
ลูกฉายแววทางดนตรีมั้ย?
“เค้าก็ชอบนะ คงไม่ใช่ลูกไม้ใต้ต้น ไม่ใช่เรื่องสายเลือดอะไร ผมก็ไม่คิดว่าผมเป็นนักดนตรีนะ ผมแค่ชอบดนตรีและไม่ได้เก่ง ผมชอบผมเลยทำมันบ่อยก็เลยได้ทำ เชื่อว่าถ้าลูกชอบอะไรก็คงได้เป็นอย่างนั้น แต่ในบ้านเค้าได้เห็นผมเล่นดนตรีน้อยมากเพราะบ้านก็คือบ้าน เค้าก็เห็นผมเป็นสามีของแม่ (หัวเราะ) กีตาร์หรืองานศิลปะก็ฝากไว้บ้านเพื่อน หรือห้องเก็บของเก่าๆที่ไม่ใช้ ที่บ้านคือวิมานของภรรยา มีเรื่องเล่าวันนึงไปเล่นคอนเสิร์ตมา คนดูเพียบเลยเราก็แอบคิดว่าเรานี่ก็ยิ่งใหญ่ เรานี่ศิลปินตัวจริง กลับบ้านตี 2 ด้วยความรู้สึกของความพราว เปิดไฟปุ๊บ เมียตะโกนมา ปิดไฟ ลูกจะนอน ที่คิดมาหายหมดเลย รีบเก็บกีตาร์ (หัวเราะ) ผมว่านี่เป็นข้อดีนะ ถ้าผมอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีภรรยา ใครจะคอยมาทำเราให้เป็นคนปกติ คือเค้าไม่ได้รู้สึกว่าเราเป็นศิลปิน เค้ารู้สึกว่าเราเป็นแขนขาของเค้า”.
...