ถึงแม้จะเป็น “สิงหานาคราช” มาสายเกรี้ยวกราด จิตพยาบาท หลงตัวตนแต่หล่อร้อนแรง กล้ามใหญ่ ของพระเอกหนุ่ม อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์ ในละคร “เพลิงนาคา” ทางช่อง 3 ทำเอาคอละครใจคอไม่ดี ถึงขั้น “เมานม” กันยกใหญ่จนเกิดกระแสแซวสนั่นจอ แม้แต่คนใกล้ตัวอย่างสาวนัท มีเรีย ร่วมวงชี้เป้าให้แฟนๆได้ฟิน ความฮอตของสิงหานาคราชเตะตาขนาดนี้เลยคว้าหนุ่มอั้มมาเปลือยใจกับการทำงานและอนาคตที่วางไว้ใน “คนดังนั่งคุย”
อั้มเล่นเรื่องนี้เปิดตัวมาก็มีแต่คนพูดถึงเยอะเลย
“จะเป็นกระแสที่คนยังไม่เคยได้เห็นอะไรแบบนี้ ด้วยตัวละครที่ค่อนข้างลึกลับ โผล่มาทีจะต้องมีความพิเศษ อย่างซีจี รวมถึงเรื่องราวจะต้องน่าติดตามด้วย เอาง่ายๆ ตัวละครผมคือตัวละครที่เปลืองงบประมาณที่สุด เพราะโผล่ครั้งนึง ทั้งแสงไฟ ทั้งซีจีต่างๆมันต้องถูกใช้งาน อีกอย่างคือเรื่องของชุด”
ตอนนี้คือคนดูไม่รู้จะโฟกัสการแสดง หรือโฟกัสที่หน้าอกของสิงหานาคราชมากกว่า “เราก็ดีใจนะครับที่คนพูดถึงในเชิงบวกทั้งหมด อีกอย่างก็ได้เห็นการยกระดับของซีจีในเมืองไทย ซึ่งคนก็จะชื่นชมว่า ในเมืองไทยเราก็มีคนที่ทำซีจีเก่งๆเหมือนกันครับ”
ความสมบุกสมบันขนาดไหน “สมบุกสมบันมากครับ ชุดก็มีพังไปบ้าง เป็นเรื่องปกติของละครที่จะมีฉากแอ็กชันต่างๆ”
...
เล่นจริง เจ็บจริง
“ก็ไม่ได้เล่นจริงเจ็บจริงนะครับ คือเรากะแรงว่ามันน่าจะเบาแล้ว แต่สำหรับคนอื่นอาจจะหนักก็ได้ อั้มออกแรงเบอร์หนึ่ง แต่สำหรับคนอื่นนั่นอาจจะคือเบอร์ 7 ซึ่งเราก็ไม่มีต่ำกว่าเบอร์หนึ่งแล้วไง ถ้าเบอร์ต่ำกว่านี้มันก็จะดูเหยาะแหยะ ในความคิดเรา”
ได้ช่วยทีมเรื่องแอ็กชันของตัวละครบ้างไหม “ผมก็ช่วยในเรื่องของการออกแบบตัวละครตัวนี้ สิงหานาคราช มันต้องดุดัน เกรี้ยวกราด ไม่ปรานีใคร มันต้องออกมาทางมูฟเมนต์ต่างๆ เพราะนี่ไม่ใช่คนทั่วไปที่ฟันกันธรรมดาๆ แต่การต่อสู้ของเราคือเอาตาย ไม่มีการออมมือ จะเห็นได้จากฉากที่ต้องต่อสู้กับนายทวาร ซึ่งป้าแจ๋ว ผู้กำกับ ดูตรงหน้ามอนิเตอร์ ป้าแจ๋วก็จะบอกว่า พี่อั้มเบาหน่อยๆ (หัวเราะ) เพราะว่าเสียงมันดังมาก แต่ตอนนั้นเราเบาไม่ได้ เพราะอะดรีนาลินมันก็สูบฉีดไปแล้วครับ”

อั้มกลับมาร่วมงานช่อง 3 และเลือกที่จะรับบทเป็นตัวละครร้าย ทั้งที่ลุคเราคือพระเอก
“ต้องบอกก่อนว่าผมได้คุยกับทางผู้จัดอยู่ 2-3 ครั้ง คุณแป๊ปเองบอกว่าตัวละครนี้เค้าไม่ได้นึกถึงใครเลย ละครเรื่องเพลิงนาคาเนี่ย มันเป็นเรื่องราวที่ เกิดขึ้นจากความแค้น การยึดติดในตัวตน ความยึดติดในความมี อิทธิฤทธิ์ต่างๆในตัวเอง เปรียบได้กับมนุษย์เราซึ่งมีความยึดติดแบบนี้อยู่ในทุกผู้ทุกคน ในส่วนตัวละคร ผมเคยบอกกับผู้จัดว่า ร้ายหรือไม่ร้ายเรื่องนึง แต่อย่างแรก ผมเป็นคนเข้าวัด ปฏิบัติธรรม ถ้าวันนึงผมจะต้องมารับบทตัวละครซึ่งอยู่คนละขั้วกับคำสอนของพระพุทธองค์นี้ ผมก็เข้าใจว่ามันคือการแสดง แต่ผมไม่อยากทำอย่างนั้น ความเชื่อของผมคือผมปฏิบัติมาแบบนี้ แต่สิงหานาคราชอยู่คนละฝั่ง ถึงจะเป็นตัวละครที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดในละครเรื่องนี้ก็ตาม เราก็เลยคิดดูและได้คุยกับครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระ วิธีการสอนของคนในปัจจุบัน บางทีเราจะสอนให้เค้าคิดดีทำดีเนี่ย มันสอนทางเดียวไม่ได้ คนที่อยู่ในมุมมืดก็ยังมีคนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย ถ้าเปรียบกับบัวสี่เหล่า พระพุทธเจ้ายังบอกว่าคนมีความแตกต่างกัน ฉะนั้นคนที่เราอยากจะสอน จะบอก แล้วเค้าอยู่ในมุมนั้นเค้าไม่เข้าใจหรอก เราต้องไปดึงเค้าออกจากมุมนั้น ตัวแทนของสิงหานาคราช คือเราอยากให้คนตระหนักถึงคำสอนของพุทธศาสนา ไม่มีใครเข้าใจในทิศทางเดียวตลอด ผมก็เลยตัดสินใจว่าโอเค ผมรับเล่น และเรื่องของการที่ตัวละครนี้จะร้ายอย่างไร จะต้องมีเหตุในการเล่นว่าที่เค้าต้องโกรธขนาดนี้เพราะอะไร มันจะยิ่งทำให้มองเห็นมากขึ้น”
การร่วมงานกับรุ่นน้องเป็นยังไงบ้าง
“ในฝั่งของน้องๆ น้องบอย ปกรณ์, น้องโบ๊ท ธารา จะไม่ได้เจอกันบ่อยเพราะเค้าอยู่ในโซนของมนุษย์ แต่ถ้ามาเจอกัน กองถ่ายก็จะวุ่นวายกันหน่อย บอยเค้าก็จะคอยชี้เป้า คอยบอกว่าคนนี้เป็นยังไง แล้วให้เราคอยลงมือ บอยเค้าจะเป็นบ่างนิดนึง (หัวเราะ) จะแกล้งทีมงานละ คือบอยชี้เป้า ผมทำจริง แต่จริงๆผมเป็นแค่คนที่ถูกระบายอารมณ์จากบอยแค่นั้น (ยิ้ม)”
การถ่ายทำไม่ได้เครียดเหมือนตัวบท “ไม่ได้เครียดนะครับ มีช่วงเวลาที่เฮฮากันได้ ป้าแจ๋วเองเวลาจะบรีฟทีนึงเค้าก็ไม่ได้เดินเข้ามาแบบมาบรีฟอะไรนะ เค้าจะเริ่มต้นด้วยการจับนมก่อนอะไรแบบนี้ (หัวเราะ)”
ในไอจีเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นเพลิงกามาไปเรียบร้อยแล้ว “จริงๆเห็นจากในทวิตเตอร์ เค้าเขียนว่าเพลิงกามา แล้วคอมเมนต์ที่เข้ามาก็ดูเป็นสายหื่น ซึ่งโลกตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว สมัยก่อนผู้ชายจะแซวผู้หญิง แต่สมัยนี้ผู้หญิงจะเข้ามาแซวผู้ชาย อารมณ์คือเหมือนเราเป็นผู้หญิงแต่งตัวโป๊ แล้วเดินออกไปหน้าปากซอยแล้วเจอผู้ชายมอเตอร์ไซค์กลุ่มใหญ่ๆมาแซว คือในใจก็รู้ว่าเค้าน่ารักล่ะ แต่บางอัน ก็เข้าใจสรรหากันมาแซวนะ เข้าใจหาแฮชแท็กกัน บางคนบอกพี่นมใหญ่กว่าหนูอีก บางคนบอกตอนหนูมีเมนส์นมยังไม่ใหญ่เท่าพี่เลย แต่ผู้ชายบางคนก็หนักกว่าอีกนะ คอมเมนต์ว่า ผมนั่งดูนมพี่อั้มแล้ว ผมอยากดูดนมจังเลย เรียกว่าแรงๆกันทั้งนั้น”

...
คุณนัทล่ะว่าอย่างไร มีแต่คอมเมนต์สายหื่นเข้ามาทั้งนั้นเลย
“หลังๆนี่เค้าชี้เป้าเองด้วย ลงไอจีแบบ ดูนมพญานาคไหมคะ กลายเป็นว่าเข้าพวกเขาไปชี้เป้าเองเลย ถือว่าประสบความสำเร็จ ผมว่าดีใจที่คนได้ดูนะครับ เวลาคนได้ดู มีคอมเมนต์เค้าก็จะอินไปกับสิ่งต่างๆ สิ่งนึงที่เราชอบ คือความชื่นชมในเรื่องซีจี พอเราเห็นเราก็ดีใจแทนทีมงาน เพราะงานนี้คืองานที่ต้องทุ่มเททั้งเรื่องเงิน เรื่องงานและเวลา ซีจีจะดีได้มันอยู่ที่เวลาและความละเอียดของทีมงานที่ทำ แล้วอีกอย่างนึงคือ มีช่วงหนึ่งที่เป็นการตอบคำถามกันระหว่างองค์ปู่ในเรื่องกับพระสงฆ์ มันเป็นคำถามของคนสองคนคุยกัน แต่คนดูรู้สึกว่ามันได้อะไรกลับไปด้วย คือเค้าได้ถูกสอนไปโดยเค้าไม่รู้ตัวเลย”
งานหลังจากนี้อั้มมีรับละครเรื่องใหม่หรือยัง
“จริงๆก็จะมีของช่อง ONE ที่รับไว้อยู่ อาจจะรับปีละเรื่อง ที่รับน้อยลงเพราะอาจจะมีเรื่องอื่นๆที่เราต้องทำ อย่างงานอื่นๆ หรือดูแลครอบครัวด้วย เราก็อยากจะเลือกเรื่องที่เราชอบจริงๆ คือเราก็ทำงานในวงการบันเทิงมานาน การที่เราเล่นละครเรื่องหนึ่งเนี่ย เล่นเพื่อสนุก หรือเล่นเพื่ออยากจะเล่าอะไรเนี่ย ไม่เหมือนกันละ”
หลังๆละครของอั้มจะเป็นแนวสอนคนมากกว่า “อาจจะมีบ้าง อย่างของช่อง ONE ที่เป็นละครที่ทำให้คนดูสนุกแต่มันก็ต้องมีอะไร แต่อย่าง 3 เรื่องที่เล่นเกี่ยวกับบทที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ รายได้จากการประกอบอาชีพ เราไม่อยากให้มันจบไปแค่ละครจบ เงินรายได้จากหนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผมเอาไปสร้างพระพุทธตากสิโนราชา ที่วัดบางเดื่อ จ.พระนครศรีอยุธยา พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่กลางลานปฏิบัติธรรม ผมถือว่าเงินรายได้นั้นมาจากการที่ผมรับบทของพระองค์ท่าน ผมอยากให้ทุกอย่างมันยังอยู่และจับต้องได้ พระพุทธรูปองค์นั้นได้เป็นพระ ประธานให้คนมาปฏิบัติธรรมได้ระลึกถึง”
...
ละครก็ทำ ธุรกิจก็ทำ
“ครับ ตอนนี้เริ่มมาทำโปรดักชัน ทำละครให้กับประเทศจีน กำลังทำคือเรื่อง เล่ห์ เกม รัก เดี๋ยวจะมีการบวงสรวงวันที่ 10 มิ.ย.นี้ ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่ผมได้กลับมาทำละคร ตัวผมจะดูแลในเรื่องของทีมโปรดิวเซอร์ จะมีทีมงานคนไทยที่เรารู้จักกัน มีบริษัทที่เป็นตัวแทนของประเทศจีน เป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกับเรา โดยการเลือกเรื่องอะไรต่างๆให้เค้าเลือก เพื่อถ่ายทำและนำไปฉายที่จีน”
เป็นโปรเจกต์ใหญ่มั้ย “ก็ไม่เชิงใหญ่มาก เหมือนกับเราทำละครไทยเรื่องนึง ที่วันนี้อาจจะทำให้คนในเมืองไทยดู แต่วันนี้เราทำให้คนพันกว่า ร้อยกว่าล้านคนของเค้าดู ในแพลตฟอร์ม ซึ่งคนจีนเดี๋ยวนี้ก็ไม่ดูละครผ่านทางทีวีละ ดูผ่านมือถือ ซึ่งสามารถดูเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วยอดวิวของเค้าแต่ละเรื่องก็ 80 ล้านกว่าวิว อะไรแบบนี้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของวงการบันเทิงไทย ของนักแสดงไทย”
วางตัวนักแสดงไว้มีใครบ้าง “พระนางตอนนี้เป็นสน ยุกต์ กับเอสเธอร์ครับ ทางจีนเค้าจะเลือกนักแสดงที่มีชื่อเสียงและคนจีนรู้จักอยู่แล้ว เรื่องนี้ตัวผมจะคุมการผลิตนะครับ”

...
คุณนัทล่ะ เล่นด้วยมั้ย หรือไม่กลับมาเล่นละครแล้ว
“เค้าก็ทำตำแหน่งคุมโปรดิวเซอร์อีกที (หัวเราะ) ส่วนจะกลับมาเล่นมั้ย ผมว่าเค้าน่าจะมองหาบทและเรื่องที่ดีก่อน ถามว่าเค้าพักไปนานมั้ย เอาเป็นว่าด้วยธรรมชาติของนักร้อง เค้าจะไม่ถนัดตื่นเช้าครับ แต่นักแสดงเนี่ยต้องตื่นเช้าคือ 6-7 โมงต้องตื่นต้องถึงกองละครแล้ว นักร้องส่วนใหญ่ไม่ใช่ คอนเสิร์ตก็เล่นเย็น เล่นค่ำ วิถีชีวิตแตกต่าง พอเค้าต้องเล่นละครคือตื่นเช้ามาก”
เรื่องการมีลูกล่ะ พักโปรเจกต์ไปก่อนหรือเปล่า “ไม่ได้พักหรอกครับ โฟกัสกับมันน้อยลง คือถ้ามีได้ก็น่าจะตามธรรมชาติ เพราะว่าบางทีการไปโฟกัสมากไป ทำให้คุณนัทเค้าจะเครียด ซึ่งคุณหมอก็บอกว่า การที่คนเราจะมีลูกต้องไม่เครียด ถ้าเราคาดหวังอะไรตลอดมันก็จะเกิดความเครียดได้ ก็บอกกับคุณนัทละว่า มีก็ได้ไม่มีก็ได้ไม่เป็นไร ไม่มีก็พยายามรักษาสุขภาพให้พร้อมที่จะมีก่อน แต่จะไม่บังคับไปว่า จะต้องวางแผน จะต้องหาหมอทำกิฟต์ช่วงนั้นเพื่อคลอดช่วงนี้ ไม่ทำอย่างนั้น”
อั้ม-นัทนอกจากเป็นคู่รักสายบุญก็พากันไปออกกำลังกาย
“นี่คือพยายามสูงมากครับ บางทีนี่ถึงกับต้องจ้างกันเลยทีเดียว ต้องใช้เงินจ้าง ยิ่งกว่าซื้อเสียง ก็คือการซื้อไขมันนี่ละครับ ยังเคยบอกกับคุณนัทว่า ไปต่างประเทศจะไปเที่ยวกับเพื่อน ผมก็บอกว่าช่วยวิ่งให้ผมหน่อยได้มั้ย เค้าก็ถามว่าเท่าไหร่ล่ะ ผมก็บอกว่าถ้างั้น 15,000 บาทละกัน เค้าก็บอกไม่เอาอะ ขอ 3 หมื่น กิโลละหมื่น คือแพงกว่านักวิ่งที่เค้าวิ่งมาราธอนกันอีก ที่พีกที่สุดคือ ครั้งนั้นเค้าวิ่งไม่ครบ แต่ผมก็ต้องจ่ายนะครับ ก็จะเป็น การหาแรงบันดาลใจสนุกๆ ผมกับเค้าค่อนข้างต่างกัน ผมออกกำลังกายเยอะมาก เค้าก็มีเหมือนกันที่บอกว่า ออกน้อยๆหน่อย ช่วงนี้เยอะไปแล้วนะ หลังๆนี้เค้าก็ออกกำลังกายบ้างนะครับ แต่จะเป็นออกในสไตล์ของเค้า”.
ทีมข่าวบันเทิง