15 ปี กับชีวิตบนเส้นทางบันเทิงของสองสาวคู่ซี้สายฮา ลูลู่–ลาล่า อาร์สยาม ที่ทุกคนคุ้นเคยกับภาพของนางรำอารมณ์ดีจากวงโปงลางสะออน จนกระทั่งแยกย้ายมาเป็นศิลปินคู่ดูโอ ที่กำลังมีผลงานละครทางช่อง 8 ทั้งเรื่อง มณีนาคา, เทพธิดาขนนก, วิญญาณพิศวง รวมถึงซิงเกิลใหม่ล่าสุด “ไผกะได้” ที่ปล่อยมาตั้งแต่ปีใหม่ให้แฟนๆได้ฟังกัน เป็นเพลงอีสานบ้านๆ แนวอินดี้ หมอลำม่วนๆ ผสมดิสโก้ สองสาวมีความแตกต่างกันมากแต่กลับรู้ใจกัน ชนิดที่เรียกว่าแค่มองตาก็รู้ใจกันแล้ว ส่วนความรัก ลูลู่เตรียมตัวเป็นเจ้าสาว หลังจากคบหาดูใจหนุ่มนอกวงการ ชาติ-สุชาติ พิลึก มายาวนานถึง 16 ปี โดยตั้งใจจัดงานแบบเรียบง่าย ผิดกับลาล่า หัวใจยังว่างเพราะ เป็นสาวเรื่องเยอะ รายละเอียดมาก เลยต้องรอ “เนื้อคู่” ต่อไป ใน “คนดังนั่งคุย”
แนวเพลงผสมเยอะไปมั้ย?
ลาล่า “(หัวเราะ) เราจะไม่เหมือนใครค่ะ ทำอะไรที่คนอื่นไม่ทำ แต่อย่างน้อยเราเป็นแนวอีสานชัดเจนเพียงแต่บวกลูกเล่นของดนตรีเข้าไป ก็จะได้มีความสนุกสนานเพิ่มมากขึ้น เวลาแฟนๆ ได้ฟัง หรือเวลาเปิดตามรถแห่ต่างๆ หรือวงหมอลำเอาไปเล่นสดกันก็จะได้เต้นตามกันม่วนๆค่ะ”
เราถนัดปากกับแนวอีสาน? “ถ้าเป็นภาษาอีสานถนัดแน่นอนค่ะ แต่ถ้าเป็นเพลงหมอลำ สารภาพเลยว่าไม่ถนัด เพราะการร้องหมอลำมันยากมากค่ะ ถ้าเทียบกับพี่ จินตหรา พูนลาภ ที่มีลูกคอ 9 ชั้น 10 ชั้น สำหรับเรายังไม่ได้สักครึ่งชั้นเลยค่ะ (หัวเราะ)”
กระแสซิงเกิลนี้เป็นไงบ้าง?
ลาล่า “ช่วงแรกๆ อาจจะช้าๆหน่อย แต่พอเราพยายามโปรโมต เดินสายสื่อด้วย กระแสตอบรับ ก็ดีขึ้น แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนหันมาฟังเพลงเราคนเดียว เพราะนักร้องทุกคนก็มีแชนแนลเป็นของตัวเอง เลยต้องแข่งขันกับเพลงหลากหลายแนว และเดาใจผู้ฟังไม่ถูกว่าเค้าชอบแนวไหนกันแน่ อย่างหลายๆเพลงที่ยอดหลายร้อยล้านวิว ก็ยังงงกันว่ามาได้ยังไง เนื้อร้องเป็นคำง่ายๆ เด็กๆร้องตามได้ไม่ต้องคิดมาก มีท่อนให้จดจำเป็นคำที่เราใช้จนติดปาก แต่ก็อาจจะมีข้อจำกัดตรงเป็นคำทะลึ่งบ้าง สองแง่ สามง่าม ซึ่งเราก็ใช้ไม่ได้ เพราะเรามีเด็กๆ เยาวชนติดตามเป็นแฟนเพลงอยู่มาก”
...
บางคนก็บอกว่าถ้าโชว์ไม่ทะลึ่ง ก็จะไม่สนุก?
ลาล่า “ถ้าเป็นงานโชว์บนเวที พอจะมีได้บ้าง แต่ถ้าเป็นการทำเพลงลงยูทูบเผยแพร่ทั่วไป มันทำไม่ได้ค่ะ เพราะถ้าเด็กๆฟังก็จะไม่เหมาะสม และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี”
แสดงว่าเราเป็นศิลปินดูโอที่มีกลุ่มเด็กๆ อายุน้อยๆ เป็นแฟนคลับเยอะมาก?
ลูลู่ “ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กๆ กลุ่มครอบครัว และผู้ใหญ่ไปเลย”
อย่างลูลู่ที่บุคลิกพูดไม่ชัด มีเด็กเดินมาถาม หรือพูดไม่ชัดใส่เรามั้ย?
ลูลู่ “ส่วนมากจะเป็นวัยกลางคนมากกว่า ซึ่งพอจำได้ว่าเป็นลูลู่ก็จะขอฟังเราพูดไม่ชัด แต่ถ้าเป็นเด็กๆเลย จะเขินอายเรา แต่ก็จ้องมองเราเหมือนตัวการ์ตูนอยากจับอยากเล่น ในขณะที่รุ่นพ่อแม่จะตื่นเต้นไปกับเรามากกว่าค่ะ”
คนส่วนใหญ่เชื่อจริงๆ มั้ยว่าลูลู่พูดไม่ชัดจริงๆ?
ลาล่า “ตอนนี้ ก็เชื่อได้เลยว่าลูลู่พูดไม่ชัดจริงๆ เพราะลิ้นเค้าไปแล้ว ฝึกพูดไม่ชัดมา 15 ปี จนทุกวันนี้ เวลาพูดเร็วๆ มันก็ไม่ชัดจริงๆ แล้วค่ะ (หัวเราะ)”
ลูลู่ “อย่างตอนไปถ่ายละคร บางประโยคก็ต้องขอเทกใหม่ จนบางทีก็ขำตัวเอง ว่าทำไมกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ ทั้งๆที่ตั้งใจพูดแล้ว ทำไมยังไม่ชัดอีกเหรอ”
แล้วมีนอยด์บ้างไหมที่ใครว่าเราพูดไม่ชัด?
ลูลู่ “ไม่เคยนอยด์ เพราะตลกตัวเองมากกว่า”
ลาล่า “คนอื่นๆก็ตลกกับเค้าไปด้วย เพราะ 10 ปีเต็มที่อยู่กับโปงลางสะออน และอีก 5 ปีที่วิ่งงานเอง 2 คน เดือนหนึ่งเกือบ 40 งานที่เค้าต้องพูดแบบนี้ ก็คือลู่ต้องพูดไม่ชัดทุกวันค่ะ (หัวเราะ)”
เราอยู่ในวงการมากี่ปีแล้ว?
ลาล่า “เซ็นสัญญาอยู่ในอาร์เอสมาแล้ว 13 ปีค่ะ แต่ก่อนนั้นก็ทำงานกับพี่อี๊ด-โปงลางมา 5 ปี”
เรียกว่าทั้งชีวิตโลดแล่นอยู่ในวงการนี้มาตลอดเลย?
ลูลู่ “ใช่ค่ะ แต่มันก็เหมือนชีวิตประจำวันเราไปแล้ว ไม่ได้คิดเลยว่าเราต้องทำงานทุกวัน แต่เรารู้สึกว่าเราได้ไปทำงานต่างจังหวัดทั่วประเทศได้ประสบการณ์ ได้เที่ยว ได้เจอผู้คน เจอเจ้าภาพผู้ใหญ่ที่เมตตาดูแลเรา มีน้ำจิตน้ำใจไมตรีดีมากๆ แทบจะไม่ต้องควักเงินซื้อข้าวกินเองเลย”
พอใจกับชื่อเสียงกับสิ่งที่ได้มา?
ลูลู่ “พอใจค่ะ และจริงๆ ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะได้มีชื่อเสียงขนาดนี้”
ลาล่า “เรียกว่าเราไม่ได้ไขว่คว้าตั้งแต่แรก เราไม่ได้ตั้งใจที่จะมาเป็นลูลู่-ลาล่า เป็นศิลปินดารา ไม่ได้มีความคิดที่จะเป็นซุป’ตาร์”
นอกจากจะขายความวาไรตี้ ความฮา แล้ว ก็จะมีขายเซ็กซี่ได้อยู่นะ?
ลูลู่ “(หัวเราะ) ถ้าถามเรา เราได้นะคะ แต่ถ้าถามคนอื่น ไม่รู้เค้าจะได้กับเรามั้ย แต่ก็อยากให้ทุกคนมองว่ามันคือสไตล์ของเรา ที่ไม่ต้องเซ็กซี่มาก”
...
ลาล่า “ถ้าส่วนตัวคิดว่า โดยสรีระของผู้หญิง มันสวยงามอยู่แล้ว ไม่ว่าจะดำขาว อ้วนผอม แต่ทุกคนมีมุม มีความน่ารักความสวยมีเสน่ห์ในตัวเอง และตากล้องเองก็มีเทคนิคในการหามุมเซ็กซี่ของนางแบบแตกต่างกันไป”
ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงหุ่นบาง เอวเล็ก ถึงจะเซ็กซี่?
ลาล่า “ใช่ค่ะ คนอ้วนก็สามารถเซ็กซี่ได้ อย่างที่เห็นว่าเราสองคนลุกขึ้นมาถ่ายเซ็กซี่ โชว์เนินอก โชว์เว้าโชว์แหว่ง เพื่อเก็บไว้ในช่วงอายุหนึ่งของเรา เพราะอย่างงานแสดง งานโชว์ พิธีกร เดินแบบ ถ่ายแบบ ทุกอย่างเราทำมาครบหมดแล้ว ถ้าเหลืออีกอย่างที่ยังไม่ได้ทำคือถ่ายเซ็กซี่ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงแก้ผ้าหมด เราก็มีลิมิต ด้วยสรีระของเราก็รู้ว่าเราไปถึงตรงไหนได้”
ลุกขึ้นมาเซ็กซี่แฟนก็ไม่ห้ามใช่มั้ย?
ลูลู่ “อ้อ ไม่ได้ห้ามค่ะ”
ลาล่า “ไม่เคยห้าม เพราะห้ามไม่อยู่ (หัวเราะ)”
ลูลู่ “เค้าต้องเข้าใจแหละ ว่างานเราเป็นแบบไหน และเราเองก็ต้องรู้ลิมิตตัวเองว่าได้แค่ไหน ซึ่งงานของลู่ เค้าจะไม่เคยเข้ามายุ่ง เพราะงานคืองาน”
...
ลาล่า “เราก็ไม่ได้อายุน้อยๆแล้ว การตัดสินใจอะไรบางอย่าง เรารู้ว่าอันไหนที่มันเหมาะสมหรือไม่”
แต่ส่วนหนึ่งเราก็จะเจอกับสายดราม่า ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ เจอกระแสที่คิดคนละมุมกับเรา เรารู้สึกยังไง?
ลาล่า “แรกๆ ก็ทำให้ดึงพลังของเราไปเยอะเหมือนกัน ร้องไห้ เสียใจ จนมาเจอธรรมะ ใช้ธรรมะบำบัดตัวเอง สวดมนต์ นั่งสมาธิ ตั้งจิตให้คนที่เค้าคิดว่าเรา หนึ่ง เค้าไม่รู้จักตัวตนเรา เค้าเป็นใครก็ไม่รู้ และบางทีสิ่งที่เค้าพูดก็ไม่ใช่ความจริง คนที่รู้ความจริงดีที่สุด คือเราสองคน”
10 กว่าปีที่อยู่วงการมา ทำให้เราใจเย็นลง? มีสติ ดึงสติตัวเองได้?
ลูลู่ “ใช่ค่ะ เหมือนเป็นโรงเรียนที่สอนเราให้รู้ว่าเราต้องทำตัวยังไง ให้อยู่ในวงการนี้”
ลาล่า “มันก็เหมือนคนละโลกเนอะ ถ้าเราไม่ใช่ ลูลู่-ลาล่า เราก็จะเป็นคนธรรมดา แต่ที่นี่เป็นโลกบันเทิงซึ่งจะไม่มีความเป็นส่วนตัวเราห้ามเค้าไม่ได้ แต่สิ่งที่เราห้ามได้คือใจเราเองให้เย็นลง”
อัปเดตเรื่องแต่งงานของลูลู่ สรุปเลือกได้หรือยัง?
ลูลู่ “เลือกได้แล้วค่ะ ก็คบกันมา 15-16 ปีแล้ว”
เค้าทนเรา หรือเราทนเค้า?
“ทุกอย่างเราต้องทนกันและกัน (หัวเราะ)”
แล้วอะไรที่ทำให้เราจับมือกันได้ยาวนาน?
“เราคบกันตั้งแต่เรายังไม่มีชื่อเสียง ยังไม่มีอะไรเลย ยังได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่”
แล้วระหว่างทางมีปล่อยมือ หรือทะเลาะกันบ้างมั้ย?
“มีค่ะ เป็นปกติชีวิตคนเรา แต่เวลาก็ทำให้เราคิดได้ว่าผู้ชายคนนี้ดีกว่าคนอื่น เพราะเราใช้เวลาศึกษากันมานานกว่าคนอื่นๆ ที่เพิ่งเจอกัน ซึ่งมันละเอียดอ่อน และทำให้เข้าใจว่าคนเดิมนี่แหละที่ใช่”
...
แล้วมีแพลนจะแต่งในปีนี้?
“ใช่ค่ะ ประมาณปลายๆปี นี่พี่สาวก็เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก มาเป็นผู้ใหญ่ช่วยหาฤกษ์ ซึ่งก็คิดไว้ว่าจะจัดงานกันแค่เล็กๆ แบบกินข้าวกับครอบครัว กับเพื่อนสนิท เราอยากจัดงานเพื่อครอบครัวของเรา คนที่เชิญคือแค่ขอให้มาเป็นสักขีพยานว่าเรามีงานมงคลเกิดขึ้น”
ไม่ได้อยากมีพิธี?
“ไม่ค่ะ แค่ทำบุญเช้า แล้วทานข้าวด้วยกัน”
ลาล่า ช่วยเสริม “เรื่องของเรื่องคือ จริงๆลู่อยากแต่งตั้งแต่ตอนพ่อแม่ยังอยู่ ก็คุยกันไว้ แต่ด้วยความไม่พร้อม ทั้งเรื่องงานเรื่องอะไร จนตอนนี้ทั้งพ่อทั้งแม่ไม่อยู่แล้ว”
ลูลู่ “ก็เลยไม่รู้จะจัดพิธีใหญ่ไปเพื่ออะไรค่ะ”
ลาล่า “แล้วตัวลูลู่เค้าก็ ไม่ชอบเว่อร์วังอลังการ เป็นคนง่ายๆ สบายๆ”
งานแต่งเน้นเรียบๆ ไม่ต้องมีธีมหรือเปล่า?
ลูลู่ “มีธีมค่ะ เป็นธีมผ้าขาวม้า เพราะเราเป็นคนอีสาน ถ้าคิดถึงภาคอีสาน ก็จะคิดถึงผ้าขาวม้า ผ้าถุงค่ะ และลายของผ้าขาวม้าก็เตะตาโดดเด่น ถ้าเราจัดงานแล้วให้ทุกคนแต่งชุดผ้าขาวม้า ดูบ้านๆ สนุกๆดี”
แล้วลาล่าล่ะเมื่อไหร่จะมีแฟน?
ลาล่า “(หัวเราะ) เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่เรื่องมาก เป็นคนขี้เหงาที่แบบอะไรยังไงก็ได้ แต่พออยู่ไปอยู่มา สรุปว่าไม่ใช่เพราะผู้ชายเรื่องเยอะ แต่เรานั่นแหละเรื่องมาก เพราะเราเป็นคนที่มีรายละเอียดเรื่องความรักเยอะ การที่ใช้คำว่าแฟนกับล่าน่ะ มันเป็นเรื่อง”
ลูลู่ ขยายความ “มันมีคำว่า เรื่องมาก กับเลือกมาก ที่เป็นเส้นบางๆ กั้นกันอยู่ค่ะ (หัวเราะ) เลยเหมาะที่จะอยู่คนเดียว”
ลาล่า “ตอนแรกก็ปฏิเสธว่า ไม่ใช่ๆใครก็ได้ มาดูแลฉันหน่อย แต่สิ่งที่เราต้องการมันก็ไม่ใช่ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ก็ไม่รู้”
โสดมากี่ปีแล้ว?
“โสดมาเกือบ 10 ปีแล้วค่ะ”
ดูเราสองคนเป็นคู่ดูโอที่แตกต่างกันมาก?
ลาล่า “ต่างกันมากค่ะ แต่ต่างกันแบบอยู่ด้วยกันได้ อย่างเรื่องการนอน คนหนึ่งต้องปิดไฟมืดสนิท แต่อีกคนต้องเปิดไฟเปิดทีวี ก็หาข้อตกลงคนละครึ่งทางก็ทำให้นอนด้วยกันได้”
มิตรภาพของ ลูลู่-ลาล่าที่ยั่งยืนเพราะอะไร?
ลูลู่ “เราเหมือนแฟนกัน”
ลาล่า “มันคือความจริงใจ ความเข้าใจ และความซื่อสัตย์ระหว่างเราสองคน กล้าพูด กล้ารับความจริงซึ่งกันและกัน เหมือนกระจกที่สะท้อนซึ่งกันและกัน ถึงเราเป็นน้อง เค้าก็ให้เกียรติที่จะฟังเรา แม้กระทั่งเรื่องของเค้า เราก็สามารถพูดแทนได้ คือแชร์กันทุกเรื่อง และทำทุกวันให้มีความสุขด้วยกันค่ะ”.
ทีมข่าวบันเทิง