หลังจากมีคลิปที่นักร้องหนุ่ม เดอะทอยส์ หรือ ธันวา บุญสูงเนิน ถูกแฟนเพลงที่พม่าพยายามให้นักร้องหนุ่มดื่มแอลกอฮอล์ ระหว่างที่กำลังขึ้นร้องเพลงบนเวทีในร้านอาหาร เพราะเหตุการณ์นี้เองจึงทำให้นักร้องหนุ่มไม่พอใจกับพฤติกรรมดังกล่าวของแฟนเพลง จึงได้หยุดร้องและถอดกีตาร์ลงจากเวทีไป

และมีคนมาโวยว่าทำไมตั้งใจมาดูนักร้องดัง แต่ทำไมถึงได้ดูแค่นี้ พร้อมโพสต์คลิป ก่อนจะมีชาวเน็ตอีกคนโพสต์คลิปให้กำลังใจนักร้องหนุ่มชื่อดัง พร้อมอธิบายว่า ถ้าเจอเหตุการณ์เหมือนที่เดอะทอยส์เจอจะทนได้หรือไม่

ล่าสุดนักร้องหนุ่มได้มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว 4 หนุ่มพรีเซ็นเตอร์ใหม่ล่าสุดของ นีเวีย เมน ณ ลานหน้าฮาร์ดร็อค คาเฟ่ สยามสแควร์ซอย 11 จึงได้สอบถามถึงเรื่องนี้กับนักร้องหนุ่ม ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า

เล่าเหตุการณ์บนเวทีให้ฟังหน่อย?
“เท่าที่เห็นคือเขาขึ้นมาบนเวที ผมจำไม่ได้ทั้งหมด แต่ฟีลคือกำลังจะร้องเพลงท่อนต่อไป รู้ตัวอีกทีคือเขาเข้ามาแล้วและผมหายใจไม่ออก ตอนนั้นไม่ได้พูดอะไรเลย ด้วยความที่บรรยากาศในร้านมันมืดๆ อยู่แล้ว เลยมองอะไรไม่ค่อยเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น”

...

มีจังหวะที่เขวี้ยงกีตาร์ลงพื้นด้วย ความรู้สึกคือเป็นยังไง?
“ตอนนั้นคือกลัวไม่ปลอดภัย ตกใจด้วย แต่ไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่รู้ว่าจะต้องยังไงดี ถ้าสมมติเขามีมีดหรือมีปืนจะเป็นยังไง แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ผมแต่มันเป็นกับทุกคน ไม่ต้องเป็นศิลปินก็ได้

สมมติถ้าผมเป็นเซลส์ขายรถกำลังคุยกับลูกค้าอยู่ แล้วมีคนเดินเข้ามาล็อกคอ คืออะไรตรงนี้มันเป็นวัฒนธรรมที่เราควรเรียนรู้ ซึ่งไม่ใช่ว่าเขาผิดนะ เพียงแค่ว่าเราได้รับวัฒนธรรมการชมดนตรีที่แตกต่างกันออกไป เลยเป็นอย่างที่เห็น”

หลังเกิดเหตุการณ์เจ้าของร้านได้มาพูดอะไรไหม?
“ได้มาคุยกับผู้จัดการครับ ผมถือว่าเขาค่อนข้างมีสปิริตเพราะเขารับผิดชอบเงินของลูกค้าทั้งหมด คืนทั้งหมด อันนี้คือเรื่องที่ดี จริงๆ เขาไม่ต้องทำก็ได้ แต่ว่าเขาทำ”

หลังจากที่ทอยส์ลงจากเวทีก็ไม่มีการเล่นต่อเลยใช่ไหม?
“ใช่ครับ คือผมไปกินข้าวต้มกับมือกลองต่อครับ ผมคุยกับมือกลองว่าแถวนี้มีร้านข้าวต้มเปิดไหม เขาก็บอกว่ามีตรงนี้ เราก็เลยไป”

จากนี้จะมีการระวังไม่ให้แฟนเพลงขึ้นไปบนเวทียังไงบ้าง?
“จริงๆ เราควรรู้กันอยู่แล้ว คือไม่ใช่แค่ดนตรี แต่มันเป็นทุกเรื่องบนโลก เราควรรู้กันอยู่แล้วว่าไม่ควรจะไปแซกแทรงในการปฏิบัติงานของใครก็ตามแต่ อันนี้มันเป็นวัฒนธรรมของการเป็นผู้ใหญ่”

พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้เราระแวงในการขึ้นเวที กลัวจะซ้ำรอยอีกไหม?
“เอ่อ... ไม่ครับ เพราะมันเป็นหน้าที่ของทีมงานแล้วครับ”

เห็นว่าทางเราก็คืนค่าตัววันนั้นให้หมดเลย?
“ใช่ครับ ตอนที่ผมไปกินข้าวต้มกับมือกลอง ผมก็บอกว่า ตายแล้ว เราเล่นไม่ครบนี่ เพิ่งจะนึกได้ จังหวะนั้นผมเลยโทรหาผู้จัดการ ซึ่งผมเป็นคนตัดสินใจเองว่าขอคืนเงินทั้งหมด ส่วนเรื่องค่ารถต่างๆ ผมขออนุญาตออกเองนะครับ”

แสดงว่าเราก็อยากรับผิดชอบในส่วนนี้เหมือนกัน?
“ใช่ครับ เพราะถือว่าทางร้านเขารับผิดชอบกับลูกค้า อันนี้คือเรื่องที่ดีมาก”

...

เราพอทราบดราม่าที่เกิดขึ้นไหม เพราะต่างก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ 2 มุม ทั้งเข้าข้าง และบอกว่าเราไม่เป็นมืออาชีพ?
“ผมไม่ค่อยเข้าไปอ่านครับ ผมไม่แคร์ ไม่ค่อยสนใจ เราอาจจะเป็นมืออาชีพสักหนึ่งหมื่นวัน และวันนั้นผมอาจจะใช้หมดพอดี ก็เลยไปกินข้าวต้มดีกว่าครับ”

เราโกรธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไหม?
“ไม่โกรธครับ ทุกคนต้องเรียนรู้ ผมมองว่ามันเป็นเรื่องดีนะ แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เหมือนกัน อย่างน้อยมันก็ทำให้เห็นว่าเป็นประสบการณ์ของทุกๆ ฝ่าย รวมถึงผมด้วย”

จากนี้ต้องเลือกรับงานมากขึ้นไหม?
“ไม่ซีเรียสอะไรเลยครับ เพราะสุดท้ายจะเป็นค่ายเท่านั้นที่รับงาน ไม่เกี่ยวกับผม”

หากมีงานติดต่อมาอีกครั้ง เราสามารถกลับไปเล่นที่สถานบันเทิงนั้นได้ไหม?
“ได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไรเลย”

ต้องขอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยเพิ่มไหม?
“ไม่ทราบเลยครับ เพราะทางทีมงานจะเป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง ผมไม่รู้ ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเลยครับ”

...

เราอยากจะบอกอะไรกับแฟนคลับที่เป็นห่วงบ้างไหม?
“ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจ และไม่ต้องไปโจมตีใครเลย ไม่ว่าจะเป็นทางร้านหรืออะไรก็ตามครับ เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเรียนรู้อยู่แล้ว เป็นก้าวเล็กๆ ที่ทำให้เรารู้จัก เรียนรู้ และแก้ปัญหา ผมคิดแค่นั้นครับ”.

...