เรื่องราวเหมือนจะไม่จบลงง่ายๆ สำหรับเรื่องของ ทิม พิธา และ ต่าย ชุติมา ที่หลังจากศาลมีคำสั่งให้สิทธิ์เลี้ยงดูลูกกับทั้งคู่ โดยแบ่งให้ฝ่ายพ่อดูแลลูกในช่วงวีคเดย์และอยู่กับแม่ในช่วงวีคเอนด์ ซึ่งเหมือนจะจบแบบแฮปปี้ เพราะหนุ่มทิมได้โพสต์รูป 3 คนพ่อแม่ลูกลงในอินสตาแกรม แต่กลับมีกระแสข่าวลือออกมาว่า รูปที่หนุ่มทิมโพสต์นั้นเป็นรูปเก่า และจริงๆ แล้ว หนุ่มทิม ไม่ได้เลี้ยงดูสาวต่ายแต่อย่างใด และยังเป็นฝ่ายอดีตภรรยาต้องหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้านอีกด้วย 

ล่าสุด ทิม พิธา ได้เปิดใจกับทางบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ชี้แจงเรื่องนี้ทั้งหมดเพื่อให้หลายๆ คนได้เข้าใจกับเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยหนุ่มทิมเปิดเผยว่า 

"ผมอยากจะชี้แจงว่าผมไม่สามารถที่จะแอบฟ้องใครได้ตามอำเภอใจ ผมไม่สามารถจงใจส่งหมายเรียกผิดบ้าน ผมไม่สามารถที่จะทำได้ ผมพูดกับคุณต่ายเสมอว่าผมอยากจะขอเป็นเพื่อนช่วยกันเลี้ยงลูก ที่ผ่านมาคุณต่ายขอศาล ขอให้วีคเอนด์อยู่กับเค้า วีคเดย์อยู่กับผม ซึ่งผมแฮปปี้ เค้าขอศาล ศาลอนุญาต ซึ่งผมก็ยอมรับ มันเป็นวิธีที่วินๆ ทุกฝ่าย

...

วันศุกร์ผมไปส่งที่โรงเรียน บ่ายสองโรงเรียนเลิกคุณต่ายมารับ เสาร์-อาทิตย์อยู่กับคุณต่าย วันจันทร์ 8 โมงเช้าคุณต่ายไปส่งที่โรงเรียนแล้วผมรับกลับ อันนี้คือศาลสั่งเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ศาลเขียนมาชัดเจนคุณต่ายเป็นคนขอศาล แล้วศาลอนุญาต ผมเห็นดีด้วย

ที่ผ่านมาต้องมีการฟ้องร้องเพราะเรื่องการส่งมอบระหว่างพ่อกับแม่ มันบังคับว่าลูกต้องเลือกว่าจะอยู่กับใครตลอดเวลาทุกๆ 5 วัน ลูกต้องเจอแบบนี้ตลอดเวลา มันลำบากและคำพูดที่ต่ายใช้ว่ามีปัญหาเรื่องการส่งมอบ ก็คือเป็นเรื่องจริง มีเป็นปัญหามากจริงๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่อง 2 โรงเรียนเข้ามา ปัญหานี้มีมา 15 เดือนแล้วที่ไม่สามารถจะอยู่ด้วยกันได้ อดทนกันมานานพอสมควร

แต่ตอนนี้พิพิมมีโรงเรียนเดียว ไม่ร้องไห้ อยู่อย่างผาสุก เมื่อพ่อกับแม่ไม่ต้องเผชิญหน้ากัน พิพิมก็ได้เรียนหนังสืออยู่ที่เดียว เริ่มพูดเก่งทั้งภาษาญี่ปุ่นเหมือนคุณแม่เค้าที่เรียนมาตอนเตรียมอุดม และภาษาอังกฤษพิพิมก็เริ่มพูดได้ชัด (ยิ้ม)

ในการส่งมอบที่เคยมีปัญหา ต้องไปส่งที่เซ็นทรัลเวิลด์ หรือไปส่งที่เอ็มโพเรียม ก็ต้องมายื้อ พิพิมต้องมาร้องไห้กลางห้างไม่มีอีกต่อไปแล้ว พิพิมไม่มีปัญหาเรื่องนอนหลับยาก กินข้าวยาก เพราะต้องย้ายบ้านมันหมดไป

เพราะฉะนั้นการที่คุณต่ายขอศาลวันที่ 1 พ.ค.ว่า ขอให้วีคเอนด์อยู่กับเค้า วีคเดย์อยู่กับผม ศาลอนุญาต ผมเห็นด้วย เรื่องปัญหาครอบครัวผมจบแล้ว พิพิมออกจากความขัดแย้งตรงนี้ผมมีความสุขแล้ว คุณต่ายได้เจอลูก ลูกได้เจอแม่ ผมไม่มีความคิดที่จะกีดกัน ทุกสิ่งทุกอย่างลงตัว ทุกอย่างวินๆ วันที่ 2 พ.ค.ผมบอกทนายให้ถอนฟ้องเลยเพราะเจตนาผมคือต้องการจะเป็นเพื่อนกับเค้าและช่วยกันเลี้ยงลูก ศาลอนุญาตให้ถอนฟ้องวันที่ 13 พ.ค.

เพราะฉะนั้นการที่จะมีข่าวออกมาวันที่ 15-16 พ.ค.มันเป็นวันที่ไม่เหลือคดีอยู่แล้ว หมายเลขคดีนั้นถูกถอนออกจากระบบแล้ว ศาลอนุญาตให้ถอนคดีแล้ว แจ้งจำเลยยกเลิกนัด เค้าเขียนไว้ชัดเจนว่าคดีนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว

ผมยื่นไมตรีจิตให้คุณต่าย ผมรู้ว่าการที่ผมจะเป็นเพื่อนกับเค้าช่วยกันเลี้ยงลูก แต่ยังมีคดีค้างอยู่มันเป็นเพื่อนกันไม่ได้ คุยกันไม่จบไม่สิ้น ผมเลยถอนฟ้อง และศาลจะเป็นคนแจ้งคุณต่ายเอง การเจรจาทั้งหมดทั้งปวง ศาลจะต้องเป็นคนพูดก่อน เพราะว่าศาลเป็นตัวกลางของเรื่องนี้ การสื่อสารจะต้องผ่านศาลทั้งหมด

สำหรับผมปัญหาที่ยืดเยื้อมา 15 เดือนมันจบไปแล้ว ไม่มีอะไรค้างคา คุณต่ายก็ได้อย่างที่ขอ พิพิมไม่ทุกข์ไม่โศก ผมก็ขอเป็นพ่อม่ายที่มีความสุขใช้เวลาเลี้ยงพิพิมให้โตมาอย่างมีคุณภาพและไม่ขาด ซึ่งต้องมีคุณต่ายเกี่ยวข้องด้วย แต่ต้องเข้ามาแบบไม่มีเรื่องบาดหมางกัน"

...

แล้วที่มีข่าวว่ามีเจตนาเอารูปเก่ามาโพสต์ล่ะคะ เอารูปเก่ามาโพสต์เพื่ออะไร

"วันที่ 10 พ.ค. ผมเข้าใจว่าศาลจะอนุญาตให้ถอนฟ้อง คุณต่ายโพสต์ may is magic ผมคิดว่าคุณต่ายคงรู้แล้วว่าคดีไม่มี ผมก็เลยโพสต์รูปไปตามความคิดและความจริงใจของผมว่าครอบครัวพ่อแม่ก็ยังอยู่ แล้วก็มีข่าวออกมาว่าเป็นรูปเก่า ผมเอารูปเก่าออกมาทำไม

รูปนั้นพิพิม 3 ขวบ เพิ่งเรียนเทอมแรก วันนั้นเป็นวันแรกที่พิพิมเข้าเรียนหนังสือ ผมเชิญคุณต่ายมาร่วมส่งพิพิมเข้าเรียนวันแรกด้วยกันในฐานะพ่อและแม่ด้วยความจริงใจ สาเหตุที่ผมไม่สามารถโพสต์ตรงเวลา หรือโพสต์ก่อนหน้านั้นได้ เพราะว่ามันเป็นคำสั่งศาลที่ห้ามให้งดแถลงข่าวกับสื่อ งดถ่ายรูปลูก งดเล่นโซเชียลมีเดีย งดถ่ายรูปลูกในช่วงพิจารณาคดี

มันคือสาเหตุที่ทำให้ผมไม่ได้โพสต์ตรงเวลา เพราะมันมีคำสั่งศาลอยู่ชัดเจน คือในช่วงที่พิจารณาคดี ศาลสั่งห้ามเล่นโซเชียล ศาลดุผมกับคุณต่ายทั้งคู่ว่ามีการพิสูจน์ที่ศาลอยู่แล้วจะใช้สื่อทำไม ศาลไม่อนุญาตให้ใช้ แต่พอผมถอนฟ้อง เพราะทุกอย่างมันวิน ผมก็เลยโพสต์รูป มันเป็นรูปที่ผมยิ้มอย่างจริงใจ คุณต่ายยิ้มอย่างจริงใจ พิพิมยิ้มอย่างมีความสุข ได้อยู่ด้วยกัน 3 คนพ่อแม่ลูก

มันไม่ใช่รูปเก่า แต่มันเป็นรูปปัจจุบันทันด่วนในความคิดผม ที่ไม่สามารถลงตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. เพราะคำสั่งศาลมันคาอยู่ และคุณต่ายก็อัพลงไอจีแล้ว ผมก็ขออัพบ้าง และอัพเป็นทางบวกมาก ให้คุณต่ายก้าวชีวิตต่อไปได้ ก็ยังหวังว่าเค้าจะประสบความสำเร็จและมีคู่ครองใหม่

และตลอดเวลา 15 เดือน วันนั้นเป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด เราอาจจะเป็นพ่อม่าย ครอบครัวอาจจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีเพื่อนๆ ให้กำลังใจบอกว่าเป็นไปได้นะว่าแม้ชีวิตจะไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ราบรื่น แต่มีความสุขได้ เผลอๆ ลูกอาจจะมีความสุขด้วยซ้ำไป บางทีไปบ้านแม่ เจอคู่ครองของแม่คนใหม่ ไปหาพ่อก็ไปเจอคู่ครองคนใหม่ของพ่อ ลูกมีผู้ใหญ่ให้ปรึกษา ไม่ปรึกษาพ่อแม่ก็ปรึกษาคุณน้าคุณลุงคู่ครองของพ่อแม่ก็ได้

...

ผมหวังให้แม่ของลูกมีความสุข อะไรไม่ดีมันไม่เหมาะหรอก เพราะจะมาลงที่ลูก ผมยังเป็นเพื่อนกับเค้าก็ต้องช่วยกันรับผิดชอบชีวิต แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา อาจจะพูดคุยกันไม่ได้ แต่อย่างน้อยอย่ามาว่าร้ายกัน สาดโคลนกันผ่านสื่อ อย่าประชดประชัน ประจานกัน

แต่ที่ผมชี้แจงในวันนี้เพราะอยากพูดในข้อเท็จจริงที่สำคัญและพูดกับสาธารณชนได้ แต่อะไรที่ผมอยากจะพูดแต่มันอยู่ในใจมันก็ต้องตายไปกับผม มันเป็นไปไม่ได้ที่โดนสาดโคลนมาแล้วจะต้องสาดโคลนกลับ

ตอนนี้เรื่องครอบครัวที่บาดหมาง ผมจบแล้ว คุณได้ตามที่คุณขอศาลแล้ว ผมยอมรับ ตอนนี้เราเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว ที่ผ่านมาลูกบอบช้ำมามากพอแล้วตั้งแต่มีเรื่อง หลังจากนี้หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไร ผมจบแล้ว ลงรูปนั้นเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นว่า ความบาดหมางที่ผ่านมาแล้วก็แล้วไป แต่ต่อไปนี้ผมจะเป็นพ่อม่ายที่มีความสุขโฟกัสที่การเลี้ยงลูก และหวังว่าเค้าจะเป็นแม่ของลูกที่มีความสุขในการเลี้ยงลูกและโฟกัสว่าจะทำอย่างไรให้ลูกขาดน้อยที่สุด

เมื่อผมจบแล้ว แต่มันยังมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่อยากให้จบ มันมีขบวนการข่าวเท็จ ข่าวลวง ที่พยายามจะสาดโคลนใส่ผม ที่ผ่านมาผมก็พยายามอดทนเพราะไม่อยากให้มันเป็นข่าว ไม่อยากเป็นเรื่องเป็นราวอะไร ที่ปล่อยได้ก็ปล่อย แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดจนถึงทุกวันนี้ ทั้งที่เรื่องของผมและคุณต่ายในชั้นศาลมันจบไปแล้ว

...

มีคอมเมนต์ขาประจำเดิมๆ ผมก็ต้องแจ้งความ ต้องเริ่มทำให้มันถูกต้อง เพราะข่าวที่มีออกมามันมีมาก คำหยาบมากมายเยอะแยะเต็มไปหมด ซึ่งเรื่องถึงตำรวจแล้ว ตำรวจทราบแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง ผมไม่มีความจำเป็นจะต้องไปเคลียร์ เพราะถ้าไปเคลียร์แล้วไม่ใช่เค้า ก็ต้องให้ตำรวจเป็นคนไปจัดการ ผมพอรู้ตัวว่าเป็นใคร พูดได้ว่าเป็นคนที่เคยอุ้มพิพิมมาทั้งนั้น

กองเชียร์ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ผมก็มีกองเชียร์ของผม คุณต่ายก็มีกองเชียร์ของคุณต่าย ต้องยอมรับว่ากองเชียร์ของผมไม่เคยฟังความข้างคุณต่าย และกองเชียร์คุณต่ายก็ไม่เคยฟังความข้างผม แต่ตอนนี้คุณกำลังทำลายครอบครัวผมและทำลายพิพิม แล้วมันมีมากเกินไป เป็นขาประจำ คนนี้เขียน แล้วส่งต่อให้เพจ ส่งต่อให้สำนักข่าว

พอมันมีตรงนี้ผมก็ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรให้มันถูกต้อง ดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ ฝั่งผมจบที่ศาล จบที่สื่อ และยื่นไมตรีจิตให้คุณต่ายแล้ว แต่ทำไมยังมีคนอีกกลุ่มนึงไม่อยากให้จบ ต้องการอะไรจากสิ่งนี้ ถ้าต้องการอะไรก็อยากให้บอกกับผมมา

วันนี้ที่ผมพูดเพราะต้องการบอกว่า ไม่ใช่ว่าผมจะสามารถไปแอบฟ้องคนอื่นได้ ที่ผมต้องเป็นโจทก์ฟ้องเพราะมันมีความจำเป็นจริงๆ ในความทุกข์ทรมานของลูก จิตแพทย์ลูกเป็นคนบอกว่าต้องหยุด คุณ 2 คนไม่สามารถเป็นพ่อเป็นแม่แล้วกระชากลูกไปมา ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะให้มันรุนแรง คำว่าแอบฟ้อง ผมไม่ได้ติดใจว่าคุณต่ายไม่ได้รับหมาย แต่การที่คุณเอาตรรกะว่าการที่คุณต่ายไม่ได้รับหมายเท่ากับผมจงใจแอบฟ้อง เป็นตรรกะที่ไม่ยุติธรรม"

แล้วทำไมส่งหมายศาลไปยังที่อยู่ที่ ต่าย ไม่ได้อยู่?

"ใครๆ ก็ไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาแล้วบอกว่าส่งไปที่ที่อยู่นี้นะ ไม่สามารถบอกได้ว่าเอาหมายไปติดที่นี่ วันที่นี้นะ ทุกอย่างเป็นกระบวนการของศาล ซึ่งผมไม่สามารถก้าวล่วงได้ พอทนายบอกจะยื่นฟ้องต้องมีเอกสารอะไร ผมก็เอาทะเบียนบ้านให้ทนายไป เค้าก็บอกว่าต้องฟ้องตามทะเบียนราษฎร

ทะเบียนราษฎรคุณต่ายไม่ใช่บ้านร้าง แต่เป็นคอนโด 5 ดาว ใจกลางสุขุมวิท ที่มีระบบคีย์การ์ด นิติบุคล จะไปแปะหมายที่ห้องใครก็ต้องแปะคีย์การ์ดก่อน หมายที่ไปติด ติดตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 61 จนถึงวันที่ 11 ก.พ.62 บวกลบคร่าวๆ 70 วัน คุณต่ายให้สัมภาษณ์ว่าพบหมายวันที่ 13 ก.พ.62 หมายนี้ติดอยู่ที่ประตูคอนโด 70 วัน ในคอนโดที่มีระบบนิติบุคคล ไม่ใช่บ้านร้าง ถ้าบ้านร้างมาด่าผมได้เลยว่าไม่มีสามัญสำนึก แต่นี่มันเป็นคอนโดระดับ 5 ดาว

เป็นคอนโดที่คุณต่ายพูดเองว่าคุณป้าเป็นเจ้าของ ปกติคุณพ่อคุณต่ายแวะไปเยี่ยมคุณป้าคุณต่ายทุกอาทิตย์ และผมเองก็เคยไปเยี่ยมคุณป้าคุณต่าย และคุณป้าก็เคยเป็นคนที่ช่วยไกล่เกลี่ยหวังว่าจะต้องไม่หย่ากัน หมายก็ติดอยู่ 70 กว่าวัน ผมไม่ได้ติดใจว่าคุณต่ายได้รับหมายหรือไม่ได้รับหมาย แต่การที่จะบอกว่าที่คุณต่ายไม่ได้รับหมายเท่ากับว่าผมจงใจส่งหมายผิดบ้านมันเป็นไปไม่ได้

คุณต่ายย้ายออกจากบ้านผมไปเมื่อเดือน พ.ย.61 ผมไม่รู้ว่าคุณต่ายไปอยู่บ้านไหน ได้ยินมาว่าไปอยู่บ้านเพื่อนบ้าง บ้านคนสนิทเค้าบ้าง บ้านพ่อบ้าง บ้านพี่ชาย บ้านป้าบ้าง เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะเลือกที่อยู่ได้ เพราะศาลเค้าก็ไม่อนุญาต และทนายผมก็เช็กแล้วว่าทะเบียนราษฎร เอกสารสำคัญทางราชการทุกอย่าง เอกสารติดต่ออะไรก็ใช้ที่นี่ มันระบุที่อยู่ของคุณต่ายที่หมายศาลส่งไปหมด ศาลจึงส่งมาที่นี่

ผมเชื่อว่าคุณต่ายไม่ห่วงที่จะไม่ได้รับเอกสาร เพราะว่าคุณป้าอยู่ที่นั่น คุณพ่อไปเยี่ยมคุณป้าบ่อย เป็นคอนโดให้เช่าจริงแต่ป้าก็อยู่ที่นั่นอีกห้อง และผมไม่สามารถไปแอบฟ้องใครได้

ผมเองเคยมีทะเบียนราษฎรกับที่อยู่จริงไม่ตรงกัน เคยโดนหมายเรียกไปเป็นพยานในคดี ส่งไปคอนโดของผมที่เป็นทะเบียนราษฎรที่ผมไม่ได้อยู่ ซึ่งเป็นคอนโดยี่ห้อเดียวกับคุณต่าย ระดับเดียวกัน นิติบุคคลรู้ว่าผมไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ก่อนจะอนุญาตให้ขึ้นไปติดหมาย ก็โทรมาบอกผม ผมรับทราบแล้วก็บอกว่าผมจะไปรับ

แต่เอาล่ะผมอาจจะอนุมานผิดก็ได้ ทั้งหมดคือผมแค่อยากจะบอกว่าผมไม่ได้เป็นคนเจ้าเล่ห์ จงใจ แอบฟ้องได้ ผมไม่รู้ว่าจะไปส่งให้ที่ไหน ก็ต้องส่งไปตามทะเบียนราษฎร ซึ่งผมรู้ว่าที่นี่มันไม่ใช่บ้านร้าง"

มีอีกเรื่องคือบอกว่าเจอกันก่อน 1 วันมีนัดที่ศาลแต่ทิมไม่ได้บอกเค้า?
"ผมจำไม่ได้ ก็เป็นคำพูดของเค้า แต่ผมจำไม่ได้ แต่ตลอดระยะเวลา 15 เดือนคุยกันไม่ได้เลย เราคุยกันโดยที่ไม่ได้เป็นเนื้อคู่กันไม่รักกันแล้ว มันทรมาน ผมก็รับไม่ไหว ลูกก็รับไม่ไหว ต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า เรื่องคดีเราคุยกันผ่านทนาย

หลายคนอาจบอกให้ทนต่อไปเพื่อลูก แต่ถ้าทนอยู่ต่อแล้วบรรยากาศมันมาคุ ลูกต้องมารับรู้ กว่าจะถึงอนุบาลก็สายเสียแล้วต้องมาให้เค้าบอบช้ำอะไรให้มากกว่านี้กันนักหนา"

เรื่องหย่าล่ะ?

"ผมไม่อะไรเรื่องนี้ ผมมองว่าทะเบียนสมรสก็แค่กระดาษใบหนึ่ง บางคนหย่ากันไป แล้วกลับมาเป็นเพื่อนกันมันจะดียิ่งกว่า ผมยังจดทะเบียนหย่าไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ไปที่เขต ถึงแม้ผู้พิพากษาจะเคยพิพากษาว่าให้หย่า แต่ก็มีการรับพิจารณาคดีใหม่ แต่ถึงมีคำพิพากษามาแล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่ไปที่เขตแล้วจดด้วยกันก็ไม่ได้ บางคนไม่มีเหตุให้ต้องขึ้นศาล แต่ของผมมันมีปัญหาถึงทางตันไม่สามารถที่จะเจรจากันได้แม้แต่เรื่องเดียว"

ตอนนี้เรื่องสิทธิ์เลี้ยงดูลงตัวแล้ว เหมือนทุกอย่างจะจบดีแล้ว?

"ครับ หลังจากศาลรับพิจารณาคดีใหม่ จากเหตุผลที่ว่าส่งหมายผิด คำพิพากษาออกมาได้ตามที่เขาขอ และผมเห็นด้วย คือแบ่งกันดูแลลูก ผมวีคเดย์ ต่ายวีคเอนด์ ต่ายจะไปรับลูกที่โรงเรียนตอนวันศุกร์เลิกเรียนแล้วไปอยู่กับเขา และวันจันทร์เช้ามาส่งลูกที่โรงเรียน วันจันทร์เลิกเรียนผมก็ไปรับลูกมาอยู่กับผมถึงวันศุกร์

สรุปเรื่องลูกเราจบแล้ว เหลือเรื่องผมกับเค้า แต่ยังมีกลุ่มคนที่ไม่อยากจะจบเพราะอะไร ทำไมถึงใช้คำว่าจงใจ อยากให้ผมดูเป็นคนเจ้าเล่ห์ เป็นคนร้าย 

ผมไปฟ้องศาลวันนั้น 11 ก.พ. จนถึง 1 พ.ค. ตอนนั้นผมมีสิทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นผู้ปกครองหลักชั่วคราว ถ้าผมจะกีดกันจริงๆ ทำไมผมจะทำไม่ได้ แต่ผมไม่เคยคิดแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะพิพิมจะโตได้ต้องมีแม่เข้ามาเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ 11 ก.พ. จนถึง 29 มี.ค. ผมไม่เคยใช้สิทธิ์นั้นเลย ผมให้คุณต่ายได้เจอ 5 วัน ผม 5 วัน แต่พิพิมทรมานแสนสาหัส ร้องไห้กลางห้างตลอด

ถ้าผมเผด็จการ ใช้อำนาจพร่ำเพรื่อ ถ้าอยากจะกีดกัน ทำไมผมไม่ใช้ตอนนั้น แล้วทำไมต้องมาจัดการวันที่ 29 มี.ค. ที่ต้องจัดการช่วงนี้ ก็เพราะ เม.ย.พิพิมต้องเข้าโรงเรียน ถ้าผมไม่จัดการ วันนึงจะไปเรียนอยู่อีกโรงเรียนหนึ่ง แล้วอีกวันลูกต้องมาเรียนอีกโรงเรียนหนึ่ง ที่ผมต้องทำไม่ใช่ตั้งใจที่จะกีดกันคุณต่ายไม่ให้เข้ามายุ่งในชีวิตผม แต่ผมทำเพื่อลูก

และตอนนี้ทุกอย่างก็ลงตัววินๆ กันทุกฝ่าย แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ไม่อยากจบ ทำให้ผมเป็นดูเป็นคนร้าย ซึ่งผมอยากให้เค้ามาบอกเลยว่าต้องการอะไรจากผม"

ข่าวที่ว่า ทิมไม่เคยให้เงินต่าย และต่ายต้องมาจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในบ้านให้เดือนละแสน จริงหรือไม่?

"เรื่องนี้ผมไม่อยากเปิดประเด็นใหม่ แต่ผมเลี้ยงดูต่ายมา 10 ปี มันเป็นเรื่องบัญชีในครอบครัว แต่ผมขอบอกว่า ถ้าเป็นคู่ชีวิตกันจริงๆ คนที่เป็นผู้ชายอย่างผม มีเท่าไหร่ผมให้เขาดูแลหมด เรื่องเงินผมไม่อยากยุ่งหรอก ผมขอใช้เดือนละ 2 หมื่นพอ ผมเคยให้เค้าเก็บเงินให้ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมดูแลเค้าดีมาตลอด ปีที่แล้วไปเที่ยวกันมา 8 ที่"

ปีที่ผ่านมาไปเที่ยวกันตั้ง 8 ที่ แต่มันเกิดอะไรขึ้นถึงมาถึงจุดนี้ได้ยังไง แตกหักกันขนาดนี้?
"พูดไม่ได้ เวลารักก็รักกัน 2 คน เวลาเลิกรักมันก็เป็นไปได้ ตอนรักกันมันก็ไม่มีเหตุผล ตอนเลิกกันมันก็ไม่มีเหตุผล หมดรักกันก็คือหมดรักกัน จากกันด้วยดีก็ได้ ไม่ต้องประชดประชันกันผ่านสื่อก็ได้"

ตอนนี้ ทิม รอให้ ต่าย มาหย่าอยู่หรือเปล่า?
"อันนี้แล้วแต่เค้า ตอนนี้สถานะที่พูดได้คือแยกกันอยู่ คือดีกว่า ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกัน เบาลง สงบลง เรื่องในอดีตผมลืมไปหมดแล้ว ผมยังไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร แต่รอให้เป็นเรื่องของกระบวนการการไกล่เกลี่ย"

ข่าวที่ว่าเพราะ ต่าย ติดปาร์ตี้เลยทำให้ชีวิตครอบครัวต้องยุติลง?
"ผมไม่เปิดประเด็นใหม่ เรื่องบางเรื่องความจริงมันเป็นอย่างไรผมก็ต้องปล่อยให้มันตายไปกับผม สุภาพบุรุษไม่ควรทำ สาดโคลนไม่ช่วยอะไร เค้าก็ยังเป็นแม่ของลูกผมอยู่ดี"

เรื่องราวความรักมันพังลงง่ายไปรึเปล่า รักกันมาตั้งนาน?
"ก็ยังหวังดีกับเค้าอยู่ หวังว่าเค้าได้เจอคนที่ดีหรือว่าคู่ชีวิตที่เค้าพอใจ ก็ยังหวังดีกันอยู่ อาจจะไม่ใช่รักโรแมนติก ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ หวังให้เค้าได้เจอในสิ่งที่เค้าอยากได้ เพราะผมไม่ใช่ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ก็เป็นลิ้นกับฟันกันมาตลอด

เอาจริงๆ ผมก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ บ้านผมมี 6 ห้อง ฝันมาตลอดว่าจะมีลูก 4 คน ตั้งชื่อหมดแล้ว พิพิม พิพิธ พิพิน ไม่เคยคิดว่ามันจะพังทลาย (นิ่ง) แต่ถึงจะพังทลาย แต่ก็ไม่เป็นไร ชีวิตคนเราเริ่มต้นใหม่ได้ เรายังมีความรู้สึกดีๆ ให้เค้า แต่มันตกลงกันไม่ได้ มันมีเรื่องลูก เรื่องนู่นนี่ขึ้นมา และเค้าก็พูดเองว่าคนที่คิดอยากจะหย่าคือเค้า ผมไม่เคยคิดจะหย่ากับเค้า แต่เมื่อเห็นพ้องต้องกัน ผมจะกอดทะเบียนสมรสไว้ทำไม ก็กระดาษแผ่นหนึ่ง คนที่ไม่ได้จดทะเบียนรักกันยืนยาวก็มี คนที่หย่ากันไม่ได้กอดทะเบียนสมรสแล้วก็มาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็มี 

ที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ผมได้อะไร ตลอด 10 ปีผมไม่เคยมีข่าวเสียหายเลย แต่ตอนนี้ครอบครัวผมโดนด่า ที่ผมออกมาทำแบบนี้สิ่งที่ได้มาอย่างเดียวคือได้ปกป้องลูก แต่ราคาที่ชีวิตผมต้องจ่ายไปแพงมาก"

หนึ่งสิ่งที่ต้องจ่ายในราคาแพงมากคือมีข่าวว่าทิมทำร้ายร่างกายต่าย จริงหรือไม่?
"ไม่มีแน่นอนครับ"

ตลอดเวลาการพูดคุย "ทิม พิธา" ดูจริงจัง หนักแน่น และเคร่งเครียด แต่รอยยิ้มของ ทิม จะปรากฏบนใบหน้าทุกครั้งเมื่อเอ่ยชื่อของสาวน้อยคนนึง ซึ่งสาวน้อยคนนี้เธอชื่อ "พิพิม"

เป็นกำลังใจให้ทั้ง "พ่อทิม" และ "แม่ต่าย" นะคะ.