ปิดฉากรักหวานไปอีกคู่แล้วสำหรับอดีตนางแบบสาวเซ็กซี่ โย ยศวดี หัสดีวิจิตร และ ดร.หนึ่ง แฟนหนุ่มข้าราชการ หลังจากคบหามานานกว่า 7 ปีเต็ม ล่าสุดเมื่อนักข่าวได้เจอเจ้าตัวเลยถามถึงเรื่องดังกล่าวว่ามาจากสาเหตุอะไรที่ทำให้ต้องเลิกรากัน รวมถึงเรื่องชีวิตในปัจจุบันของเจ้าตัวที่มุ่งมั่นในการแข่งขันไตรกีฬาด้วย
ถามถึงชีวิตช่วงนี้เป็นไงบ้าง?
“จริงๆ ตอนนี้วิ่งและไตรกีฬาด้วย เรื่องแข่งไตรกีฬาเดี๋ยวจะเดินทางไปที่แอลเอในเดือนหน้า กลับมาก็ไปแข่งที่สวีเดนและเดนมาร์กต่อสำหรับไอรอนแมนค่ะ กลับมาก็จะพักแป๊บนึงและไปออสเตรเลีย ปีนี้เดินทางเยอะมาก จะจบด้วยมาราธอนของ asic ที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ในเดือน พ.ย. ค่ะ”
ปีนี้แทบไม่ได้อยู่เมืองไทยเลย?
“ปีนี้แทบจะไม่ได้อยู่เลย คือตอนแรกไม่ได้แพลนว่าจะเดินทางเยอะขนาดนี้ คือตอนที่ให้สัมภาษณ์ช่วงต้นปีว่าจะเป็นปีที่เอาซอฟต์ๆ นะ เพราะมันผ่านไอรอนแมนมาหลายสนาม แต่พอเปิดมาโอ้โห ตารางแข่งเยอะ และสปอนเซอร์บอกว่าอยากให้ลง อยากให้ไป ก็หยิบยื่นสิ่งหอมหวานให้เราดู (หัวเราะ) เราก็โอเคๆ ดูแล้วน่าตื่นเต้นดี ก็เลยปีนี้ขอเต็มที่อีกสักปีนึง ช่วงสิ้นปีก็จะได้พัก”
...
เห็นว่าพี่เอ (อัญชลี หัสดีวิจิตร) ไปด้วย?
“พี่เอไปด้วย โชคดีมากที่ตอนนี้พี่เอกลับมาแข่งกับเราได้ เขาก็เดินทางไปกับโยตลอด ซึ่งสนามที่แอลเอก็ชวนให้เขาแข่งในระยะสั้น เขาก็ไปกับโยทุกที่แหละ แต่กับคุณแม่ในระยะหลังๆ ได้มีโอกาสเจอกันเยอะขึ้นเนอะ แต่ช่วง พ.ค. อาจจะไม่ค่อยได้เจอเพราะเดินทางเยอะ”
งานที่ไทยมีบ้างไหม?
“งานที่ไทยก็คงเป็นอีเวนต์เกี่ยวกับกีฬานี่แหละค่ะ งานแฟชั่นโชว์คงไม่ได้รับแล้วค่ะ (หัวเราะ) หลังจากงานล่าสุดที่เดินไปก็ไม่ไหวแล้ว รู้สึกว่ามันลำบากเหลือเกิน นอกจากใจไม่ได้ ขาก็ไม่ไปด้วย เดินเกือบล้มเลย ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน เพราะมันเป็นงานที่เราทำมา 20 กว่าปี เพียงแค่เราไม่ได้ทำมา 3-4 ปีทำไมมันยากจัง กลับไปเดินให้กับนาการ่าวันนั้นเหมือนคนเดินใหม่เลย ใหม่ในเรื่องความรู้สึกด้วยเพราะตื่นเต้นเกินไป มือสั่น พอออกไปเดินตอนเทิร์นก็เกือบล้มจนได้ (หัวเราะ)”
ห่างการเดินแบบไปนานแค่ไหน?
“ห่างไปนาน 4-5 ปีแล้ว จริงๆ ล่าสุดที่รับเพราะคิดถึงและเป็นโชว์พี่ต้อยด้วย เขาก็บอกว่าอย่าปฏิเสธเลย เราก็ไป แต่วันนั้นประมาทไปนิดหนึ่ง เพราะไม่ได้ไปซ้อม เพราะไปแข่งปั่นจักรยานเสร็จก็ไปแต่งหน้าแล้วเดินเลย ไม่ได้เห็นรองเท้าก่อนด้วย ก็รับบทหนักเหลือเกินสำหรับคนที่ไม่ได้เดินหลายปี ตอนนี้ใส่ส้นสูงไม่ได้แล้ว ใส่แล้วไม่รู้สึกมั่นใจเหมือนแต่ก่อน ต่อให้ภายนอกเรายังดูโอเค แต่ใจเราสั่นอยู่ตลอดเวลา ไม่มั่นใจเหมือนใส่รองเท้าวิ่ง พอเราไม่ได้ทำอะไรนานๆ แล้วกลับมาทำก็เหมือนเป็นสิ่งใหม่สำหรับเรา ต่อให้เป็นสิ่งที่เราเคยทำเป็นสิบๆ ปีก็ตาม แต่เราเลิกทำไปแล้ว ใจมันถอดไปแล้ว พอกลับมาทำอีก ก็ไม่ได้ความรู้สึกแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ”
เรียกว่าแขวนรองเท้าส้นสูงแล้ว?
“แขวนส้นสูงมานานแล้วเกือบ 5 ปี ใช้คำนั้นน่าจะได้ หลังจากนี้คงคิดว่าไม่ไหวแล้ว”
เรื่องความรักล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?
“จริงๆ ตอนนี้มีโอกาสได้พูดก็คงต้องพูดแล้ว มันคงรั้งต่อไปไม่ได้ จริงๆ เราเลิกกันมาเดือนนิดๆ แล้วค่ะ เราลดสถานะลง แต่ไม่อยากใช้คำว่าเป็นเพื่อนกัน เพราะเราคบกันมา 7 ปี ความรู้สึกเราคือเราเป็นมากกว่าเพื่อนเยอะ เป็นเหมือนคู่คิด คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ตอนนี้มันถึงจุดที่ว่าคงมาถึงทางตัน และเราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เขาเห็นตารางแข่งของโยทั้งปี มันเป็นปัญหาชีวิตคู่ของเรามากๆ”
...
สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ต้องจบคืออะไร?
“หลังๆ โยมาเล่นกีฬา โยว่าไลฟ์สไตล์เราต่างกัน ตัวคุณหนึ่งเองเขาก็ทำงานฟูลไทม์ตลอด ไม่สามารถเดินทางไปไหนกับเราได้เลย ช่วงที่เขาหยุดเราก็แข่ง เลยจูนกันไม่ได้เลย”
ใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน?
“จริงๆ นัดกันมาคุย หลังจากไม่ได้คุยกันเลยหลายอาทิตย์ โยเลยตัดสินใจว่าลองทานข้าวและคุยกันดีกว่า ว่าเราจะเป็นยังไง ก็เป็นการคุยกันที่ดีมากนะ ไม่เคยคิดว่าเราจะเป็นคนเอ่ยปากว่าเราเป็นคนอยากไป เพราะจริงๆ เราให้โอกาสเขาเสมอ แต่ครั้งนี้เรามีความรู้สึกว่าไม่อยากปิดโอกาสเขา อยากให้เขาเจอคนที่ดูแลเขาได้มากกว่า”
เสียดายเวลา 7 ปีไหม?
“มีแต่คนพูดว่า 7 ปีไม่เสียดายเหรอ แต่เอาจริงๆ เราจะเสียดายมากกว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันไปแล้วมันไม่มีความสุข”
เหมือนเขาก็พยายามปรับมาเล่นกีฬาเหมือนเรา?
“อืม... แต่ไม่อยากทรมานซึ่งกันและกัน เอาแบบนี้ดีกว่า”
7 ปี เหมือนเป็นเลขอาถรรพณ์?
“(หัวเราะ) ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นอาถรรพณ์สำหรับเรา แต่พอเจอกับตัวเองก็รู้สึกว่า พอมาถึงจุดนี้ทำไมมันรู้สึกห่อเหี่ยว มันต้องพูด และอัดอั้นในใจมากจนเราคุยแล้วเราสบายใจที่เราได้พูดออกไปทั้งหมด จริงๆ เราไม่เชื่อเรื่องอาถรรพณ์เลย เพราะเราเชื่อเรื่องความรู้สึกของเราสองคนมากกว่า แต่หลังๆ อย่างที่บอกว่ามันเริ่มแกว่งๆ มาตั้งแต่ปลายปี ไม่ค่อยดี พยายามปรับจูนกันหลายครั้ง และรู้สึกว่าเรากำลังปิดกั้นตัวเองกันอยู่หรือเปล่า ขณะเดียวกันโอกาสจะเจอคนใหม่ๆ ก็น้อยลง เพราะเราอายุมากขึ้น คือไม่ได้บอกนะคะว่าการคบกันมานานแล้วเราต้องรักษาความสัมพันธ์ต่อไป แต่จริงๆ เรามีสิทธิ์จะเลือกอะไรที่มีความสุข ก็ขอให้เลือกเถอะ”
...
จากกันด้วยดีใช่ไหม?
“จากกันด้วยดีค่ะ มันไม่ได้มีสาเหตุที่ต้องมาทะเลาะหรือเกลียดกัน เพียงแค่รู้สึกเสียดายที่วันนี้เราไม่ใช่คู่กันแล้วเท่านั้นเอง”
มีโอกาสกลับมาอีกไหม?
“คิดว่าคงไม่ค่ะ เรารู้กันแล้วว่าเราต้องการอะไร ตัวโยรู้แล้วว่าโยต้องการอะไรค่ะ”.