เพราะหยิบจับทำอะไรก็มีแต่ล้มเหลว แต่งานนี้ตลกชื่อดัง เทพ โพธิ์งาม ก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา ล้มลุกคลุกคลานหาทางทำงานทำอาชีพทำธุรกิจเพื่อเลี้ยงปากท้องของตัวเองและคนในครอบครัวให้อยู่รอด ล่าสุด รายการ คนค้นฅน ก็ตามติดชีวิตของตลกชื่อดังที่ในวันนี้ผันตัวเองมาเป็นพ่อค้าขายขนมเปี๊ยะ 

หลังจากเจ๊งจากร้านหมูกระทะ ก็มาเริ่มต้นขายขนมเปี๊ยะ ไปยืมเงินเค้ามาทำทุนบ้าง ตอนแรกขายกาแฟ ปาท่องโก๋ ขนมเปี๊ยะ แล้วมันไปได้ดี ก็เริ่มขยับขยาย ก็ทำประคับประคองกินๆ กันไป เราแค่พอทำให้พออยู่ได้ อย่าเรียกธุรกิจ เพราะอนาคตจะต้องทำอย่างอื่นอีก

ตอนนี้สิ่งที่เหลือของ เทพ โพธิ์งาม ไม่มีเหลืออะไร ก็มีแค่นี้แหละ ไม่เคยคิดเสียดายอะไรทั้งนั้น เรื่องอดีตมันผ่านไปแล้ว อาชีพนักแสดงมันดีแค่ตอนที่เราแข็งแรง พอมีอายุมันก็อ่อนลงทุกอย่าง เราก็รู้ตัว เราพอแล้วนะ บ้านที่ทำขนมก็เช่าเค้าอยู่ มีคนงาน 7-8 คน ถ้าไม่จ้างก็ทำไม่ไหว เพราะบ่าย 2 ก็ต้องออกไปขายแล้ว

การวางแผนมันคือการคาดคะเน เป็นสิ่งไม่แน่นอน ไม่ยั่งยืน ไม่คิดดีกว่า มันเสียมันสมอง เรื่องราวที่ผ่านมาแล้วไม่คิดเอามาใส่สมอง ที่ผ่านมาไม่ได้ผิดพลาด มนุษย์เหมือนกันหมด มันเป็นจังหวะชีวิตที่ไม่เหมือนกัน พลาดอย่างไร ชีวิตก็ต้องเดินไปต่อ วันนี้มีอะไรทำ ทำอะไรได้ก็ทำไป ถ้าไปท้อก็อด

...

เคยทำธุรกิจร้านอาหารก็เจ๊ง หมดเป็นล้าน ไม่เสียดาย เอาคืนไม่ได้ ทำธุรกิจเยอะแยะมั่วไปหมด ค้าเหล็ก ขายข้าวสาร ร้านทำผม ก็เจ๊ง ทำบ้านหนักหน่อย ยังไม่ทันได้ขาย ฟองสบู่แตก หมดไปหลายล้าน เงินจากเล่นหนังเล่นละครเอาไปทุ่มหมด ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น

พอเริ่มทำธุรกิจก็เป็นหนี้ ชอบทำธุรกิจมาตั้งแต่เด็กแล้ว เวลาเจ๊งก็ไม่เคยมานั่งคิดว่าทำไม แค่ทำๆ ไป ถ้ามันจะซ้ำรอย มันจะเตือนเราเอง เรามีโอกาสที่จะพลิกตัวได้ ถ้าเราไม่หยุด ถ้าเราไม่หยุดมันไม่จบ มันอยู่ที่เราว่ามีพยายามอีกมั้ย ถ้าเราไม่จบ มันก็จะมีอะไรเกิดขึ้นอีก

ใครจะมองว่าตกอับก็เรื่องของเค้า ไม่ต้องไปฟัง ถ้าไปฟังจะทำอะไรไม่ได้ ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเรา ผมไม่คิดเรื่องอะไร มีแต่คิดว่าพรุ่งนี้จะขายอะไร ขายที่ไหน ตั้งใจทำงานดีกว่า ส่วนเรื่องฆ่าตัวตายปัญญาอ่อน ถ้าจะฆ่า ฆ่าไปนานแล้ว มันเป็นกรรม เป็นวาสนา จะไปเทียบใครไม่ได้ วาสนาได้แค่นี้ ต้องยอมรับ

มีที่ดิน 20 ไร่ที่ราชบุรี ใช้เงินที่หามาได้ก้อนแรกๆ ซื้อเก็บไว้ และเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เอาไปจำนองเพื่อเอาเงินมาทำธุรกิจและดูแลครอบครัว กะเก็บเอาไว้อยู่ตอนแก่ตัว

มีคนตั้งฉายา เทพแห่งความล้มเหลว ไม่รู้สึกโกรธ โกรธได้ไง มันเป็นจริง ที่ว่าเจ๊ง จะไปโมโหได้ไง อะไรสำเร็จมันก็พังได้ ความสำเร็จคือการที่เราคิดแล้วทำ นี่คือสำเร็จแล้ว ที่ทำมาเป็นกำไรแล้ว ตายพรุ่งนี้ก็ถือว่ากำไรแล้ว

ลูกจ้างที่ทำงานกับป๋าเทพเผยว่า ป๋าเทพดูแลลูกน้องดีทุกคน ให้ค่าแรงสูง และไม่เคยให้ลูกน้องอดแม้ตัวเองจะไม่มี ข้าวปลามีให้กิน ถ้าจะทิ้งป๋าเทพไปก็รู้สึกผูกพัน อยากสู้ไปกับแก ถ้าเค้าดีเราก็ดีด้วย ถ้าเค้าแย่เราก็แย่ ทิ้งแกไปไม่ได้

ทางด้านภรรยาของป๋าเทพก็บอกว่า ต้องโทรหาที่ขายของทุกวัน เป็นคนดูแลเก็บเงินให้ทั้งหมด ส่วนป๋าดูแลการผลิต ต้องขายให้ได้เยอะถึงจอยู่ได้ ก็ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง ต้องเสี่ยงดวง

ส่วนลูกชาย เผยว่ามาช่วยพ่อขายของมา 2-3 ปีแล้ว เรียกลูกค้า ร้องเพลง ตอนที่ธุรกิจเจ๊ง ครอบครัวไม่ต่อว่าพ่อ เพราะเชื่อว่าคนที่จะประสบความสำเร็จมันต้องมีล้มบ้าง ทำจนกว่าจะเจอ เป็นเรื่องธรรมดา เห็นจนชิน ไม่ต่อว่า ภูมิใจในตัวพ่อ คนอะไรสู้ได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นที่หมดไป 20-30 ล้าน เค้ายังสู้ ถ้ายังไม่ตายก็ยังไม่หมดหวัง

...