เก็บกดมานานกว่า 10 ปี จึงทำให้ ลุลา กันยารัตน์ ได้ตัดสินใจออกมาโพสต์เพื่อให้หลายคนรู้ว่า ตนเองไม่โอเค เพราะทุกครั้งที่ออกเพลงใหม่ มักจะถูกคอมเม้นต์ว่า ดัดเสียง อีกทั้งยังบอกว่า คนอื่นร้องเพลงตนเองดีกว่า ทั้งๆ ที่ ลุลา เป็นเจ้าของเพลง เลยทำให้เจ้าตัวสะเทือนใจมาก และเก็บกดมานาน จนวันนี้เลยได้ตัดสินใจโพสต์เรื่องนี้
เมื่อได้เจอ ลุลา มาร่วมงานประกาศรางวัล JOOX Thailand Music Award 2019 ที่ เคแบงค์ สยามพิฆเนศ ชั่น 7 สยามสแควร์ วัน เจ้าตัวก็ให้สัมภาษณ์ว่า

ที่เราออกมาโพสต์?
"ไม่มีอะไรค่ะ คือตั้งแต่เพลง ตุ๊กตาหน้ารถ จนถึงทุกวันนี้ มีคนเข้ามาคอมเม้นต์เรื่องเสียง เราเลยรู้สึกว่ายังไม่ชินอีกเหรอ ก็เลยรู้สึกว่า 10 ปีแล้วไม่เป็นไร เราขอสักโพสต์หนึ่งแล้วกัน"
...
ทำไมถึงตัดสินใจโพสต์ ทั้งๆ ที่มันก็ตั้งนานแล้ว?
"เราน่าจะเครียด เครียดจนแบบไม่สามารถเก็บเอาไว้อ่ะ ก็เลยบอกให้เค้าเข้าใจดีกว่า เพราะว่าเราร้องเดือนหนึ่ง 20-30 คอนเสิร์ตอ่ะ มันบั่นทอน เพราะว่ามันใช้ชีวิตเหนื่อยอยู่แล้ว"
รู้สึกยังไง คนมองว่า 10 ปีแล้ว ยังดัดเสียงไม่เลิก?
"ก็ตอนแรกเรารู้สึกว่าไม่เป็นไรหรอก เค้าไม่รู้ ก็คงไม่เป็นไร แต่ว่าถ้า 10 ปีแล้ว มันน่าจะเริ่มชินได้แล้ว เผอิญว่ามันกดดันอ่ะ แล้วเราเป็นคนที่อยู่ในภาวะความกดดันได้ไม่ค่อยดี เราก็เลยอยากจะบอกเค้า"
อะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่ไหวแล้ว?
"เวลาเราออกเพลงใหม่ๆ มันมักจะมีคอมเม้นต์ที่พูดว่า เพลงนี้ถ้าเกิดให้คนนั้นคนนี้ร้องน่าจะเพราะ เราก็เลยแบบก็เพลงของเราไง เลยเครียดนิดนึง"
เลยรู้สึกสะเทือนใจ?
"มันก็คงไม่ทำให้เราหยุด แต่ทำให้เราไม่มีกำลังใจแค่นั้นเอง ก็เลยบอกให้เค้ารู้ คือเราไม่ค่อยพูด พอเราพูดปุ๊บเค้าก็จะน่าเข้าใจมากขึ้น"
ท้อมั้ย?
"จริงๆ มันท้อมานาน (ยิ้ม) ตั้งแต่ที่เราคุยกันแล้ว หนึ่งคือเราทำเพลงใหม่มันก็ทำยาก สองคือเราเป็นศิลปินหญิงด้วย มันก็ยาก สามเวลาเราไปเล่นคอนเสิร์ตมันก็มีโจทย์ให้เราดูทุกวัน หมายถึงคนดูสมัยนี้มันยากขึ้นทุกวัน เราก็เลยเครียด"

ก่อนหน้านี้เรารับมือยังไง ก่อนที่จะมาถึงทุกวันนี้?
"คิดว่ามันโตแล้ว ก็ควรจะเข้าใจได้ว่ามันเป็นแค่เรื่องหนึ่งที่ผ่านมาเดี๋ยวมันก็ผ่านไป เวลาจะเป็นตัวบอกเลยว่าเราอยู่ที่นี่ได้นานเพราะอะไร แต่ว่าถ้ามันถึงจุดหนึ่ง แล้วเรารู้สึกแบบ 10 ปีแล้ว ไม่เป็นไรหรอก โพสต์ไปเถอะ เราก็อยู่ตรงนี้มานานพอที่จะ เหมือนมันไม่ควรที่จะต้องอดทน มันอยากระบายบางเรื่องสักที"
อยากบอกอะไรคนที่ไม่เข้าใจไหม?
"ก็เราคิดว่าถ้าเค้าไม่ได้ติดตาม ไม่ได้รู้ลึก เค้าคงยังไม่เข้าใจ แต่ว่าเราว่าน่าจะเป็นเรื่องของโซเชียลบูลลี่มากกว่า ที่เรารู้สึกว่าถ้าเราโดนหนักๆ น้องหลายๆ คนเราคงแย่กว่านี้ เราโดนแค่นี้เรายังเครียดหนัก ถ้าเราไม่ไหว เราก็บอกไม่ไหว แค่นั้นเอง แต่ว่าจากนี้ไป ก็คงต้องทำใจให้มากขึ้น เราก็ยังทำเพลงต่อไปเรื่อยๆ"
หลังจากที่เราโพสต์ฟีดแบ๊กกลับมายังไงบ้าง?
"ก็เหมือนเค้าก็ไม่อยากให้เราสนใจ ซึ่งจริงๆ เราก็ไม่เคยสนใจ เพียงแต่ว่าอายุงานเรามากพอที่อยากจะบอกอะไร ก็บอกให้ชัดเจนมากขึ้น"
มีท้ายประโยคที่บอกว่าเราไบโพลาร์?
"อ๋อ อันนั้นเราพูดคุยกับชมรมเรียบร้อยแล้วว่า ถ้าเกิดเรารู้สึกไม่สบายใจ ให้หาทางออกให้หาคนช่วยก็จบค่ะ"
เรามีการบำบัดเรื่องนี้เหรอ?
"ไม่ค่ะ แค่พูดคุยเพราะว่าเราบอกเค้าว่าไม่สบายใจ ซึ่งเค้าก็เข้าใจ เราก็เลยเหมือนให้กำลังใจกัน ถ้าเราเครียดก็โอเคเหมือนระบายออก ถ้าเค้ารู้สึกไม่สบาย เป็นโรคที่ไม่โอเคก็ให้หาคนช่วย เอาเป็นว่าเหมือนมีคนเป็นห่วงเราแค่นั้นเอง"

...
เป็นชมรมที่เราเข้าไปเหรอ?
"ไม่ๆ ค่ะ ใครก็ไม่รู้ เหมือนเค้าห่วงว่าเราจะไม่สบาย เค้าก็เลยเข้ามาถามว่าโอเคมั้ย เราก็บอกว่า เราโอเค เพียงแต่ว่าไปเขียนแล้วโดนใครเราก็ขอโทษ เพราะว่าตอนนั้นเราไม่โอเค เราก็ถึงโพสต์ไป คนที่เค้าไม่สบาย เค้าอาจจะรู้สึกไม่ดี เราก็เลยได้มีการพูดคุยไปแล้วว่า ขอโทษ แต่ว่าเราไม่โอเคจริงๆ พอเราได้ระบายออกไปแล้วเราหายแล้ว"
ยืนยันว่า เราไม่ได้ออกจากวงการเพราะเรื่องแค่นี้?
"เราคิดหลายครั้ง แต่ว่ามันยังมีไอเดียมีงานที่มันต้องอยู่ตรงนี้ต่อไปอีกเยอะค่ะ มันก็เลยเป็นอีกโมเมนต์หนึ่งที่เราไม่สบายใจค่ะ".