หลังจากที่พยายามที่จะช่วยเหลือเพื่อน ต่าย มนัสนันท์ ที่ชีวิตพลิกผันจากดารามาเป็นคนเร่ร่อน ในที่สุด แตงโม นิดา ก็ได้เจอกับอดีตเพื่อนร่วมแคสงานแล้ว โดยสาวแตงโมได้เปิดใจเล่าถึงตอนที่ได้เจอกันกับต่ายให้ได้ฟังว่า
ไปเจอต่ายมาแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง?
เราไม่ได้อยู่กันส่วนตัว มีโม ทีมแพทย์ เท่าที่เจอเค้าก็รู้สึกใจชื้นนะ ได้เจอคนที่รู้จัก เหมือนอย่างที่หลายคนได้เห็น เค้ายังมีความหวาดกลัวอยู่บ้างกับคนภายนอก พอเค้าเจอคนที่คิดว่าเป็นความทรงจำที่ดี ก็จะรู้สึกใจชื้นมานิดนึง ว่าได้เจอเพื่อน สบายใจขึ้น
ไม่หวาดระแวง?
ใช่ค่ะ ในส่วนของการรักษา โมอธิบายอะไรมากไม่ได้ ต้องอยู่ในความดูแลของหมอ รายละเอียดต่างๆ ก็แล้วแต่หมอจะประเมิน เพราะโมไม่ได้รับรู้ข้อมูลในช่วงที่เค้าหายไป
ในส่วนของค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะหลายๆ หน่วยงานพร้อมที่จะช่วยในการรักษา แต่โมไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกว่าพอเป็นต่ายแล้วจะได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าคนอื่น มันไม่ใช่
อาจจะเป็นช่วงที่อยู่ในกระแสสังคม เลยได้รับการดูแลเป็นพิเศษกว่า ไม่อยากให้รู้สึกแบบนั้น และมีคนถามโมค่อนข้างเยอะ ในเรื่องของการเปิดบัญชีช่วย ก็ต้องอธิบายนิดหนึ่งในเรื่องของการเปิดบัญชีช่วยไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
...
ในเรื่องของการเงิน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไม่ต้องระดมทุน เพราะมันจะมีปัญหาต่างๆ ตามมาอีกเยอะว่าใครจะเป็นคนดูแลเงิน การเบิกจ่ายจะเป็นอย่างไร อีกหน่อยจะเป็นปัญหาตรงนี้รึเปล่า ได้คุยกับหมอแล้ว ในส่วนนี้ตัดทิ้ง เพราะเค้าไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องใช้เงินเยอะอะไรเลย
ตอนนี้จำเป็นแค่ต้องรักษาสภาพจิตใจของตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ญาติๆ เพื่อนๆ อาจจะต้องให้ความร่วมมือกับคุณหมอ จะใช้เวลามากแค่ไหนต้องขึ้นอยู่กับการตอบสนองกับยาด้วย มันมีหลายๆ อย่าง เพราะเค้าเคยประสบอุบัติเหตุด้วย ผ่าสมองด้วยนะ
ตอนที่ไปเจอไปทักเค้าว่าอย่างไร เค้าทักว่าอย่างไร?
ตอนที่เห็นกัน เค้าคงอยากจะกอดแต่คงไม่กล้า เค้าบอกว่าเกรงใจ ก็เลยจับมือแล้วถามว่าเป็นไงบ้าง แต่โมจำไม่ได้ว่าเค้าพูดอะไร แต่ต่ายน้ำตาคลอ ก็เลยบอกไหนมากอดกันหน่อย โมก็แอบงงนะว่าจำได้ไง เราฉีดหน้ามาซะขนาดนี้ (หัวเราะ)
ย้อนกลับไปตอนที่สนิทกัน เค้าเป็นคนนิสัยอย่างไร?
เอาจริงๆ เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นนั่งคุยเรื่องส่วนตัว แต่ตอนนั้นเราอยู่ในสถานะที่ใกล้กัน เราเป็นเด็กแคสงานคนนึง อยู่กันคนละโมเดลลิ่ง แต่ลักษณะเราเหมือนกัน หน้าเก่าเหมือนกัน
เวลาแคสงานก็จะได้ไปแคสงานเดียวกัน เลยเจอกันบ่อย ไปเดินห้างกัน สนิทกันได้แค่แป๊บเดียว เค้าก็หายไป เราเห็นนะว่าเค้าไปเล่นหนัง ก็คิดว่ามีทางของเค้า เมื่อก่อนเรียกว่าแฝดกัน มี 3 คน โม เจเจ และต่าย
ตกใจมั้ยตอนที่เห็นภาพ?
ตกใจ และเป็นสิ่งที่โมคิดว่าไม่ค่อยโอ และไม่อยากให้ไปทำกับใครอีก คือถ้าเราเจอคนลักษณะแบบนี้ อยากให้คำนึงว่าถ้าวันนึงเค้าหาย แต่เค้าต้องย้อนกลับมาดูภาพล่าสุดที่ถูกตีแผ่ไปทั่ว ตรงนี้จะเป็นปมที่ทำให้เค้าไม่หาย
จริงๆ อยากให้เป็นเรื่องส่วนตัว ความส่วนตัวของคนไข้ ไม่อยากให้ไปรุกล้ำมากมาย ตกใจแต่เข้าใจที่มาที่ไป มันมองไม่ยากว่ามันเกิดจากอะไร เท่าที่โมเคยฟังๆ มา คนที่หวาดกลัว เค้ามีความรู้สึกลึกๆ ว่าสังคมทำร้ายเค้า เพราะฉะนั้นสังคมต้องไม่ทำเพิ่ม
ต้องไม่ทำอะไรที่ทำให้เค้ารู้สึกว่าทำร้ายเพิ่มเติม ซึ่งมันห้ามไม่ได้แล้ว รูปมันเผยแพร่ออกไปแล้ว แต่หลังจากนี้ถ้าขอได้ อยากจะขอให้ใช่รูปที่เค้าสวยๆ เวลาเค้าย้อนมาดูเค้าจะได้ไม่รู้สึกแปลกแยก หรือรู้สึกว่าเป็นคนน่ารังเกียจของสังคม
เพราะเรื่องนี้มันสำคัญว่าจะทำให้เค้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่า อยากให้คำนึงถึงตรงนี้ ใครก็ตาม บางที่คนคอยซ้ำเติมเค้า อย่าไปทุบตีเค้า อยากให้เข้าใจต้นเหตุว่าคนเราถ้ามันไม่มีเหตุผล มันไม่เคยมีความรู้สึกผิดหวังรุนแรง มันไม่พลิกมาเป็นขนาดนี้หรอกค่ะ
อย่าไปถือสาเค้าดีกว่า อยากให้ทุกคนช่วยกันเท่าที่จะช่วยได้ อย่าไปใช้อารมณ์กับเค้า เราเข้าใจบางทีเค้าไปขอเงิน อย่าใช้กำลังกับเค้าเลย ฝากตรงนี้ไว้ด้วย โมห่วงความปลอดภัยของต่าย เพราะมันควบคุมยาก เราไม่ได้อยู่กับเค้าตลอด เราไม่รู้ว่าเค้าจะไปไหน ไม่รู้พื้นฐานความคิด ก็ต้องฝากคนที่เจอ
...
คุยกับญาติเค้าว่าไงบ้าง?
ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่ายังไงก็ต้องรักษาต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ระยะเวลาตอบยาก มันแล้วแต่สภาพจิตใจของคนเรา เราต้องมีความหวังว่าเพื่อนจะหาย การมีความหวังมันเป็นพลังบวกที่จะส่งไปถึงเค้า หลายๆ อย่างจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ มันอยู่ที่ความหวังเราด้วย
ในส่วนของเรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วง ทางญาติเค้า ทางคุณหมอ มีค่าใช้จ่ายพอ ผู้ใหญ่อีกหลายๆ คนช่วยมา มันเพียงพอในการรักษา นอกเสียจากว่าในอนาคตอยากจะทำอะไรพิเศษเพื่อเค้า
ได้ถามเรื่องลูกทั้ง 2 คนมั้ย?
ตอนนี้ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัวเค้าดีกว่า เพราะอย่างที่พูดถ้าวันนึงเค้าย้อนมาดูแล้วมันเป็นเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับตัวเค้า มันกระทบถึงสภาพจิตใจเค้า
แม่ต้องไปรักษาอีกโรงพยาบาลนึงมั้ย?
อันนี้ไม่ทราบค่ะ
คุณหมอบอกมั้ยว่าจะต้องอยู่นานแค่ไหน?
แล้วแต่เค้าเลยค่ะ ถ้าฟื้นฟู และตอบสนองได้ดี ก็หายเร็ว แต่ถ้าเป็นอย่างช้าๆ ต้องเข้าใจคนที่เคยผ่าสมอง อาจจะยากหน่อย ต้องเผื่อใจถ้ามันจะนาน แต่ก็ต้องสู้กันต่อไป
...
ได้ข้อคิดเตือนใจอะไรจากเหตุการณ์นี้?
โมคงพอรู้พอทราบจากการมองคนในสังคมที่เป็นแบบนี้ แต่สังคมควรได้รับอะไรจากตรงนี้ด้วย ถ้าเรารู้ว่าลูกหลานเราเป็นอย่างไรก็แก้ไขตั้งแต่ตอนนั้นไม่จำเป็นจะต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้ บางคนคิดว่าเค้าเป็นคนไม่มีค่าไปแล้ว มันโหดร้ายไปหน่อย มันอาจะเป็นเรื่องยากนะถ้าคนเราจะคุมกำเนิด
โมกำลังจะพูดว่าถ้าคนในสังคมไม่รู้ว่าถ้ามีลูกแล้วจะเลี้ยงให้เค้ากลืนไปกับสังคมไม่ได้ แล้ววันนึงเค้าจะยอมแพ้ให้กับชีวิตตัวเองแล้วเป็นแบบนั้น แบบนี้ก็ควรคิดก่อนที่จะมี เพราะมันมีผลต่อสภาพจิตใจของเด็กผู้หญิงคนนึงมากเลย
โมไม่อยากให้เพื่อนกลับเข้ามาในวงการบันเทิง?
เข้าได้นะคะ แต่ถ้าอินมากไม่ได้ ต้องยอมรับว่าถ้าก้าวเข้ามาในที่สว่างมันมี 2 ด้านเสมอ ถ้าเค้าเป็นคนธรรมดา ก็จะไม่ต้องเจอกระแสด้านลบเลย แต่ถ้าใจอยากจะเล่นหนัง จะพยายามช่วย ให้เค้ารู้สึกว่าเป้าหมายเค้าสำเร็จเค้าจะมีความสุข แต่ก็ไม่อยากให้เค้าอินเพราะเดี๋ยวจะเสียใจอีก