เคยเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตลงสื่อมาแล้ว สำหรับคนเคยรักกันอย่าง แก้มบุ๋ม ปรียานุช และ ขุน ชานนท์ ที่ฝ่ายหญิงออกมาโพสต์ข้อความลงในโซเชียลจนกลายเป็นประเด็นลุกลามใหญ่โต และล่าสุด แก้มบุ๋ม ยอมมานั่งพูดคุยเปิดใจในรายการ คลับฟรายเดย์โชว์ (ชมคลิป) ถึงสาเหตุของการเลิกรากับฝ่ายชาย พร้อมกับร้องไห้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแบบหมดเปลือก
มีปัญหาอะไรกัน?
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ อย่างที่บอกรักกันมาก ประมาณ 4 เดือนที่คุยกัน เขาเอาแหวนมาลอง เขาจะมีแหวนประจำตัวที่ใส่ที่นิ้วชี้ เป็นของคุณแม่คุณพ่อเขา เขาก็ลองมาสวมให้เรา เราก็แบบเฮ้ย ยึกยัก เขาก็บอกลองสวมเล่นๆ เฉยๆ หนูก็แบบไม่ มันเป็นของมีค่า เธอเอาไปเถอะแหวนเพชรอะไรอย่างนี้ไม่เอา และตั้งแต่วันนั้นเรามีความรู้สึกใหม่เกิดขึ้น
คือเริ่มกลัว เริ่มคิด เพราะหลังจากนั้นเขาเริ่มวางแผน อยากจะอยู่กับผู้หญิงคนนี้ จากที่ไม่เคยเก็บเงิน ก็อยากเก็บ อยากจะทำให้ผู้หญิงคนนี้มีความสุข เหมือนเราตั้งเป้าว่า ถ้าเธอจะอยู่กับเรา เธอต้องหยุดสิ่งไม่ดีพวกนั้น แล้วมันทำให้เราคาดหวังในตัวเขามากเกินไป
จากที่เคยมีความสุขเริ่มเปลี่ยน เรางอนมากขึ้น เขาก็ยังเหมือนเดิม คนที่ไม่เหมือนเดิมเลยคือเรา เราเปลี่ยนไป สักพักเขาเริ่มซื้อบ้าน บ้านข้างๆ บ้านเขา แล้ววางแผนห้องเธอเป็นแบบนี้นะ มีห้องเสื้อผ้านู่นนี่นั่น ทั้งบ้านเขารักเรา ทุกอย่างมันโอเคมาก เราที่กลัวไปก่อน ทำใจไม่ได้เราอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอก
คุยกันนานแค่ไหนถึงพูดถึงเรื่องซื้อบ้าน?
ถัดจากนั้นประมาณ 6 เดือน พ่อเขาวางแผนกันทุกอย่าง แต่ไม่ได้ถามเราว่าจะอยู่ได้มั้ย เราสัตว์เลี้ยงเยอะมาก บ้านเขาเป็นทาวน์โฮมแบบสูงๆ หลายๆ ชั้น มันเลี้ยงสัตว์เยอะไม่ได้
...
แล้วเราอยู่บ้านเดี่ยวมาทั้งชีวิต ไปอยู่ทาวน์โฮมรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ เขาวางแผนทุกอย่าง เขาเป็นคนที่ช่างคิด วางแผน แต่บางทีมันไม่ได้ตอบโจทย์ใจเราจริงๆ ที่เราต้องการ
คือความอยากให้ของเขา ยังไม่ได้ถามเราเลยว่าอยากได้ขนาดไหน?
ใช่ค่ะ
มันมีความสัมพันธ์หลายๆ ครั้งที่ผู้หญิงรู้สึกว่า คบกันต้องจริงจัง อย่ามาคบลอยๆ แต่นี่จริงจังมาก?
อันนี้จริงจังเร็วมาก
รู้สึกว่ามันเร็วไป?
เรากลัว มันมีจุดหนึ่งที่ทำให้ทุกอย่างมันพังเลย มันมีช่วงที่เขามีปัญหานิดหนึ่ง แล้วเราต้องเอาเงินเราซื้อของที่เราไม่ต้องการให้เขา เราไม่ต้องการให้เขามี ไม่ต้องการให้เขาใช้ หรือดื่มหรืออะไรอย่างนี้
พอเราซื้อ มันแค่เล็กๆ น้อยๆ แต่มันทำให้เรารู้สึกว่า ณ วันนี้ที่เขายังเสน่หาในตัวเรา เราขอเขา เขายังให้เราไม่ได้เลย แล้วเราต้องเอาเงินที่เราทำงานไปซื้อของพวกนี้จริงๆ เหรอ
มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนเราเอาแต่ใจ ก็เลยขอเขา พอหลังจากนั้นสักพัก เรายิ่งมีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเยอะ เราก็ถามเลยตอนที่จะจบ หยิบมาเลย วางตรงหน้าพี่น้องเขาก็อยู่ แม่เขาก็อยู่
ต่อหน้าทุกคนเลย?
ค่ะ ยกเว้นคุณพ่อเขา บอกว่าเธอเลือกเอา ระหว่างสิ่งนี้กับผู้หญิงที่บอกว่าคิดจะอยู่ด้วยทั้งชีวิต เลือกอะไร คือก่อนหน้านี้เขาบอกว่า เขาไม่เคยคิดจะเลิก เราถึงมีวันนี้ที่หนูเอามาตั้ง
เขาไม่เคยคิดจะเลิกกับ...?
เขาบอกว่ามันไม่ได้ผิดอะไร แค่ไปดื่มเฮฮา แต่พอเราถามว่าจะเลือกอะไร เขาบอกว่าเขาลดให้เราได้แค่ครึ่งเดียว แต่ ณ วันนั้น เขาตามใจ เขาสปอยล์ เขาดูแล เรารู้สึกว่าต้องการทั้งหมด คือรู้อยู่แล้ว เขาบอกใจไม่เคยคิดจะเลิก ณ วันนั้นเราคิดว่าเราไปต่อไม่ได้ เราก็เลยถอยออกมาเลย
มีการลดลงครึ่งหนึ่งก่อนมันก็ไม่ได้แย่?
แต่ ณ วันนั้นเราคิดว่ามันแย่
คิดว่าเป็นเรื่องของการเอาชนะ หรือตัดสินใจเร็วเกินไป?
มันผิดเองที่เราคิดเยอะเกินไป เพราะวันหนึ่งที่เขาโตขึ้น เขาอาจจะลดของเขาเอง
บางอย่างอาจจะต้องให้เวลาหน่อย?
ใช่ แต่เรารู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องรอ ณ ตอนนั้นคิดแบบนั้น แต่เราเป็นคนเด็ดขาด เป็นคนค่อนข้างที่จะตรง ชัดเจน ตัดก็คือตัด จะอยู่ก็คืออยู่
...
มั่นใจหรือเปล่าว่าเขาต้องเลือกเรา เพราะเขารักเรามาก ตามใจ ข้อต่อรองนี้ฉันต้องได้แน่ๆ?
ไม่ได้คิดขนาดนั้น แต่รู้ว่าเขารักเรามาก เพราะกว่าที่จะถึงวันที่ยกเอามาวางเนี่ย คือ เขาหลบหน้าเราตลอดเลย เขาไม่คุยเลยเพราะเขารู้ว่าเราจะบอกเลิกเขา เราจะให้เขาเลือก
แปลว่าทะเลาะกันมาเยอะใช่มั้ย ก่อนที่จะถึงเหตุการณ์ยกเอามาวาง?
ก็ค่อยข้างทะเลาะบ่อย
แทบจะเป็นเรื่องเดียวเลยมั้ยที่ทำให้มีปัญหาถึงวันนี้?
ใช่ค่ะ จุดเดียวเลยคือที่เอาเงินเราแล้วไปซื้อสิ่งนั้น เราดึงตัวเองออกมา ถอยออกมาแล้วถามตัวเองว่า เราจะอยู่แบบนี้จริงๆ เหรอ
แล้ววันนั้นคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ เช่นครอบครัวเขาที่อยู่ล่ะ?
จริงๆ ครอบครัวเขาซัพพอร์ตเรา เพราะเขาก็อยากให้คนของเขาดีขึ้น เพราะถามว่าตอนที่คบกันกับเราเขาดีขึ้นมั้ย เขาดีขึ้นเยอะ บางคนอาจจะไม่เห็นหรอก แต่ว่าคนในครอบครัวเขาเห็น เราเห็น
หลังจากที่เราตัดสินใจแบบนั้น เขาขอโอกาสมั้ย หรือมีการยื้อมั้ย?
เขายื้อสุด เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะยื้อผู้หญิงคนหนึ่งได้
...
แสดงว่าวันนั้นก็ทะเลาะกันจบเรื่องตรงนั้น แยกย้าย เลิก ณ วันนั้น?
ใช่ ทั้งๆ ที่เขาก็.. ลองถอยไปก่อนดูก็ได้ แต่เราไม่ จบ คือเขาก็เป็นตัวของตัวเองเหมือนกัน เขาก็เริ่มตั้งขึ้นมาว่าก็เขาให้ได้เท่านี้ เขาจะให้ได้เท่านี้ เราก็บอกว่าเราจะเอามากกว่านี้ อะไรอย่างนี้ค่ะ แต่เราก็เหมือนโดนซัพพอร์ตมาจากทางบ้านเขาด้วยเราก็เลยไม่ได้
เงื่อนไขเรานี้ก็ทำเพื่อเขานะ เอาจริงๆ?
ไม่ได้ทำเพื่อเราเลย
กลายเป็นว่าคนที่บอกเลิกก่อนกลับเจ็บกว่า?
เหมือนหักอกตัวเองค่ะ ทั้งๆ ที่ยังรักมาก
เสียใจสุดๆ ไหม?
เสียใจมาก
ถึงตอนนี้รู้สึกไหมว่าไม่น่าเลย?
ถ้าวันนั้นจริงๆ ก็คงไม่ทำแบบนี้
หมายถึงว่าเราจะยอมลดเงื่อนไขลง?
เราคงยอมแค่ครึ่งเดียวก็ได้
จนถึงตอนนี้เรายังอยากที่จะกลับไปอยู่ในความสัมพันธ์นั้นอีกไหม?
ใจจริงก็อยาก แต่ว่ามันก็เกิดเหตุการณ์อื่นมากมาย จนมันค่อนข้างที่จะยากในการที่จะกลับไป มันก็ค่อนข้างยาก แต่ถามว่ารักไหมก็รักมาก
หลังจากนั้นมันมีเหตุการณ์หลายๆ อย่างถึงขั้นไปโพสต์ลงอินสตาแกรม แม้มันจะเป็นคำสั้นๆ แต่มันจะถูกโยงกลับไปหาความรักที่ผ่านมา ซึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ หลายๆ คนรับรู้จากตรงนี้ เขาทำอะไรถึงเป็นคำนี้?
จริงๆ มันเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือว่าคิดน้อยมากเกินไป อารมณ์มันมาก่อน คือตอนนั้นเราเลิกกันไปแล้ว เขาก็ยังโทรมาถามเราเป็นยังไงบ้าง ก็คือยังไม่ได้หายจากกัน ยังหวังอยู่ว่าถ้าปรับได้เราก็ยังคงกลับมาคบกันนะ
แล้วมันเหมือนเหตุการณ์ที่เราไปถามเขา แล้วเขาตอบมา แล้วเรามารู้ที่หลังว่าสิ่งที่เขาตอบมามันเป็นเรื่องไม่จริง มันเป็นเรื่องโกหก เราก็เลยโกรธ แล้วเราก็เลยโพสต์ลงไป มันก็เลยส่งผลเยอะมาก แล้วก็รวดเร็วมาก ทุกคนก็ตีความไปต่างๆ นานามากมาย ซึ่งความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้ผิดอะไร เขาไม่เคยนอกใจเราสักนิด
...
หลังจากเหตุการณ์นี้มีโอกาสได้คุย ได้ปรับความเข้าใจกันไหม?
ได้คุยตอนคริสต์มาส ก่อนไปเกาหลี
มีคนตีความว่าเขาไปเที่ยวผู้หญิง นอกใจ มันถึงเป็นคำว่าสกปรก?
เขาไม่ได้นอกใจ เพราะเขาไม่ได้คบเรา เขาไม่ได้พูดความจริงให้เรา แล้วเราเป็นคนแบบเฉียบ พอรู้สึกว่าโกหกทำไม สิ่งที่เราเกลียดคือคนโกหก อย่าให้เรารู้ทีหลัง มันเลยทำให้เราทำแบบนั้นลงไป
เห็นบอกมีประเด็นเรื่องเงิน?
มีค่ะ เราไม่ได้เป็นโพสต์เอง แต่คนรอบข้างโพสต์ลงไป ช่วงเวลาหนึ่งเขามีปัญหาหมุนเงินไม่ทัน เงินมันยังไม่ออกแล้วเขาทำงานแค่ด้านวงการบันเทิงอย่างเดียว ไม่ได้มีธุรกิจอย่างอื่น เราก็ช่วยเหลือเขา พยายามประคับประคอง
แต่ตอนนั้นเราก็มีความรู้สึกแล้วว่า เราอยู่ไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับการที่เขานิสัยแบบนี้ หรือทำแบบนี้ เราคงอยู่ไม่ได้ แต่เราก็ประคับประคองจนให้เขาค่อนข้างที่จะยืนได้แล้ว แล้วก็ผ่านวิกฤตินั้นแล้ว แต่พอมันเกิดเรื่อง เรื่องออกมาก็กลายเป็นคนไปว่าเขา แต่ว่าพอสุดท้ายแล้วเช้าวันรุ่งขึ้นที่เกิดเหตุพ่อเขาก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อย ไม่ได้มีอะไร
วันนี้อยากจะพูดถึงเรื่องอะไรที่คนเข้าใจผิดไหม?
จริงๆ แล้ว เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรขนาดนั้น ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่ทุกคนพูด ทุกคนตีความเขาเลวร้ายมากเกินไป บางทีตัวหนูเองก็คาดหวังในตัวคนอื่นมากเกินไป มองแต่อนาคต และใช้สมองคิด แต่ไม่ได้ใช้หัวใจกับปัจจุบันที่อยู่
เสียใจกับสิ่งที่โพสต์ไหม?
มาก ทุกวันนี้เหมือนแบบ เป็นตราบาปว่าเราทำร้ายใครสักคนที่เรารักมาก
ซึ่งจริงๆ เขาเป็นคนที่ไม่ได้...?
เขาไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เขาเป็นคนเฟรนลี่ที่น่ารักคนหนึ่ง
อยากบอกอะไรกับเขาสักนิดหนึ่ง?
ถ้าบอกกับเขา หนูบอกไปหมดแล้ว แต่ถ้าหนูอยากบอกจริงๆ คือ หนูอยากบอกกับครอบครัวเขามากกว่า ว่าหนูขอโทษคุณพ่อ ขอโทษคุณแม่ ขอโทษคุณย่า ขอโทษน้องๆ เขาที่ทำให้ลูกเขาเสียชื่อ ให้คนมองผิดไป
ตอนคริสต์มาสเกิดอะไรขึ้น ที่ได้กลับมาคุยกันทีหลัง?
หนูส่งข้อความไปหาเขา เพราะหนูรู้สึกว่าไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ แค่การขอโทษใครสักคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่เรารักมาก มันคงไม่ตายหรอก มันจะเสียฟอร์มเหรอ ก็เลยตัดสินใจกดไปบอกว่าขอโทษนะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะว่าเรายังมีไลน์อยู่ แต่ว่าอินสตาแกรมต่างคนต่างบล็อกกันไปเลย
ส่งไป สิ่งที่ตอบกลับมา ซึ่งเราก็ไม่คิดหรอกว่าเขาจะโทรมา หรือเขาจะส่งอะไรกลับมาเขาจะเกลียดเราขนาดไหน เพราะเราไม่ได้คุยกันเลยในระยะเวลาหลายเดือน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เขาโทรกลับมา แล้วพูดว่า เขาไม่เคยโกธรเราเลย เขารักยังไงก็รักเหมือนเดิม ทุกอย่างที่ทำไว้ที่เห็นก็ยังอยู่เหมือนเดิม
บ้านที่ซื้อไว้ก็ไม่ได้ทำอะไร ยังทิ้งไว้อย่างนั้น เก็บทุกอย่างไว้เหมือนเดิม แต่ว่าถ้าหมดสิ้นปีนี้ก็อาจจะขายบ้านแล้ว มันทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ย เราทำเขามากขนาดนี้ แต่เขายังไม่โกธรเราเลย เขาไม่ออกมาตอบโต้ ไม่ออกมาพูด เพราะเขาไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย แต่เราค่อนข้างที่จะคิดน้อย ทำให้เขาเสียโอกาสหลายๆ อย่าง เป็นเพราะเรา เลยรู้สึกเป็นตราบาปว่าเราทำคนที่เรารักได้มากขนาดนั้นเลยเหรอ
มันไม่มีโอกาสที่จะกลับมามีความสัมพันธ์แบบเดิม?
ถามตั้งแต่วันที่คุย เรามีโอกาสที่จะกลับมาไหม เขาบอกว่า มันไม่ได้แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่รักนะ ยังรักบุ๋มเหมือน แต่ว่ามันไม่ได้แล้ว สังคมอีก ที่บ้านอีก หลายๆ อย่างมันรุนแรงจน ถ้าคิดจริงๆ กลับไปมันคงไม่เหมือนเดิม ครอบครัวเขาอีก ครอบครัวเราอีก มันไม่ได้ แต่ก็แอบมีความหวังว่าเขายังโทรมาเลย เขาอาจจะกลับมาก็ได้ แต่มันก็ไม่ได้
ทุกวันนี้ยังแอบมีความหวังอยู่ในใจไหม?
น้อยลงค่ะ เพราะว่าต้องทำใจ เหมือนตอนนั้นมันมีกระแสว่า เรากดขี่ข่มแหง เอาแต่ใจ แล้วเรารู้สึกว่า เฮ้ย สิ่งที่เราทำ เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เราทำเพื่อเขา มันก็เลยดูเหมือนว่าเรากดขี่ข่มเหง
จริงๆ แล้วเราทำเพื่อให้เขาอยู่ต่อได้ แล้วเรารู้สึกว่าทำไมไม่ปกป้องเรา เราเคยโดนปกป้อง ทำไมครั้งนี้ไม่ปกป้องเราอะ เราเลยรู้สึกว่าวันนี้เราจะปกป้องตัวเอง มันจะมีคำที่หนูพูดว่า วันนี้ที่ออกมาพูดคือแค่อยากปกป้องตัวเองว่า หนูไม่ได้ไปกดขี่ข่มเหงเขา
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะทำอะไรบ้าง?
ย้อนเวลาได้เหรอ คงยอมเขาครึ่งทาง แค่นั้น มันก็จะไม่เกิดเรื่องอะไร เราก็แค่ปล่อยเวลาให้มันผ่านไปว่ามันจะดีขึ้นไหม แล้วค่อยตัดสินอีกที ณ ปัจจุบัน ในอนาคต ในตอนนั้น อีกอย่างหนึ่งคือเรากลัวว่าชีวิตจะไม่เรียบหรู คือกลัวแค่ว่าชีวิตจะไม่สวยงามเหมือนที่ผ่านมา เรากลัวไปก่อน
ตอนเสียใจทำอะไรบ้าง?
เป็นบ้า ค่อนข้างแย่ นอนอยู่ในบ้านไม่ทำอะไรเลย 2-3 วัน
ร้องไห้ไหม?
แรกๆ ไม่ร้อง พอเริ่มถึงจุดหนึ่งที่เริ่มคิดได้ ที่ส่งไปขอโทษเขา นั่นร้องไห้หนักมากที่สุด ไปเกาหลี 5-6 วัน คือนอนร้องไห้ทุกวัน ร้องไห้เพราะว่าเราทำกับเขาขนาดนั้นแต่สิ่งที่เขาตอบกลับมา บอกว่ายังรักบุ๋มเหมือนเดิม แค่เรากลับไปไม่ได้ มันเจ็บกว่าการที่บอก เฮ้ย เราเกลียดเธอหรือไม่ตอบอะไรเลยดีกว่า พูดว่ารักมันเจ็บมากกว่า เพราะว่าเราเป็นคนทำด้วย มันยิ่งเจ็บ
ความรักครั้งนี้ให้บทเรียนอะไรกับบุ๋มบ้าง?
ให้เราใจเย็นมากขึ้น โตมากขึ้น แล้วก็คิดทบทวนก่อนที่จะทำอะไรลงไป ลดความเป็นตัวเองที่ทิฐิสูง ลดเลยเป็นขั้นแบบกลางๆ เป็นบทเรียนที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราเสียคนที่รักมากที่สุด ด้วยนิสัยแย่ๆ ของเราเอง.