เป็นอีกหนึ่งคู่รักต่างวัยที่เรื่องอายุไม่ใช่อุปสรรค สำหรับคู่ของนักแสดงรุ่นใหญ่ โอ๊ต วรวุฒิ และภรรยาสุดสวยจีน่า ที่ตอนนี้ทั้งคู่มีโซ่ทองคล้องใจเป็นลูกชายตัวน้อยถึง 2 คน

แต่งานนี้ดูเหมือนว่าคุณพ่อโอ๊ตจะติดลูกหนักมาก ถึงขั้นอยากจะขายธุรกิจโรงแรมที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อต้องการกลับมาอยู่กับครอบครัวที่กรุงเทพฯ กันเลยทีเดียว ล่าสุด โอ๊ต วรวุฒิ ควงภรรยาจีน่า มาเปิดใจถึงเรื่องราวต่างๆ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บSHOW ทางช่อง one31 

ช่วงนี้พี่โอ๊ตพักงานในวงการ?
โอ๊ต "จริง จบงานครั้งสุดท้ายก็ประมาณปีนึง ตอนหลังไม่ค่อยได้รับงานเบื้องหน้า เพราะไปทำงานเบื้องหลัง แล้วกลับมารับงานละครเรื่องนึง แล้วไปทำธุรกิจอยู่ต่างจังหวัด"

ตอนนี้เป็นคุณพ่อเต็มตัวเหนื่อยมั้ย?
โอ๊ต "เหนื่อยแต่มีความสุขมาก คนไม่มีลูกไม่มีทางรู้เลยว่า เวลามีลูกมันจะมีความสุขแค่ไหน โอ้โห...มันมหัศจรรย์มาก"

...

ตอนนี้ครอบครัวอยู่กรุงเทพฯ แต่พี่โอ๊ตมีธุรกิจอยู่ที่บุรีรัมย์?
โอ๊ต "มีที่บุรีรัมย์กับพัทยา ที่บุรีรัมย์เป็นธุรกิจโรงแรมแต่เป็นโรงแรมขนาดเล็ก ประมาณ 40 ห้อง จริงๆ บุรีรัมย์จะเป็นเมืองท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ เราก็เลยไปสร้างโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ตอนนี้โรงแรมใกล้เสร็จแล้วครับ"

แล้วทั้งคู่อายุห่างกันกี่ปีไปเจอกันที่ไหน?
โอ๊ต "อายุห่างกัน 21 ปี ผมไปเจอเขาที่ร้านเพื่อน แล้วเขาเหมือนเป็นรุ่นน้องของเพื่อน ก็ได้คุยกัน"

จีน่า "วันนั้นก็มีแลกไลน์กัน ตอนนั้นยังไม่มีอะไร นานๆ ทีถึงจะทักทีนึง ถามว่าเขาบุกยังไง หนูบุกเอง คือเพื่อนเขาแนะนำให้รู้จัก เขาก็เลยบอกขอไลน์ไว้หน่อย ตอนนั้นก็ชอบคนมีอายุ เซอร์ๆ หนวดๆ แบดๆ ดี"

ขอย้อนเวลาก่อนที่จะเจอจีน่า เจ้าชู้หนักขนาดไหน?
โอ๊ต "อย่างที่บอกมันน่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายที่มีปัญหาในเรื่องของครอบครัว ตอนที่เรามีแฟนเราไม่ได้เป็นแบบนั้น ตอนนั้นเรามีแฟนเก่าแล้วก็เลิกรากันไป"

มันเป็นปมหรือเปล่า?
โอ๊ต "ก็ใช่แหละ เรารู้สึกว่าเราไม่อยากจริงจังกับใครแล้ว เราไม่อยากมีครอบครัวอีกแล้ว กลัว คิดว่าจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต ทีนี้ก็อยู่คนเดียวไม่ได้ก็ต้องออกข้างนอกตลอดเวลา ก็ใช้ชีวิตแบบเสเพล อาจจะเห็นแก่ตัวบ้าง เลวบ้างในสายตาของคนอื่นก็ยอมรับ"

คำว่าเสเพลขอเป็นยอดสถิติดีกว่า คือคบซ้อนทีละกี่คน?
โอ๊ต "ก็เยอะ แต่ไม่ถึงขั้นสาวๆ ตบตีกันแย่งเรา เขาไปเคลียร์กันข้างหลังเอง ก็ใช้ชีวิตเสเพลมาประมาณ 6-7 ปี พอมันเริ่มเหนื่อยกับตรงนั้นก็เลยอยากหาอะไรโฟกัส

เราเริ่มรู้สึกว่าเราอยากมีแค่คนคนเดียวแล้วโฟกัสไปกับเขา คือเวลาไปไหนมาไหนมันคิดถึงคนคนเดียว มันมีความสุขมากกว่า แต่อดีตมันก็คืออดีต ปัจจุบันมันเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว"

แล้วมันมีเกณฑ์อะไรมาเลือกว่าจะอยู่กับใคร?
โอ๊ต "ผมใช้ความรู้สึกเป็นหลัก ไม่เกี่ยวกับระยะเวลา ช่วงนั้นจีน่าเขาเข้ามา แล้วมีความรู้สึกว่าเวลาอยู่กับเด็กคนนี้แล้วมีความสุขมาก รู้สึกเอ็นดูเขา แต่ต้องบอกเลยว่าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีแฟนเด็กขนาดนี้ แล้วก็ไม่ชอบด้วย เพราะมีความรู้สึกว่าเด็กคุยยาก"

หล่อขนาดนี้ สาวๆ วิ่งเข้าหาเยอะ จีน่าห่วงมั้ย?
จีน่า "ตอนนั้นก็ห่วงนิดหน่อย แต่เขาทำให้เรามั่นใจ จริงใจ คือเขาเป็นยังไงเขาก็แสดงออกชัดเจนเลย"

โอ๊ต "ผมเป็นมนุษย์ที่ไม่โกหก รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ต้องรับ ก็บอกเขาหมด"

...

ถามจีน่าอะไรที่ชนะใจเรา?
จีน่า "ก็ความจริงใจจริงจังของเขาที่เข้าไปคุยกับแม่เรา จริงจังที่จะคบเราเป็นแฟน"

โอ๊ต "คบประมาณ 1 เดือน แล้วเข้าไปขอพ่อแม่เขาว่า ขอคบลูกสาวเขาเป็นแฟนแล้วก็ขอมีลูกเลย ตอนนั้นแม่หน้านิ่งมาก ไม่ยิ้ม ไม่อะไรเลย คือวันนั้นผมเดินเข้าไปสวัสดี แล้วเดินเข้าไปขอลูกสาวเขาเป็นแฟน

แล้วก็ว่าจะขอมีลูกด้วยเลย แม่ก็ถามว่าทำไมรวดเร็วขนาดนั้น ผมก็เลยบอกว่ากลัวผมตายก่อน แม่ก็บอกว่าคบกันไปก่อน ดูกันไปก่อน แล้วตอนหลังคุณแม่เขามาสารภาพว่า เป็นแฟนคลับเรา ติดตามผลงานเราอยู่"

ณ ตอนนี้ถือเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แฮปปี้มาก?
โอ๊ต "ผมว่าจุดหนึ่งคือการมีลูก ลูกนี่เปลี่ยนทุกอย่าง เปลี่ยนทัศนคติส่วนตัว มีมุมมอง คือโฟกัสมันเปลี่ยนที่ มันไปอยู่ที่ลูก มันเกิดการไม่ได้คาดหวัง ไปอยู่ที่ลูกทั้งหมด

เคยคิดอยาจะออกจากวงการเพื่อจะได้อยู่กับลูกมากขึ้นมั้ย?
โอ๊ต "ไม่เคยคิดเลิกเลย มันเหมือนอยู่ในสายเลือดของเราไปแล้ว คือยังคิดถึงวงการ คิดถึงการทำงานตลอดเวลา แต่เราอยากหาอะไรที่มันมั่นคงเป็นหลักประกันให้กับลูก แล้วอีกอย่างเราชอบทำธุรกิจอยู่แล้ว มันก็กลายเป็นสิ่งที่เราทำประจำ ที่บุรีรัมย์ก็มี 40 ห้อง 2 อาคาร

...

แต่พอทำไปแล้วมันอยู่ไกลบ้าน เราคิดถึงลูก คือโปรเจกต์นี้เกิดขึ้นก่อนที่ลูกคนที่ 2 จะมา แล้วลูกคนแรกผมเลี้ยงเองตลอด แล้วพอมาคนที่ 2 เรารู้สึกว่าความใกล้ชิดระหว่างผมกับโอเลิฟมันห่างกัน เราสงสารลูก และไม่อยากให้ลูกไม่สนิทกับเรา แล้วมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นโรค Homesick คิดถึงบ้าน อยากจะกลับบ้านตลอดเวลา"

อาการเขาหนักขนาดไหน อาจจะถึงโรงซึมเศร้าเลยเหรอ?
จีน่า "อาจจะไม่ถึง แต่ก็เป็นห่วง เขาก็โทรศัพท์มาทั้งวัน ต้องโทร.มาเพื่อให้เห็นหน้าลูก"

โอ๊ต "เขาก็จะรู้ว่าเวลาผมโทร.มาทั้งวันนั่นคือผมผิดปกติ แล้วเพิ่งมาเป็นหนักๆ คือ 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ก่อนไม่เป็น แต่ก่อนสนุกมาก หลังๆ เวลาไปอยู่บุรีรัมย์ปุ๊บใจมันอยู่กรุงเทพฯ ตลอดเวลา ใจมันอยู่ที่ลูก อยากกลับกรุงเทพฯ อย่างเดียวเลย ตอนนี้รู้สึกว่าหนักกว่าเดิมอีก"

ถึงขั้นจะขายโรงแรม?
โอ๊ต "มันมี 2 ประเด็น คือ อยากให้มีคนมาเทคโอเวอร์ต่อ แต่ว่ามันคือความฝันของเรา เรามีความรู้สึกว่าถ้ามีคนมาเทคโอเวอร์ เรายินดีทำให้สำเร็จตามภาพที่เราฝันเอาไว้โดยไม่คิดมูลค่าเพิ่ม ส่วนที่ 2 ก็คือถ้าหากว่าพระเจ้าอยากให้เราทำ ไม่ต้องการให้เราขายเราก็จะทำต่อ แต่ถ้ามีคนมา เทคโอเวอร์ ผมปล่อยเลย ขอเวลากลับมาอยู่กลับลูก ถามว่าลงทุนไปเท่าไหร่ ก็เกินครึ่งร้อยล้าน"

...

เห็นว่าเลิกบุหรี่เด็ดขาด?
โอ๊ต "ครับ คือแต่ก่อนผมไม่ได้เป็นคนสูบบุหรี่จัด ก็มีบ้าง แต่เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมาผมรู้สึกแย่มาก เวลาอยู่กับลูกแล้วเราเหม็น เราต้องไปแอบดูดแล้วแบบว่าไปคอยบ้วนปากตลอดเวลาถึงจะมาอุ้มลูกได้ เราก็รู้สึกผิดมาก ก็เลยตั้งใจว่าตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมาเราเลิก หักดิบเลย".