ออกมาพูดแบบเปิดใจตรงๆ ถึงความสัมพันธ์ที่ต้องโบกมือลา สำหรับ แพรว คณิตกุล กับ ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ หลังจากทั้งคู่คบกันมานานกว่า 5 ปี โดย แพรว ได้เคยออกมาโพสต์ไอจีถึงการจบความสัมพันธ์ครั้งนี้ งานนี้ทำเอาหลายคนที่เชียร์ต่างเสียดายกันเป็นแถว 

ล่าสุด แพรว ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ พร้อมกับยืนยันว่า ไม่มีมือที่สามแต่อย่างใด และยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ช่วยกันเลี้ยงแมวเหมือนเดิม และเจอกันได้เหมือนเดิม

สภาพจิตใจแข็งแรงแล้วใช่ไหม?

"แพรวโอเค จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของการที่เส้นทางตรงปลายไม่เหมือนกัน ความคิดที่เราไปเรื่อยๆ แบบนี้ มันเหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่เราสามารถไปเที่ยวได้ มันไม่ใช่ความผิดของใคร

บางทีความรู้สึกที่ทำให้เรารู้สึกว่าการที่เราจะไปถึงตรงนั้นมันไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเราไม่โทษว่าใครเป็นอะไรเลยว่าใครผิดเรื่องตรงไหนเรื่องยิบย่อยแพรวไม่มานั่งลงในรายละเอียด แต่เพียงว่าเรารู้ตัวเราเองว่าเราต้องการอะไรรู้ว่าตัวฟรอยด์เองเป็นยังไง เคยรู้สึกว่ามันดีกว่าที่เราจะจบ โดยไม่ได้มีสิ่งแย่ๆ ให้กัน"

ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะตกลงกันว่าเราจะแยกกันไป?

"เรื่องนั้นจริงๆ ใช้เวลาไม่นาน แต่กว่าที่จะเป็นข่าวอันนั้นๆ เพราะว่าแพรวเองก็ไม่ได้ไปนั่งบอกใคร ส่วนในไอจีแพรวเองก็ไม่ได้เป็นคนที่ลงอะไรดราม่าแบบนี้อยู่แล้ว

เพราะเราไม่อยากให้คนต้องมาเป็นห่วงเรา และรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นที่ต้องมานั่งบอก อีกอย่างแพรวอยากที่จะให้เกียรติฟรอยด์ด้วย เพราะเขาเองเขาก็ทำเต็มที่ของเขาเหมือนกัน"

...

เสียดายไหม เพราะคนก็มองว่าคู่เราเหมาะสมกันมาก?

"จริงๆ นะการที่แพรวคบกับฟรอยด์มันก็สนุก มันก็มันดี แต่เวลาที่เราจะต้องเป็นครอบครัว มันเป็นอีกแบบนึง เพราะฉะนั้นสิ่งที่แพรวมองตอนนี้ คือมันไม่ได้หมายความว่า พอเราเลิกปุ๊บเราต้องหาอีกคนมาตอบโจทย์ หรือมามองอนาคตว่าเราจะเป็นยังไง มันไม่ใช่เลย

เพียงแต่ว่า เพียงแค่เราโฟกัส ว่าเขามีความสุขในแบบแบบนั้น เรามีความสุขในแบบแบบนี้ซึ่งเขาเองก็ไม่ผิด คือเราต้องถามตัวเองว่าเราโอเคในแบบนั้นไหม คือถ้าไม่โอเคเราก็ถอยออกมาแค่นั้นเอง คือมันไม่ได้หมายความว่ามันแย่มากสุดๆ ไปข้างนึงเลย"

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้แพรวตัดสินใจเดินออกมา?

"มันเป็นอะไรหลายๆ อย่างในวิถีทางของความคิด การใช้ชีวิต ความต้องการคือมีคนบอกว่าในหลักของ คนที่เป็นคริสเตียน ต้องรู้จักคนรักของเราว่าเขาเป็นยังไง แพรวเองแพรวค่อนข้างโฟกัสในเรื่องนี้ มันจะมีเรื่องของการที่ว่า เวลาเราทะเลาะกับแฟน หรือมีปัญหากับแฟน มันสามารถทำให้เราคิดได้ว่า แฟนเราเป็นคนแบบไหน

เขาเป็นคนชอบคำพูดดีๆ หรือเปล่า ในเวลาที่เราทะเลาะกัน เขาเป็นคนที่ต้องการเวลา หรือเราเป็นคนที่ต้องการสัมผัสที่ดีคือมันจะมีหลักของความเป็นเราอยู่ ถ้าสมมติว่า พวกสิ่งเหล่านี้เราไม่รู้ซึ่งกันและกัน

แล้วก็ให้อีกคนหนึ่งทำในแบบนั้นในแบบที่เราต้องการ มันเลยกลายเป็นว่า เราเองก็ไม่อยากที่จะให้เขามานั่งฝืนด้วย เพราะเขาเป็นคนแบบนั้นและเราเป็นคนแบบนี้

คือถ้าเราได้รับการอันนี้มาปุ๊บ มันไม่ใช่เป็นแค่หลักเดียว คือมันเป็นเรื่องของในระยะยาวว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ มันคนละทาง เลยกลายเป็นว่าเราจึงตัดสินใจถอยออกมาดีกว่า"

ใครเป็นคนตัดสินใจพูดเรื่องนี้ก่อน?

"มันเป็นวันครบรอบพอดี แล้วแพรวรู้สึกว่ามันเป็นจุดที่เราต้องคุยกัน ก็เริ่มคุยพร้อมๆ กัน ถามว่าเสียใจแค่ไหน ยอมรับว่า ก็เสียใจ แต่ไม่ได้เสียดายเวลา เพราะเรารู้สึกว่า เราคบกับเขามา เขาก็ให้เกียรติเราดี มีน้ำใจให้กัน มันทำให้เราไม่ได้รู้สึกแย่

ในระหว่างที่เราคบกัน การดูกันไป เรามองกันตลอดอยู่แล้ว มันเลยไม่ได้มีความรู้สึกว่า ต้องมานั่งขอเวลา เพราะแพรวรู้สึกว่าเขาเอง เขาก็รู้ตัวว่าเขาทำดีที่สุดแล้วเหมือนกัน"

แต่มีคนหลายคนที่ถูกโยงมาเป็นมือที่สามในการเลิกกันครั้งนี้ของเรา?

"ไม่ใช่ใดๆ ทั้งสิ้น ในหมวดของฟรอยด์ไม่มีไม่เกี่ยว คือตอนแรกไม่พูดเลย มันเริ่มกลายเป็นว่าโยงไปถึงคนอื่น แล้วคนก็เข้าไปรุมฟรอยด์สุดๆ เพราะแพรวรู้สึกว่า ฟรอยด์เองเขาก็ต้องเสียใจในจุดที่ว่าเราต้องห่างกัน

เขาก็ไม่ควรที่จะถูกซ้ำเติมอะไรอีก เพราะมันไม่ใช่แค่ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องเดียวอยู่แล้ว เวลาคนจะเลิกคบกัน มันมีคนอื่นปุ๊บมันก็เป็นเรื่องเดียวแล้วจบเลย แต่อันนี้คือมันเป็นเรื่องหลายๆ เรื่องรวมกัน เพราะฉะนั้นกว่าจะถึงตรงนี้มันก็ใช้เวลา"

แต่ดูเหมือนว่ายังกลับมาคุยกันเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม?

"แพรวดีใจตรงที่ฟรอยด์เขาก็รู้สึกเหมือนกัน เขาเข้าใจว่าเราเองก็ยังอยากเป็นเพื่อนเขา เราไม่ได้อยากที่จะเลิกปุ๊บแล้วก็ห่างตัดกันไปเลย แต่แพรวก็จะเอาเท่าที่เขาได้เหมือนกัน เขาอยากตรงไหน เขาจะเป็นยังไงหรืออะไรแบบนี้ เพราะแพรวรู้สึกว่า แพรวรับได้ ว่าเขาอยากให้พื้นที่มันอยู่ตรงไหน

เราเองก็ยังคุยกันเพราะเรามีแมวดำที่เราผลัดกันเลี้ยงอยู่ ตอนแรกก็มีการคุยกันตลกๆ ว่า จะต้องขึ้นศาลเพื่อขอสิทธิ์เลี้ยงดูแมวไหม คือมันไม่มีมันเป็นเรื่องที่แบบว่า ฟรอยด์จะเลี้ยงตอนไหนบอก เดี๋ยวแพรวเอาไปส่งให้ หรือแพรวจะเอาชะโด้มาเลี้ยงตอนไหนก็ไปรับกลับมา"

ฟรอยด์เขาโอเคใช่ไหมที่เรายังวนเวียนอยู่ในชีวิตเขา?

"แพรวก็ไม่รู้ว่าเขาโอเคไหม แต่คิดว่าเขาน่าจะโอเคเพราะเรายังเล่นกัน ยังเฮฮากันได้"

ก่อนหน้านี้เห็นว่าเจอกันแล้วลงคลิปที่มีเพื่อนๆ แซวว่ารีเทิร์น?

...

"แพรวว่ามันเป็นเรื่องที่เล่นกันสนุกๆ แล้วเราอยู่ในกองเราก็สนุกสนาน แพรวก็เป็นคนขี้เล่น ฟรอยด์เองเขาก็เป็นคนขี้เล่นอยู่แล้ว ซึ่งแพรวก็รู้สึกว่าแพรวไม่ได้ติดอะไร ที่เขาจะเล่นเหมือนเดิม แล้วมันก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ใครรอบข้างรู้สึกแย่ เพราะว่าตอนนี้แฟนเขาก็ไม่ได้มีใคร แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่แต่ละคนมีแฟนใหม่ เราเองก็ต้องเกรงใจคนของเขา"

ห่างกันมาสักพักแล้วมีโอกาสที่จะกลับมาคืนดีกันไหม?

"แพรวเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่แพรวรู้สึกว่า ตอนนี้มันชัดเจน ซึ่งมันก็ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมาเราทำเพราะเราประชด คือการตัดสินใจนั้นเราคิดมาแล้ว ตรึกตรองมาแล้วดูมาแล้ว แล้วอีกอย่างแพรวก็ไม่ใช่คนที่จะมานั่งขู่คนว่า ถ้าเธอทำแบบนั้นฉันจะเลิกกับเธอ หรือมาประชดประชันกัน ลงไอจีมันไม่ใช่

ของแพรวเป็นแบบว่าถ้าสมมุติอยู่ตรงนี้ก็คืออยู่ตรงนี้ แต่ถ้าสมมุติว่ามันจะเป็นยังไงต่อค่อยว่ากัน คือแพรวเองไม่ได้มีข้อสงสัยกับตัวเอง เรารู้เองในใจว่าเราเลือกแล้ว คือ แพรวรู้จักฟรอยด์มาตั้งแต่เราเด็กๆ ทุกการเปลี่ยนแปลงของฟรอยด์เรารู้อยู่แล้ว และเห็นมาตลอด เขาเอง เขาก็โตมากและนิ่งขึ้นเยอะ

คือเราก็ไม่รู้ว่าอนาคตเขาจะเป็นยังไง ต่อไปเรื่องของการที่คนเราจะเหมือนกัน คือแพรวเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อ เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าพอวันนึงความคิดเราจะเปลี่ยนหรือเปล่า"

มีแอบหวั่นไหวไหมเวลาที่ยังต้องเจอกันอยู่?

"ไม่รู้อ่ะ มันสนุกดีเหมือนกัน คือเราเองไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอยู่แล้วเพราะว่า เราคบกันมาเกือบ 5 ปี เราชิวเป็นเพื่อนกันแบบนี้เลยไม่ได้มีความรู้สึกว่าหวั่นไหวหรือหัวใจละลายคือมันไม่มีอยู่แล้ว"

พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายว่ายังไงบ้าง?

"พ่อแม่ของฟรอยด์กับพ่อแม่ของแพรว เป็นคนที่ไม่ยุ่งเรื่องของลูกอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มต้น เขาจะเป็นสไตล์ว่าไปไหนมาไหนเขาก็เป็นห่วง ให้ดูแลกัน ในทุกเทศกาลแพรวก็ยังส่งไลน์ ส่งอะไรหาคุณพ่อคุณแม่เหมือนเดิม คุณพ่อคุณแม่ของฟรอยด์ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมสำหรับแพรว เพราะฉะนั้นแพรวเลยรู้สึกว่า มันไม่มีอะไรที่แย่ในเรื่องของครอบครัวเราทั้งสองคน"

...

แต่เหมือนว่ามีการมองอนาคตเรื่องของการแต่งงานไว้?

"ของเรื่องแต่งงานมันเป็นจุดที่ทำให้แพรวก็คิดเหมือนกันว่า เราแต่งงานกันไปจะเป็นยังไง นั่นเป็นข้อหนึ่งที่ทำให้แพรวรู้สึกว่า ตอนนี้มันไม่ได้มันไม่ถึงจุดนั้น"

ใช้ชีวิตโสดมาเป็นยังไงบ้าง?

"ก็ดีค่ะ ตอนนี้คุณก็จะเห็นว่าแพรวไปดูงานที่โรงแรมของแพรวที่เชียงใหม่มี 2 ที่ตอนนี้ขึ้นไปที่นึงแล้ว ซึ่งจะเสร็จหลังเมษายน ก็ต้องรอดูว่าจะทันไหม ชื่อโรงแรมว่าพอล ไปแล้ว 1 สาขา ซึ่งสาขาแรกแพรวไม่ได้เข้าไปมีส่วนด้วย แพรวมายุ่งที่สาขา 2 และสาขา 3 ซึ่งจะเป็นแบบวิลล่า

ซึ่งพอเสร็จเฟสนี้แพรวก็วางไปอีกว่า จะไปต่อที่สัตหีบอีกที่หนึ่ง คือตอนนี้ลุยเรื่องงานอย่างเดียว พอแพรวรู้สึกว่าพออายุ 35 ปีแล้ว เราเริ่มมองตัวเองว่า เราอยากทำอะไร เรามีแม่เราเป็นไอดอล คือมันไม่จำเป็นว่าจะต้องมีใคร

เราต้องแฮปปี้ได้ด้วยตัวเอง คือระวังไว้ว่า ถ้าเราอยู่คนเดียวคือเป็นคนที่อยู่คนเดียวเราชอบคิด ว่าถ้าเราอยู่คนเดียวเราจะต้องไปหาคนมาดูแล สู้เราเตรียมธุรกิจทุกอย่างเพื่อเราตอนแก่ให้เราอยู่คนเดียวได้ คือถ้าจะมีใครเข้ามามันก็ฟลุ๊คดี แต่ถ้าไม่มีเราก็อยู่ได้

...

คือไม่ใช่ว่าเราคิดว่าเราจะต้องอยู่คนเดียวไปตลอด แต่เพราะว่าเราเป็นลูกคนเดียว เรามีแค่แม่กับยาย คือถ้าเราหมดตรงนี้แล้วเราต้องอยู่คนเดียวลูกก็ยังไม่มีอายุ 35 ปีแล้ว

แทนที่จะไปนั่งโฟกัสว่าจะมีหรือเปล่า จะมีคนมาดูแลเราไหม สู้เราทำไปก่อน เพราะรู้สึกว่าในวัยนี้ถ้าล้ม แพรวก็มีแรงที่จะลุกขึ้นมาใหม่ ถามว่าคาดหวังกับการมีความรักครั้งใหม่ไหม บอกเลยว่าไม่คาดหวัง แต่ถ้าจะมีใครเข้ามาก็เข้ามา คือไม่ได้ปิดเข้ามาได้เลย".