ยังเม้าท์แหลกสนั่นกรุงไม่หาย เม้าท์แรงๆ ข้ามปีกันไปเลย กับคดีนี้ที่สังคมไทยจะไม่ลืมเลือน คดีที่สังคมไทยจะจดจำอีกนาน และนำไปสอนลูกหลานสืบต่อไปให้ตราบนานเท่านาน กลายเป็นคดีที่ค้านสายตาคนไทยเกือบทั้งประเทศ กับการตัดสินคดีใหญ่มากของ ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) กับคดียืมนาฬิกาหรูหลายเรือนของ ป้อม ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม
ยังคงคาใจกันต่อไปยาวๆ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการกองประกวด มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล Miss Grand International และผู้อำนวยการประกวด มิสแกรนด์ไทยแลนด์ Miss Grand Thailand ก็ยังคงคาใจสุดฤทธิ์สุดเดชต่อไป เหมือนๆ กับคนไทยอีกหลายล้านคน ที่ยังงงในงง คาใจไม่หาย!!!
ณวัฒน์ ได้เปิดใจกับบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ "ทุกคนต้องรับผิดชอบประเทศไทย หลายครั้งที่มีการพูดถึงว่า คนไทยทุกคนต้องดูแลประเทศ และต้องรับผิดชอบความเป็นไปของประเทศไทย จะต้องให้เราทำตามทุกอย่าง ถ้ามันเป็นสิ่งที่เหมาะสมและสมควรทำตามกฎหมาย
"แต่ที่ผ่านมา ถามเรื่องนาฬิกาและแหวนเพชร ของผู้มีอำนาจคนนั้น มันเป็นสิ่งที่มีเรื่องราวมานานรายเดือน และผลการตัดสินของ ป.ป.ช. ได้ออกมาแล้ว อย่างที่เรารู้กันว่า ไม่มีมูลความผิด ถามจริงๆ จะเชื่อได้มั้ยว่า ไปยืมเพื่อนมา แต่ไม่สามารถจะรู้ได้ว่า ใครเป็นคนซื้อ ปราศจากหลักฐานใดๆ ที่จะพาไปสู่ความผิดได้ ที่ถือว่าท่านไม่มีความผิดใดๆ
"ผมว่าการใช้กฎหมายควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน และต้องมีความชัดเจนมากกว่านี้ โดยเฉพาะในช่วงที่พิจารณา ว่ามีความผิดหรือไม่ แต่ท่านยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ และเป็นตำแหน่งที่สูง ซึ่งก็ไม่เหมาะสมที่จะให้ ป.ป.ช. สอบสวนได้แบบอิสระ ตัวท่านเองไม่มีข้อมูลอะไรให้กับทางสังคมที่ถามหา พอผลออกมาแบบนี้ สรุปรวมเลยว่า ทุกเรือนไม่มีความผิดและไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของ ป.ป.ช. ได้ลงมติเป็นแบบนั้นแล้ว
...
"ผมว่าสังคมในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะยุคโซเชียล คนไทยมีข้อมูลมากขึ้น และใช้หลักเหตุผลในการเชื่อเรื่องหนึ่งเรื่องใดมากขึ้นแล้ว โดยใช้วิจารณญาณใช้เหตุผล และความน่าจะเป็นมากขึ้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าการตัดสินคดีนี้ กระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของประชาชนไทยแบบรุนแรง!!!
"ผลออกมาเป็นอย่างนี้แล้ว ถ้าตามกฎหมายเราคงจะต้องยอมรับมัน แต่ถ้ามาย้อนถามอีกทีว่า แล้วใครใช้กฎหมาย แล้วกฎหมายใช้ได้เหมาะสมแล้วหรือยัง ผมว่าประชาชนทั้งประเทศมีคำตอบ บทสรุปของเรื่องนี้ คนที่ใช้กฎหมายคงต้องดูแลประเทศต่อไป เราจะใช้มาตรฐานกันแบบนี้ต่อไปจริงมั้ย กับเรื่องอื่นๆ อีก ความรับผิดชอบต่อประเทศครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ที่ประชาชนครับ อยู่ที่คนใช้กฎหมายครับ ที่เชื่อว่าหาหลักฐานไม่ได้ แล้วทำไมไปสรุปว่าเป็นของเพื่อนและยืมมาใส่จริง
"ทำไมไม่สรุปไปก่อนว่า เป็นของคนที่ใส่ จนกว่าจะหาหลักฐานได้ว่าเป็นของเพื่อน จึงจะถือว่าเป็นของเพื่อน ตรรกะในการวิเคราะห์แปลกมาก ซึ่งชิ้นสองชิ้นก็พอไหว แต่ให้ยืมเกินกว่า 20 ชิ้น แล้วฐานะของคนที่ไปยืมมาได้อย่างท่าน ก็ไม่น่าจะทำให้มีเหตุผลเพียงพอ ผลการตัดสินคดีออกมาเป็นอย่างนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ผมว่าคนไทยมีคำตอบอยู่แล้วกับคดีนี้ ทำให้หลายคนเสียใจและหมดศรัทธากันไปเยอะ กับกระบวนการยุติธรรม".