หลังจากที่ น้องพีค รวิกร สังวริบุตร ลูกชายของนักแสดงหนุ่มชื่อดัง เอ๋ ไพโรจน์ สังวริบุตร ที่เกิดกับ กชวัณณ์ ปิ่นจุฑานนท์ ภรรยาเก่า เผยผ่านสื่อถึงเรื่องที่คุณพ่อถอดชื่อคุณแม่ออกจากทะเบียนบ้านที่ ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี หลังจากที่หย่าขาดจากกัน พร้อมทั้งไม่ให้อดีตภรรยาและลูกเข้าบ้าน จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลฯ ตามมามากมายนั้น

ล่าสุดรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” ทางช่องอมรินทร์ทีวี ได้สัมภาษณ์เอ๋ ไพโรจน์ ถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจว่า ไม่ขอตอบโต้เรื่องนี้ เพราะตนเองในฐานะพ่อเข้าใจว่าหัวอกลูกรู้สึกยังไง ขอให้เรื่องนี้ไปจบที่กระบวนการชั้นศาลแล้วกัน ตนเองกับภรรยาเก่าหย่ากันไปนานแล้ว โดยศาลตัดสินให้จบเรื่องราวตั้งแต่ปี 2551 คำพิพากษาชัดเจนเรื่องแบ่งทรัพย์สิน ลูกชายคงไม่เข้าใจว่าคำว่าเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านมันไม่เหมือนการเป็นเจ้าของบ้าน คือพอคัดให้ออกจากการเป็นเจ้าบ้าน นั่นคือชื่อก็ต้องออกตั้งแต่แบ่งทรัพย์สินแล้ว กฎหมายให้มีเจ้าของบ้านเพื่อรับผิดชอบบ้าน ชื่อของภรรยาเก่ามีอยู่ในบ้านตั้งแต่ก่อนหย่ากัน

เอ๋ ไพโรจน์ สังวริบุตร
เอ๋ ไพโรจน์ สังวริบุตร

...

ความเข้าใจผิดในจุดนี้คงทำให้ลูกชายเข้าใจตนผิด ตนไม่อยากจะพูดอะไรมากเพราะสงสารลูก การที่ต่อสู้กับอดีตภรรยาในชั้นศาล ตอนนั้นลูกชายยังเด็ก สิ่งที่ตนพูดหรือลูกชายพูดไม่มีประโยชน์อะไร ต้องไปดูคำพิพากษา คำพิพากษาออกมาแล้วก็ต้องยอมรับ หากไม่เข้าใจก็ต้องไปทำความเข้าใจกับข้อกฎหมายกันใหม่ ส่วนข่าวที่ตนขู่น้องพีคว่าถ้าก้าวเท้าเข้ามาในบ้านจะมีการแจ้งตำรวจจับ ตนก็ต้องพิจารณาว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เป็นแบบนั้น อย่าลืมว่าศาลพิพากษาให้หย่าแล้ว ตนมีครอบครัวใหม่ ถ้าเป็นคุณ คุณจะให้ภรรยาเก่าเข้ามาในบ้านมั้ย

ซึ่งตนก็บอกไปตั้งแต่แรกว่าไม่อนุญาตให้เข้า เพราะทุกครั้งที่ภรรยาเก่ามาบ้านก็พาลูกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในกรณีที่อดีตภรรยามาด้วย ตนไม่อนุญาต ไม่มีเหตุผลต้องอนุญาต ในเมื่อตนกับภรรยาเก่าหย่าไปตั้งแต่ปี 2551 ถามว่าทำไมลูกชายตนถึงเผยเรื่องต่างๆ กับสื่อเป็นระยะ ทำไมถึงตกลงกันไม่ได้ ตนคิดว่าคงจะมีคนผลักให้ลูกตนออกมาพูด อย่าให้ตนพูดดีกว่า ตนไม่อยากให้คนมองลูกชายในด้านลบ สังคมจะเชื่อใครไม่เป็นไร นักเลงคีย์บอร์ดคงจะสนุกที่ได้แสดงความคิดเห็น

พีค รวิกร ลูกชายเอ๋ ไพโรจน์
พีค รวิกร ลูกชายเอ๋ ไพโรจน์

อย่างบ้านที่เอาไปทำสถานปฏิบัติธรรม ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสีย แต่นักเลงคีย์บอร์ดเขียนว่าเอาบ้านไปเป็นซ่อง คุณพิมพ์ก็สนุกไป ตนไม่ถือสา ถามว่าตนได้คุยกับน้องพีครึยัง ตนยังไม่คุยและคงไม่คุย ไม่รู้จะคุยอะไร ในเมื่อเขาแสดงเจตนาชัดเจนในเรื่องนี้ ตนก็มีเหตุผลไม่อยากให้คุณแม่ของน้องพีคเข้ามาในครอบครัวใหม่ของตน

ทางด้านน้องพีค ลูกชาย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่ได้มีเจตนาโจมตีคุณพ่อหรือทำให้คุณพ่อเสื่อมเสียชื่อเสียง เพียงแต่บ้านหลังนี้ตนมีความผูกพัน หลังเกิดเรื่องขึ้นมาตนกับแม่ถูกห้ามเข้าบ้านและไม่ได้ติดต่อคุณพ่ออีกเลย และยอมรับว่ามีการขู่แจ้งความกันด้วย วันนี้ตนยังรักพ่อเสมอ และไม่คิดว่าจะกลายเป็นข่าวขนาดนี้ ตนไม่ใช่ลูกที่ต่อว่าพ่อทั้งต่อหน้าและลับหลัง ตนแค่ขอความเห็นใจ และการให้ข้อมูลตนไม่ได้ถูกใครบังคับหรือผลักให้ออกมาพูด ทุกอย่างตนทำเองหมด ส่วนคุณแม่ก็ยังช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย.