การจากไปของนักแสดงรุ่นใหญ่และผู้กำกับมากฝีมือ เปี๊ยก พิศาล อัครเศรณี สร้างความเศร้าและเสียใจต่อบุคคลใกล้ชิดและคนในวงการบันเทิงเป็นอย่างมาก รวมไปถึงพระเอก บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ที่ อาเปี๊ยก พิศาล เป็นผู้ฉุดและเคี่ยวเข็ญขึ้นมา จนทำให้เป็นพระเอกที่โด่งดังและมีชื่อเสียง

เพราะ อาเปี๊ยก เป็นผู้กำกับคนแรกที่ให้โอกาส บอย ได้เล่นละคร สอนอะไรหลายๆ อย่าง แม้กระทั่งทางช่องไม่เอา แต่ อาเปี๊ยก เลือกที่จะเอา บอย มาเป็นพระเอกละครในเรื่อง ไฟรักอสูร ซึ่งเป็นละครเรื่องแรกของตนเอง

...

อาเปี๊ยกถือเป็นคนแรกที่กำกับเรา?
"(นิ่งนาน หันหลังร้องไห้) อาเป็น...(ร้องไห้) อาเปี๊ยกเขาเป็นทุกอย่างอีกพาร์ทหนึ่งของชีวิตผมครับ คือผมโตขึ้นมาด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่เกื้อหนุน ซัพพอร์ตไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ที่ทำงาน

ทุกวันนี้พาร์ทชีวิตของผมนอกจากชีวิตส่วนตัวก็คือเรื่องทำงาน การที่ผมมาอยู่จุดตรงนี้ก็เพราะว่าอาให้โอกาสผมครับ (สะอื้น)"

ความเมตตาที่อาให้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ากองเป็นยังไง?
"คือผมได้เข้ามาแคสที่ช่องก่อนครับ เข้ามาทิ้งโปรไฟล์ไว้ แล้วพอดีว่าอาเขากำลังหาตัวแสดงไปเล่นครับ ช่องก็ส่งไปแคสที่อา ก็คือถ้าผมผ่านการแคสของอา

หมายถึงว่าได้เล่นละครของอา ผมก็ได้เซ็นสัญญาช่อง เหมือนว่ามีหลายครั้งที่ช่องถอดใจจากผม แต่ว่าอาเขายังเชื่อมั่น ยังสู้กับผม ก็รอผมประมาณ 2 เดือน (สะอื้น)

มันมีหลายเหตุการณ์มากๆ นะครับ ที่อาทำให้ผมรู้ และอาพูดกับผมเองเลยด้วยว่ายังไงก็จะรอผม ก็คือจะเอาผมเล่น"

อาบอกมั้ยว่าเห็นอะไรในตัวเรา?
"เขาไม่ค่อยบอกอะไรผมครับ คือสำหรับผมแล้วอาเขาไม่ค่อยได้ชมผมเท่าไหร่ เขาจะเป็นแนวนี้ แต่ผมก็รู้และกล้าพูดในระดับนึงว่า

อาเขาเอ็นดูผม แต่เขาไม่ค่อยแสดงออกว่าเอ็นดูผม แต่ผมรู้ว่าอาเขารักผมมากครับ"

เหตุการณ์ประทับใจเป็นอย่างไรบ้าง?
"ก็เยอะครับ คือสิ่งที่อาสอนผมมันไม่ใช่แค่เรื่องการแสดง ที่ผมบอกคือผมไปอยู่กับอาประมาณ 2 เดือน ไปแคส ไปเรียนแอ็กติ้งครับ

ถ้าผมเล่นไม่ได้ อาบอกว่าจะยังไม่เปิด กูไม่เปิด เพราะมึงยังเล่นไม่ได้ ถ้ามึงเล่นไม่ได้ ทีมงานก็ยังไม่มีกิน (ร้องไห้) มึงก็ดูเอาละกัน มึงรีบเล่นให้เป็นเร็วๆ ทีมเขาจะได้ไม่ต้องรอ

แต่อาเขาบอกว่าสุดท้ายยังไงกูก็จะรอ แล้วก็กูจะเอามึง นี่คือคำที่อาพูดกับผมบ่อยๆ ช่วงนั้นครับ ที่เขาเคี่ยวเข็ญเรา"

ถือเป็นคนเปลี่ยนชีวิตในวงการเลยไหม?
"ก็เป็นจุดเริ่มต้นในวงการบันเทิง ถึงผมจะผ่านงานอื่นมาบ้าง ผมมารู้จักการแสดงจริงๆ มาทำงานจริงๆ รู้จักการใช้ชีวิตตรงนี้จริงๆ คืออาเป็นคนสอนผมหมด อาเป็นคนหนีบผมไปทุกที่ที่อาไป (เสียงสั่น กลั้นหายใจ)"

...

ก่อนหน้านี้พอทราบไหมว่าอาเปี๊ยกป่วย?
"พอรู้ว่าอามีโรคประจำตัว"

ช่วงหลังมีโอกาสได้เจออาบ่อยไหม?
"คือช่วงหลังๆ ไม่ค่อยได้เจอเลยครับ แต่มียกหูคุยกันบ้าง"

ตอนทราบข่าวตอนนั้นเป็นยังไง?
"ก็งงครับ ตอนนั้นเพิ่งลงจากเครื่องเมื่อเช้า หน่องเป็นคนบอก พอดีหน่องเขาเปิดโทรศัพท์ก่อน เขาเห็นข่าวว่าอาเปี๊ยกเสียครับ"

ความรู้สึกตอนนั้นเป็นอย่างไร?
"(เงียบ ร้องไห้) ช็อกครับ ก็เสียใจ ผมเพิ่งคุยกับพี่โอ ลูกชาย และเพิ่งคุยกันว่าอยากจะหาเวลาเข้ามาเยี่ยมอา"

สิ่งที่อาสอนเราและเรายังใช้จนถึงทุกวันนี้คืออะไร?
"เล่นละครไม่ต้องห่วงสวย ห่วงหล่อครับ (ร้องไห้) อาบอกว่ามึงไม่ได้เป็นพระเอก มึงเป็นนักแสดง ไม่ต้องห่วงหล่อครับ"

วันนี้อยากจะขอบคุณอะไรอาเปี๊ยก?
"เยอะเลยครับ ผมก็..อย่างที่ผมบอกว่าอาไม่ได้เอาผมไปสอนเรื่องการแสดงหรืออะไร แต่ว่าเอาผมไปอยู่ด้วย พาผมไปนู่นไปนี่

...

เวลาอยู่กับอาก็จะเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง ค่อยๆ ให้เก็บเรื่องราวชีวิตต่างๆ ให้ประสบการณ์ ให้ชีวิตต่างๆ โดยเฉพาะหลักๆ ในการใช้ชีวิตในวงการตรงนี้

เวลาผมเจอเรื่องราวอะไรที่ไม่ดี อาก็จะโทรมาด่า เป็นเหมือนพ่อผมอีกคนหนึ่งครับ คือ...ผมก็ไม่รู้ว่าขอบคุณแล้วมันจะพอกับที่อาทำให้ผมหรือเปล่า ก็ขอบคุณอามากๆ สำหรับทุกๆ อย่างครับ".

...